วงค์ ตาวัน : เดินขบวนสวนทาง 14 ตุลาฯ

วงค์ ตาวัน

มีกิจกรรมความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นมากมายหลายพื้นที่ในวันที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ 14 ตุลาคม 2516 ซึ่งผ่านมาแล้ว 45 ปี แต่ความสำคัญและยิ่งใหญ่นั้นยังไม่จางหายไป ทุกคนยังจำได้ติดตา ในภาพคลื่นประชาชนมากมายมหาศาลที่ออกมาเดินขบวนขับไล่รัฐบาลทหารถนอม-ประภาสให้ปล่อยตัว 13 กบฏที่เรียกร้องรัฐธรรมนูญ พร้อมกับให้คืนเสรีภาพประชาธิปไตยให้กับประชาชน

สุดท้ายด้วยการเสียสละชีวิตเลือดเนื้อของวีรชนกว่า 70 รายที่ต้องล้มตายไปด้วยกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่ ทั้งบาดเจ็บ-พิการอีกจำนวนมาก

ทำให้รัฐบาลทหารถูกโค่นล้มขับไล่ ทำให้สังคมไทยได้ก้าวเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตย มีการเลือกตั้ง เกิดการตื่นตัวของขบวนการนักศึกษาประชาชนอย่างต่อเนื่อง

“14 ตุลาฯ จึงเป็นวันประวัติศาสตร์ของขบวนการประชาชน เป็นสัญลักษณ์ของการได้มาซึ่งประชาธิปไตย โดยการต่อสู้ของประชาชน 2 มือเปล่า และการสละชีวิตของวีรชน”

ดังนั้น การรำลึกถึง 14 ตุลาคมในปีนี้จึงมีความหมายในแง่ที่ว่า ประชาธิปไตยที่ประชาชนสูญเสียไปในการรัฐประหารล่าสุด กำลังจะกลับคืนมาสู่มือของประชาชน

การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในต้นปี 2562 จึงต้องร่วมกันทำให้เป็นการเลือกตั้งที่คึกคักเข้มข้น ร่วมกันผลักให้ประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไป นำไปสู่การพัฒนาสิทธิเสรีภาพของประชาชนให้ก้าวไกลไปยิ่งขึ้น

รวมทั้งทำอย่างไรให้ผลการเลือกตั้ง ส่งให้พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไต มีพลังแข็งแกร่งพอจะเปลี่ยนแปลงกฎกติกาการเมืองต่างๆ ที่ถูกฝ่ายอนุรักษนิยมการเมืองตีกรอบเอาไว้รอบด้าน

“เพื่อให้หลุดพ้นจากสภาพการเป็นประชาธิปไตยแค่ครึ่งใบหรือแค่เสี้ยวใบ ให้ไปสู่ประชาธิปไตยเต็มใบให้ได้ในอนาคตข้างหน้า!”

อีกทั้งด้วยสภาพการเมืองไทยที่วันนี้ถอยหลังย้อนยุค จากความเคลื่อนไหวของฝ่ายขวา ฝ่ายอนุรักษนิยมการเมือง ปลุกชนชั้นกลางขึ้นมาต่อสู้ด้วยอารมณ์เกลียดชังนักการเมือง ซึ่งส่งผลสร้างความชิงชังในระบอบประชาธิปไตย ไม่ยอมรับระบบการเลือกตั้ง

อุดมการณ์การเมืองที่ล้าหลัง เข้ามาครอบงำชนชั้นกลางอย่างได้ผล

ด้วยการลุกฮือในช่วงปี 2548 ปูทางสู่การรัฐประหาร 2549 และการลุกฮือในปี 2556 ปูทางสู่รัฐประหาร 2557

ส่งผลให้สังคมไทยถอยหลังอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เกิดสภาพการเมืองย้อนยุคไปกว่า 30-40 ปี

บางคนถึงกับเปรียบว่า ร่วมกันรำลึกวันครบ 45 ปี 14 ตุลาคม ในท่ามกลางบรรยากาศที่บ้านเมืองไทยเราถอยหลังไปก่อนจะเกิด 14 ตุลาคม 2516 ด้วยซ้ำ!

ขณะที่นักประชาธิปไตยไปรวมตัวกัน เพื่อคารวะต่อวีรชนที่ทำให้สังคมไทยได้เข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยเมื่อ 45 ปีก่อน โดยไปชุมนุมกันในสถานที่จัดงานต่างๆ ที่มีด้วยกันหลายรูปแบบ

แต่ภาพงานรำลึก 14 ตุลาฯ ในปีนี้ ที่ได้รับการกล่าวขวัญมาก และน่าจะสะเทือนใจมากที่สุด

“คือภาพ ผศ.ดร.วินัย ผลเจริญ อาจารย์วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กำลังจุดเทียนรำลึกวีรชนที่หน้าอาคารเรียนในค่ำคืนของวันที่ 14 ตุลาคม โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ รปภ.มหาวิทยาลัย ยืนคุมอยู่รายรอบ”

อาจารย์วินัย ผลเจริญ ได้โพสต์ภาพนี้และข้อความในเฟซบุ๊กว่า

“”สืบสานเจตนารมณ์ 14 ตุลา ทำกิจกรรมคนเดียว มี 3 คนในครอบครัวช่วยดูและถ่ายรูปให้ พอจุดเทียนเสร็จก็พูดบอกลูกชายซึ่งเกิดวันที่ 14 ตุลา ให้รู้ความสำคัญของ 14 ตุลาในประวัติศาสตร์ไทย เผื่อลูกจะได้รักประชาธิปไตยและรังเกียจเผด็จการ””

คนรำลึกถึงวีรชนเพียงลำพัง แต่อยู่ในสายตาที่จับจ้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจมากมาย

“บอกเล่าบรรยากาศของบ้านเมืองเราในวันนี้ได้ครบถ้วน ดังที่กล่าวกันว่า วันนี้เราอยู่ในการเมืองที่ถอยหลังไปก่อนจะเกิด 14 ตุลาฯ 16 จริงๆ”

ทั้งที่เมื่อปี 2516 นักศึกษาประชาชนมืดฟ้ามัวดิน เดินขบวนเรียกหาเสรีภาพและประชาธิปไตย ยอมตายเพื่อให้ได้มา

ต่อมาในปี 2519 ในวันที่ 6 ตุลาคม เกิดแผนล้อมฆ่าขบวนการนักศึกษาประชาชนที่เติบโตมาจาก 14 ตุลาฯ หวังจะหยุดยั้งและกวาดล้างให้หมดสิ้นไป

“แต่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและเสรีภาพไม่เคยหยุด”

ในปี 2535 ประชาชนชุมนุมเดินขบวนใหญ่ขับไล่รัฐบาลทหารอีกครั้ง และเรียกหารัฐธรรมนูญที่กำหนดให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น เป็นการยกระดับอำนาจการเมืองในมือประชาชนให้สำคัญขึ้นไปอีก

ต้องไม่มีนายกฯ ที่แอบแฝงจากอำนาจนอกระบบอีก

เป็นการต่อสู้ของประชาชน ที่ทำให้ประชาธิปไตยของประชาชนงอกงามก้าวหน้าไปอีกขั้น!

แต่แล้วสังคมไทยก็ได้สร้างปรากฏการณ์ที่โลกต้องงุนงง เพราะมีการชุมนุมต่อสู้ในปี 2548 สร้างสัญลักษณ์สีเสื้อขึ้นมา เพื่อต่อต้านขับไล่รัฐบาลที่เรียกว่าทุนสามานย์ สร้างบรรยากาศเกลียดชังนักการเมืองอย่างรุนแรง นำไปสู่การไม่ยอมรับระบบเลือกตั้ง

ลงเอยเรียกหาทหารให้ยึดอำนาจ เพื่อล้างระบบนักการเมืองเลวร้ายให้สูญสิ้นไป

“แล้วก็เกิดรัฐประหาร 2549”

ต่อมาในปี 2556 เกิดการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลเลือกตั้งอีก ต่อต้านระบอบทักษิณ ครั้นรัฐบาลดังกล่าวยอมถอยด้วยการประกาศยุบสภา เพื่อเปิดให้เลือกตั้งในต้นปี 2557 แกนนำม็อบกลับไม่ยอมเลือกหนทางนี้

เรียกหาการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

พูดง่ายๆ ว่า ประเทศทุกประเทศที่ปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญ ก็ต้องทำตามรัฐธรรมนูญ ถ้ารัฐบาลยอมยุบสภาเพื่อให้เลือกตั้ง แต่ม็อบบอกไม่ยอมเลือกตั้ง จะขอปฏิรูปก่อน

ถ้าจะเอาเช่นนี้ ระหว่างนั้นจะปกครองด้วยหนทางไหน แบบไหน โดยใคร

“ก็คือ เปิดทางให้ทหารออกมารัฐประหารนั่นแหละ มีทางเดียว!”

แล้วก็มี 22 พฤษภาคม 2557 เกิดขึ้น แถมเป็นคณะรัฐประหารที่อยู่ยาวนานกว่า 4 ปี

การรำลึกถึง 14 ตุลาคม 2516 ในปีนี้ จึงยิ่งต้องเศร้าสลดแทนวีรชน ที่อุตส่าห์ยอมตายเพื่อให้ได้ประชาธิปไตย ให้หลุดพ้นจากรัฐบาลทหาร แต่มาวันนี้ทุกอย่างถอยหลัง

“เพราะมีการนำประชาชนต่อสู้แบบสวนทางกับเจตนารมณ์วีรชนเดือนตุลาอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ!!”

ต่อสู้เพื่อให้ระบบเลือกตั้งหยุดไป อย่าเพิ่งมีประชาธิปไตยก่อน ขอให้มีคณะรัฐบาลทหารปกครองประเทศแทน เพื่อปฏิรูป

ทั้งๆ ที่หนทางพัฒนาประชาธิปไตย ชะล้างนักการเมืองเลวร้ายล้าหลังที่ดีที่สุดก็คือ เลือกตั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า ให้ประชาชนทุกคนร่วมเรียนรู้ ร่วมพัฒนาการเมืองด้วยมือของประชาชนเอง แล้วประชาธิปไตยจะพัฒนาไปเรื่อยๆ อย่างยั่งยืนมั่นคงที่สุด ดังที่ทั่วโลกทำสำเร็จกันมาแล้ว

มีแต่ประเทศที่ล้าหลัง อ้างเรื่องนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชั่น เพื่อก่อเงื่อนไขรัฐประหาร ซึ่งถึงที่สุดก็คือเกมแย่งชิงอำนาจการเมืองของฝ่ายอำนาจนอกระบบนั่นเอง

ทั่วโลก มีแต่การลุกฮือของประชาชน เพื่อขับไล่อำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เพื่อให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้อำนาจการเมืองมาอยู่ในมือ และได้มีส่วนร่วมในทางการเมือง ร่วมตัดสินใจในชะตากรรมบ้านเมือง

“แต่บ้านเรามีการเดินขบวนแบบสวนทิศสวนทาง”

ดังนั้น วันนี้เราจึงถอยหลังย้อนยุคไปยิ่งกว่าก่อนจะมี 14 ตุลาคม 2516 นั่นเอง!