เครื่องเคียงข้างจอ / วัชระ แวววุฒินันท์ / โปรดเห็นค่าเด็กยกเปียโน

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ / วัชระ แวววุฒินันท์

 

โปรดเห็นค่าเด็กยกเปียโน

 

วันก่อนได้อ่านบทความเกี่ยวกับเรื่อง “เด็กยกเปียโน”

โดยเปรียบเทียบว่า เมื่อเรารู้สึกชื่นชมกับความสามารถของนักเปียโนเอก ที่กราดนิ้วพลิ้วไปตามคีย์เปียโนจนเกิดเป็นเสียงดนตรีที่สุดแสนไพเราะประทับใจยิ่ง จบลงด้วยการที่นักดนตรีนั้นลุกยืนขึ้นโค้งรับเสียงปรบมือกึกก้องอย่างสง่างาม

เราพึงอย่าลืมคิดไปถึง “เด็กยกเปียโน” ด้วย

เพราะถ้าไม่มีคนที่ทำหน้าที่ยกเปียโนขึ้นมาบนเวที มาประกอบติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสมสวยงามให้เรียบร้อย นักเปียโนที่มีฝีมือเป็นเลิศนั้นก็คงไม่รู้จะเอาเปียโนที่ไหนมาแสดงฝีมืออวดคนดูได้

เป็นการเปรียบเปรยจากคนในวงการฟุตบอล

ที่ชี้ให้เห็นว่า ในทีมฟุตบอลนั้นมีคนที่ทำหน้าที่กันหลายตำแหน่ง หลายบทบาท ที่เรามักชื่นชมและให้ค่าก็มักจะเป็นกองหน้าหรือตัวทำประตูที่ยิงฟุตบอลเข้าไปตุงตาข่ายฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้ทีมคว้าชัยชนะมาให้ได้

แต่กองหน้าเหล่านั้นอาจทำผลงานไม่ได้เลย หากขาดการสนับสนุนที่ดีจากผู้เล่นคนอื่นๆ

ไม่ว่าจะเป็นกองหลังที่สกัดการรุกของฝ่ายตรงข้าม เพื่อส่งบอลมาให้กองกลาง แล้วกองกลางที่สามารถก็นำพาลูกบอลหลบคู่ต่อสู้ เพื่อหาช่องส่งต่อให้ซูเปอร์สตาร์เหล่านั้น รับไปลาก เลื้อย และยิงเป็นประตูขึ้นมา

คนอื่นๆ เหล่านี้ที่ถูกเปรียบเปรยเป็น “เด็กยกเปียโน”

ถ้าไม่มีคนเหล่านี้ ประตูงามๆ จากศูนย์หน้าดังๆ ก็อาจจะไม่เกิด

ฉะนั้น โปรดจง “ให้ค่า” กับคนเหล่านี้ด้วย

 

ในบทความนั้นยังเล่าถึงทีมดังอย่างรีล มาดริด ที่อุดมไปด้วยนักเตะซูเปอร์สตาร์ดังๆ อย่าง ซีดาน, เบ๊กแฮม, หลุยส์ ฟิโก้, โรนัลโด้, ราอูล กอนซาเลส, โอเว่น แต่เชื่อไหมว่าในช่วง 3 ปีนั้น รีล มาดริดไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆ มาครองได้เลย

เพราะสโมสรเอาเงินไปให้ค่ากับนักเตะดังๆ และไม่ให้ค่ากับนักเตะที่ทำหน้าที่ “เด็กยกเปียโน” เพียงพอ จนนักเตะเหล่านั้นต้องออกจากทีมไป

ผลงานที่ออกมาจึงเหมือนนักเปียโนที่ไม่มีเปียโนจะเล่นนั่นเอง

ยังมีเด็กยกเปียโนคนอื่นๆ อีกที่อยู่ในทีมฟุตบอล ไม่ใช่แค่นักเตะเท่านั้น

ผมเคยได้อ่านบทสัมภาษณ์คนที่ทำหน้าที่หลังบ้านอย่าง “คนเตรียมเสื้อผ้านักเตะ” หรือที่เรียกว่า “คิตแมน”

ฟังดูก็พอจะนึกออกว่า ใช่ มันต้องมีคนที่ทำหน้าที่ตรงนี้แน่ๆ เพราะนักเตะคงไม่ต้องมานั่งเตรียมเสื้อผ้า-รองเท้าเองกันหรอก แต่ทำไมถึงได้มีความสำคัญมากขนาดนั้น

คนเหล่านี้จะทำหน้าที่แบบ “มาก่อนกลับทีหลัง”

เช่น นักเตะซ้อมตอน 4 โมงเย็น แต่คนเหล่านี้จะมาตั้งแต่บ่ายโมง เพื่อมาเตรียมความพร้อมทุกอย่าง ไม่แต่เฉพาะเรื่องเสื้อผ้า เขาจะมาเตรียมตัวเพื่อรองรับตามแผนการซ้อมว่าจะซ้อมอย่างไร อะไรที่ต้องสนับสนุนบ้าง เช่น ชุดซ้อมที่ต้องมีให้ครบ เสื้อ กางเกง ถุงเท้า รองเท้า ที่เราเคยเห็นภาพในห้องล็อกเกอร์ว่ามีเสื้อผ้าแขวนพร้อมถุงเท้า-รองเท้าวางไว้เป็นระเบียบอย่างดี นั่นละฝีมือพวกเขา

ซึ่งการเตรียมเสื้อผ้านี้ก็ไม่ใช่แต่ว่าเตรียมๆ ไป ต้องดูซ่อมแซมแก้ไขส่วนที่ชำรุดอีกด้วย เช่น เบอร์ลอกหลุด ก็ต้องเปลี่ยน อยู่ไปอยู่มานักเตะตัวใหญ่ขึ้นก็ต้องเปลี่ยนขนาดเสื้อให้พอดี รองเท้าสตั๊ดพังก็ต้องซ่อม รวมทั้งเตรียมเสื้อเอี๊ยมสำหรับการซ้อมแบ่งข้าง และอุปกรณ์ประกอบต่างๆ

ถังน้ำ น้ำดื่ม น้ำแข็ง ยาแก้ปวดเมื่อย คลายกล้ามเนื้อต่างๆ ก็ต้องเตรียมไว้ให้พร้อม

พอนักเตะซ้อมเสร็จ ถอดเสื้อผ้ารองเท้ามากอง อาบน้ำแล้วก็กลับบ้านไป แต่คนเหล่านี้ต้องตามเก็บไปซักให้เรียบร้อย ซึ่งรวมไปถึงกางเกงในของนักเตะด้วย รองเท้าใครส่งกลิ่นเหม็นก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ

ดูแลให้มากกว่าคนทางบ้านเสียอีก

นักเตะเปิดตูดกลับไปพักผ่อนแล้ว เขาเพิ่งจะเคลียร์ของให้เสร็จ ปิดไฟสนามแล้วค่อยกลับไปบ้าน

 

เป็นเด็กยกเปียโนที่เราไม่เคยลืม เพราะเราไม่เคยรู้ และไม่เคยจำ ไม่รู้ไม่จำก็เลยไม่ลืม

เชื่อว่าในองค์กรของเรา ในสังคมของเรา มีเหล่าเด็กยกเปียโนที่รอให้เราได้เห็นคุณค่า และให้ความสำคัญอีกมาก

เขียนอย่างนี้ก็เพื่อจะเชิญชวนให้เราได้ลองก้มมอง หรือมองไปตามซอกหลืบเล็กๆ ดู เผื่อเราจะได้เห็น “เด็กยกเปียโน” ที่น่าชื่นชมในองค์กรของเราบ้าง

แต่ช่วงนี้ มีองค์กรหนึ่งที่ไม่ต้องเชิญชวนใดๆ เลย

พวกท่านๆ ต่างพากันเห็นคุณค่าของเด็กยกเปียโนที่ว่านี้เป็นที่ยิ่ง

นั่นก็คือ องค์กรที่เรียกว่า “พรรคการเมือง” นั่นเอง

ช่วงนี้ที่เปิดให้พรรคการเมืองได้ลงทะเบียนให้เรียบร้อย จากนั้นก็ต้องสะสมสมาชิกพรรคที่คาดว่าจะมีคะแนนเสียงที่ดี และมีแนวโน้มว่าจะได้รับการเลือกตั้ง เข้ามาอยู่ในสังกัดกันเป็นทิวแถว จนถึงขั้น “ดูด” กันซึ่งหน้าและลับหลัง

พวกอดีตนักการเมืองต่างๆ ช่วงนี้จึงเนื้อหอมกันเป็นพิเศษ หากใครเสียงดังๆ มีฐานเสียงดี เนื้อตัวก็จะหอมกรุ่นด้วยกลิ่นมาดามหอมชื่นใจยิ่ง

มีแต่คนโตๆ มาเห็นคุณค่าของพวกเขา แน่นอนที่พวกเขาจะไม่ได้เป็นแค่ “เด็กยกเปียโน” ตามที่เปรียบเปรยเท่านั้น

แต่พวกเขาเป็น “เด็กยกโต๊ะยกเก้าอี้ของคณะรัฐมนตรี” เลยเชียวละ

ถ้าไม่มีพวกเขา พวกท่านๆ ก็ไม่อาจจะเอื้อมมานั่งเก้าอี้ ครม. ที่ยื้อแย่งกันสุดลิ่มทิ่มประตูกันได้แน่ โดยเฉพาะ “เก้าอี้นายกรัฐมนตรี” ที่ต้องอาศัยเด็กยกเปียโนร่วม 250 คนเป็นอย่างต่ำ

เอาวะ นานๆ จะมีคนมาเห็นคุณค่ากันสักที

เล่นตัวหน่อยก็ดีนะ และต้องดูให้ดีๆ ว่าเราจะยกเปียโนให้ใครเล่น

เล่นเป็นจริงรึเปล่า ถ้าไม่อย่างนั้นเราอาจจะต้องทนฟังเสียงเปียโนผิดคีย์ คร่อมจังหวะ และไร้สุนทรีย์ไปตลอด 4 ปี หรือนานกว่านั้นก็เป็นได้ เป็นกรรมของประเทศ เอ๊ย ของหูไปเปล่าๆ ปลี้ๆ

จริงไหมท่านนักเปียโนทั้งหลาย