ผ่าคดีบุกยิงเสี่ยปั๊ม ล็อก “พันศักดิ์” คนดัง ปิดตำนานนักอุ้มฆ่า 2แม่ลูกศรีธนะขัณฑ์

เป็นอีก 1 คดีอุกฉกรรจ์ที่สังคมให้ความสนใจ สำหรับคดียิงเสี่ยปั๊มน้ำมันที่สระแก้วเสียชีวิต

เพราะไม่ใช่แค่พฤติการณ์อุกอาจ ลงมือยามรุ่งสาง แถมทำทีมาเติมน้ำมัน ก่อนลงมือโหด

ยังเชื่อมโยงเกี่ยวพันไปถึงอดีตตำรวจนักอุ้มฆ่ามือฉกาจ ที่พัวพันยุ่งเหยิงมาหลายคดี

รวมทั้งคดีอุ้มฆ่าแม่ลูกศรีธนะขัณฑ์อันอื้อฉาว นำมาซึ่งการดำเนินคดีกับบิ๊กตำรวจหลายนาย

เป็นจุดที่ทำให้เรื่องราวของเพชรซาอุฯกระฉ่อนโลก

นั่นคือสารวัตรพันศักดิ์ หรือนายพันศักดิ์ มงคลศิลป์ นั่นเอง

โดยเหตุที่รับงานฆ่าครั้งนี้ อ้างว่าทดแทนบุญคุณเฮียท้ง ที่ดูแลกันมาตลอดตั้งแต่ยังเป็นตำรวจ

ซึ่งมีเรื่องขัดแย้งเกี่ยวกับที่ดินปั๊มน้ำมันที่เปิดกิจการอยู่ในขณะนี้

สุดท้ายเฮียท้งเองก็ฆ่าตัวตายหนีความผิด ขณะที่พันศักดิ์เองก็จนมุมที่จ.ระยอง

ปิดคดีฆ่า และหวังว่าคงเป็นคดีสุดท้ายของพันศักดิ์ 

อุกอาจบุกยิงเสี่ยปั๊มดับ 

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 30 ก.ย. โดยร.ต.อ.เทวิน สุรสูรย์ รองสว.(สอบสวน) สภ.เมือง จ.สระแก้ว รับแจ้งเหตุยิงกันที่ปั๊มน้ำมันซอยโรงเลื่อย หลังโรงน้ำแข็งสระแก้ว

ที่เกิดเหตุภายในปั๊มน้ำมัน พบศพนายประชา วรทัด อายุ 52 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ข้างปั๊มหัวจ่ายน้ำมัน สภาพศพถูกยิงด้วยปืนขนาด .38 นอนคว่ำหน้า กระสุนเข้าที่ท้ายทอยทะลุใบหน้า

ใกล้กันพบนางปาลิดา วรทัด อายุ 49 ปี ภรรยา ถูกยิงที่แขนและหลัง จำนวน 4 นัด บาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สระแก้ว

จากการตรวจสอบพบปลอกกระสุนปืนขนาด .38 ออโตเมติก สอบสวนพยานในที่เกิดเหตุ และไล่ดูกล้องวงจรปิดตามเส้นทางใกล้ที่เกิดเหตุ พบคนร้าย 1 คน สวมชุดคลุมหัวคล้ายชาวมุสลิม มาดักรอลงมือช่วงเช้ามืด

ขณะที่นางปาลิดา ให้การว่า ช่วงเช้ามืดคนร้ายขับรถเข้ามาทำทีจะเติมน้ำมัน พอสามีเธอถามว่าทำไมต้องปิดหน้าปิดตา คนร้ายชักปืนออกมา ทำให้สามีวิ่งหนี คนร้ายจึงยิงไปที่ท้ายทอย โดยตนยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะบัญชีห่างออกไป ตกใจหันมาดู คนร้ายหันมาเห็นก็ชักปืนมายิงหลายนัดจนล้มก่อนจะวิ่งหนีไป ตนจึงไปเรียกเพื่อนบ้านที่อยู่ห่างกันประมาณ 10 เมตรให้มาช่วยเหลือ 

ด้าน น.ส.ปัมทาพร วรทัด อายุ 30 ปี ลูกสาว ระบุว่า ครอบครัวของตนเป็นคนต่างถิ่นมาซื้อที่ดินและปั๊มน้ำมันต่อจากเจ้าของเดิมได้ 5 ปี ต่อมาก็มีการฟ้องร้องกันไปมาหลายกรณี

หลังจากสืบสวนจนพบว่าที่แท้มือปืนที่ก่อเหตุครั้งนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน

แต่เป็นนายพันศักดิ์ มงคลศิลป์ หรืออดีตพ.ต.ท.พันศักดิ์ ตำรวจตำแหน่งสารวัตรที่ปราจีนบุรี

มีประวัติโชกโชนพัวพันคดีอุ้มฆ่า 2 แม่ลูกศรีธนะขัณฑ์

จึงขออนุมัติหมายจับล่าตัวนายพันศักดิ์ ลงวันที่ 4 ต.ค. ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง

พร้อมติดตามตัว นางธนพร สุขโขจัย อายุ 50 ปี ภรรยา ตามหมายจับของศาลจังหวัดธัญบุรีในคดียักยอกทรัพย์ เมื่อปี 2560 พร้อมตั้งเงินรางวัลนำจับ 5 หมื่นบาท

เร่งล่าตัวมาดำเนินคดี

เสี่ยท้งบงการ-ปมหักธุรกิจ 

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบว่า นายพันศักดิ์รับงานมาจากนายดำรงฤทธิ์ กิตติวราภรณ์ หรือเสี่ยท้ง เจ้าของปั๊มน้ำมันเก่า พร้อมเชิญตัวมาสอบสวนไปแล้ว 

ซึ่งสรุปประเด็นความขัดแย้งว่าก่อนหน้านี้ เสี่ยท้งเจ็บป่วยถึงขั้นพิการ ซึ่งก็ได้นาง ปาลิดา มาเป็นพยาบาลส่วนตัวคอยดูแล

จนกระทั่งเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว เสี่ยท้งได้ขายปั๊มน้ำมันให้นางปาลิดา กับครอบครัว พร้อมกับให้ดูแลกิจการ แต่ก็มีเงื่อนไขว่าต้องมาดูแลกันเหมือนเดิม แต่ต่อมานางปาลิดา ต้องดูแลครอบครัวของตัวเอง และกิจการปั๊มน้ำมัน จึงไม่ได้กลับไปดูแล

จึงพยายามติดต่อขอซื้อปั๊มน้ำมันกลับคืน แต่นางปาลิดา และสามีไม่ยินยอม

เสี่ยท้งจึงติดต่อไปยังนายพันศักดิ์ ที่รู้จักสนิทสนมกันมาตั้งแต่ครั้งเป็นสารวัตรอยู่ปราจีนฯ แล้วให้ความช่วยเหลือดูแลกันมาตลอด

จนกระทั่งนายพันศักดิ์ยอมรับงานในราคาหลักแสน เพื่อมาลงมือ

ส่วนเสี่ยท้ง หลังจากจ้างวานแล้วนาย พันศักดิ์ลงมือสำเร็จ ก็มีตำรวจไปตามหาสอบปากคำ แม้ตอนแรกจะไม่รับสารภาพ แต่ก็มีความสำนึกผิดว่าคงจะหนีไม่รอดเงื้อมมือของกฎหมาย จึงให้ลูกน้องพาไปหาลูกน้องคนสนิทอีกคนที่ อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ 

เมื่อลูกน้องพานั่งรถเข็น ก็บอกให้พาไปนั่งเล่นที่ใกล้สระน้ำในทุ่งนาด้านทิศตะวันออก ของบ้านเปือย ต.เปือย ก่อนสั่งให้อดีตลูกจ้างไปซื้อกับข้าวที่ตลาด

ก่อนจะอาศัยจังหวะดังกล่าวพุ่งตัวลงในบ่อน้ำ ฆ่าตัวตาย

ซึ่งจากการสอบสวนพบว่าทางเข้าออกทุ่งนาดังกล่าวมีทางเดียว และก่อนที่ลูกน้องคนสนิทจะออกมา เสี่ยท้งเองก็ยังมีชีวิตอยู่ ขณะที่ช่วงที่ออกมาซื้อกับข้าวก็ไม่ได้แสดงท่าทีเป็นพิรุธอะไร ชันสูตรพลิกศพก็ไม่พบร่องรอยน่าสงสัยใดๆ

จึงเชื่อได้ว่าเป็นการวางแผนฆ่าตัวตายของเสี่ยท้ง เพื่อหนีความผิดนั่นเอง

พันศักดิ์มืออุ้มฆ่าไม่รอด 

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวนายพันศักดิ์ โดยที่ตอนแรกคิดว่าจะหลบหนีออกประเทศเพื่อนบ้าน จึงสั่งให้จับตาตามด่านชายแดน

จนกระทั่งพบรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีเทา หมายเลขทะเบียน 5 กต-9009 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ริมถนน หน้าอาคารตึก 2A และ 2D ถนนพหลโยธิน 89 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นรถต้องสงสัยคดีฆ่าเสี่ยเจ้าของปั๊มน้ำมันในจังหวัดสระแก้ว

จึงตรวจสอบแล้วก็พบว่าน่าจะเป็นรถที่นายพันศักดิ์ใช้ก่อเหตุจริง จึงคาดว่านายพันศักดิ์ยังคงหลบหนีอยู่ในภาคกลาง

จากนั้นจึงไปจับกุม นายนิคม หรือ ป๊อด มนต์ศิริ มือขวานาย พันศักดิ์ มาสอบสวน เพื่อเค้นหาที่อยู่ของลูกพี่ให้ได้

พร้อมกับหาเบาะแสจากประวัติของเพื่อนๆ นายพันศักดิ์ ที่รู้จักกันในเรือนจำ พบว่ามีพรรคพวกอยู่ที่อ.ปลวกแดง จ.ระยอง จึงปูพรมออกค้นหาตามรีสอร์ตต่างๆ จนพบว่านายพันศักดิ์ และนางธนพร มาเปิดห้องพักอยู่หลายวัน

โดยฝ่ายผู้ชายจะกบดานอยู่ในห้องพัก ให้ฝ่ายหญิงออกมา สั่งอาหาร และคอยรับอาหารเท่านั้น

เมื่อได้พิกัดชัดเจน ตำรวจกองปราบฯ ก็นำกำลังบุกจับกุม ซึ่งตอนแรกนายพันศักดิ์คิดจะขัดขืน แต่ภรรยาได้ขอร้องเอาไว้ จึงยอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อตรวจสอบก็พบอาวุธปืน .380 ในตัว จึงเก็บเป็นหลักฐาน และส่งตรวจสอบวิถีกระสุนว่าตรงกับที่ใช้ยิงเสี่ยปั๊มหรือไม่

ก่อนจะนำมาเค้นสอบที่กองปราบฯในที่สุดก็ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือ อ้างว่าเพื่อทดแทนบุญคน

ทั้งนี้นางปาลิดา ก็ให้การว่าจำหน้านายพันศักดิ์ได้ เพราะเคย เข้านอกออกในบ้านเสี่ยท้งอยู่บ่อยครั้ง

ปิดตำนานนักอุ้มฆ่าชื่อดัง

เปิดประวัติสุดโชกโชน

สำหรับนายพันศักดิ์ ถือเป็นคนดังในวงการ มีชื่อโด่งดังครั้งแรก ในฐานะนายตำรวจระดับสารวัตรสืบสวนแห่งเมืองปราจีนบุรี ผู้เป็นหัวหน้าทีมอุ้มฆ่า 2 แม่ลูกศรีธนะขัณฑ์ ซึ่งเชื่อมโยงมาจากคดีเพชรซาอุดีอาระเบีย เมื่อปี 2537

นับเป็นผู้ต้องหารายแรกที่ถูกสั่งจับ เมื่อพยานหลักฐานชี้ชัดว่า เป็นผู้นำทีมไปดักอุ้ม 2 แม่ลูก ที่ปากทางหมู่บ้านย่านตลิ่งชัน กทม. แล้วเอาตัวไปกักขังไว้ที่บังกะโล ย่านสระแก้ว 

ก่อนหลักฐานจะถึงนายตำรวจระดับ พล.ต.ท.คนดัง และลุกลามไปถึงอีก 1 พล.ต.ท. และอีก 1 พล.ต.อ. ทำให้ถูกดำเนินคดีถึง 3 นายพล แต่สุดท้ายพยานหลักฐานพอฟ้องแค่ 1 พล.ต.ท.

จากปี 2537 ที่ พ.ต.ท.พันศักดิ์ ถูกศาลตัดสินลงโทษและติดคุกยาวนาน แต่ได้ลดหย่อนตามลำดับ จนกระทั่งเมื่อปี 2555 จึงได้รับอิสรภาพ

นอกจากนี้ยังมีชื่อเข้าไปพัวพันกับการอุ้มฆ่าอื่นๆ อีก 4 คดี ได้แก่ คดีอุ้มฆ่า ส.ท.สมเกียรติ น้อยเล็ก มือปืนชื่อดังของภาคตะวันออก คดีอุ้มฆ่า กำนันประเชิญ บุญปราโมทย์

คดีอุ้มฆ่า นางตรีนุช บุญทวี ภรรยาของ ส.จ.ปราจีนบุรี ที่เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของอดีตแฟนสาว อีกทั้งตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีอุ้มฆ่าหัวหน้าแขวงการทางพิเศษ จ.ปราจีนบุรี ที่มาติดพันแฟนสาวของตนเอง

หลังจากพ้นคุกออกมาได้ปีเดียว นายพันศักดิ์ถูกจับกุมอีกครั้ง เนื่องจากเข้าไปมีส่วนพัวพันกับคดีอุ้มฆ่าเผาเสี่ยอ้วน โรงเกลือ หรือ นายชัยชนะ หมายงานนักธุรกิจค้าขายชายแดนไทย-กัมพูชา ฉายาเทพเจ้าสองแผ่นดินแห่งตลาดโรงเกลือ ในป่ายูคาลิปตัส บ้านคลองมะเดื่อ หมู่ 8 ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2556

โดยร่วมกลุ่มชายฉกรรจ์บุกเข้าอุ้มเสี่ยอ้วนจากในซอยข้างบ้าน ซึ่งหลักฐานของกล้องวงจรปิดจับภาพได้หลายจุด จนทำให้สามารถทราบ และจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 5 คน ก่อนที่จะหลบหนีในชั้นประกันตัว

โผล่มาอีกครั้งรับงานยิงเสี่ยปั๊ม และน่าจะเป็นคดีสุดท้าย