เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์ / จาก ‘คนหน้าใหญ่’ สู่ ‘คนใจใหญ่’

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

 

จาก ‘คนหน้าใหญ่’ สู่ ‘คนใจใหญ่’

 

หากใครได้เคยอ่านเรื่องสั้นชุด “ว้าวุ่น” ที่ผมเขียนไว้ในนามปากกา ปินดา โพสยะ คงจะจำตัวละครที่ชื่อ “หนุ่ย” ได้เป็นอย่างดี เพราะผมได้เขียนถึงหนุ่ยเต็มๆ หนึ่งตอน และเรื่องของเขาก็แทรกอยู่ในตอนต่างๆ ด้วย

เรื่องสั้นชุดว้าวุ่น เป็นเรื่องที่ผมเขียนขึ้นเมื่อครั้งเรียนอยู่ที่คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ ตอนปี 4 เขียนเป็นตอนๆ และพิมพ์ในนิตยสาร “เปรียว” ที่เพิ่งเปิดตัวในตอนนั้นหมาดๆ

เรื่องราวก็นำมาจากคนใกล้ตัวคือ เพื่อนๆ ที่คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ ที่ล้วนมีบุคลิกและนิสัยประจำตัวที่โดดเด่นน่าพูดถึงเป็นอย่างมาก

ซึ่ง “หนุ่ย” ที่ว่าก็เป็นหนึ่งในนั้น

 

ตอนของหนุ่ย ผมใช้ชื่อว่า “คนหน้าใหญ่” เพราะเป็นลักษณะโดดเด่นทางกายภาพที่เด่นชัดที่สุดของเขา ในขณะที่คนอื่นๆ จะมีชื่อตอนตามบุคลิกและนิสัยใจคอไป เช่น “คนมักหลับ” “หยอยประชด” “กึ่มเล็ก กึ่มใหญ่” “คนปากคัน” เป็นต้น

จริงไหมที่บอกว่าหนุ่ยนั้นเป็นคนหน้าใหญ่

ถ้าถามเพื่อนๆ ที่เรียนอยู่ด้วยกันตอนนั้นก็จะพยักหน้าแรงๆ และบอกว่าจริง เพราะหนุ่ยนั้นหัวโตกว่ารูปร่างในสเกลที่เรียกว่า “ผิดส่วน” ประกอบกับทรงผมที่เป็นทรงบ๊อบซึ่งเป็นที่นิยมสมัยนั้นก็ยิ่งทำให้หัวของหนุ่ยนั้นโตขึ้นกว่าปกติโขอยู่

ในหนังสือ “ว้าวุ่น” ผมได้บรรยายถึงลักษณะเรื่องหน้าใหญ่ของเขาไว้ว่า

“หนุ่ยไม่ได้มีแต่หัวที่ใหญ่เท่านั้น ทั้งดวงตา จมูก ปาก เรียกว่าเครื่องประกอบของหน้า ต่างพากันโตตามใบหน้าไปเสียหมด เหมือนกับว่าจะยอมแพ้เสียมิได้ ไหนๆ จะโตกันแล้วก็ต้องให้มันถึงจุดสุดยอดสิน่า”

ความ “หน้าใหญ่” ของหนุ่ย ไม่ได้หมายความว่า อวดร่ำอวดรวย ประเภทสายเปย์อะไรนั่น แต่เป็นหน้าใหญ่ตามสรีระ ที่จริงๆ แล้วในเวลาต่อมาเพื่อนๆ ได้พบว่า แท้จริงแล้ว “หนุ่ย” นั้นเป็นคน “ใจใหญ่” ยิ่งนัก

ความเป็นคนใจใหญ่ของหนุ่ย เห็นได้จากการที่เขามีน้ำใจให้กับเพื่อนๆ เสมอ น้ำใจที่ว่านี้ไม่ใช่ข้าวของเงินทอง แต่เป็นความห่วงใย ความรัก ความผูกพัน ที่เขามีต่อเพื่อนๆ และคนรอบข้างต่างหาก

เป็นความใจใหญ่ที่ได้ใจผู้คนไปเต็มๆ มากกว่าจะเป็นเรื่องทรัพย์สินเงินทอง

หนุ่ยนั้นเป็นคนมีน้ำใจจริงๆ สังเกตได้ว่า เขาเป็นคนที่มีเพื่อนมาก ในชั้นปีเราที่มีอยู่ 80 กว่าคน ตามธรรมชาติก็จะแบ่งเป็นกลุ่มๆ ตามนิสัยใจคอรสนิยมของแต่ละคน ใครเป็นคนแบบไหนก็มักจะจับกลุ่มกัน แต่สำหรับหนุ่ยแล้ว เขาไปกันได้กับทุกกลุ่มจริงๆ

กลุ่มเรียนเขียนแบบเริ่ด หนุ่ยก็ถือว่าเป็นมือหนึ่ง ภาพสเกตช์ของเขาได้คะแนนเอตลอด งานออกแบบของเขาก็มีแนวคิดที่สร้างสรรค์มากเกินหน้าเกินตาเพื่อนๆ

กลุ่มกีฬา หนุ่ยก็เอากับเขาด้วย โดยการร่วมเล่นรักบี้กับเพื่อนๆ แม้ว่าพอถึงตอนแข่งจะไม่ได้ลงสนามเพราะเผลอไปล้มตอนเตะบอลจนแขนเดาะก็ตาม ถึงกระนั้นหนุ่ยก็แต่งชุดนักรักบี้ห้อยเฝือกมาเชียร์เพื่อนๆ อยู่ข้างสนาม

กลุ่มเฮฮาขาเมา หนุ่ยก็นั่งตูดติดในวงเหล้ากับเขาได้ แม้จะไม่ค่อยได้ดื่มเป็นจริงเป็นจังนัก แต่เขาก็สรวลเสเฮฮาไปกับเพื่อนขี้เมาทั้งหลายได้อย่างกลมกลืน

กลุ่มเล่นละคร หนุ่ยก็ร่วมเล่นกับเขาและช่วยทำงานเบื้องหลังด้วย

กลุ่มค่ายอาสาพัฒนา แม้เขาจะไม่ใช่ชาวค่ายตัวยง แต่เขาก็มีเพื่อนที่สนิทสนมเป็นนักกิจกรรมค่ายก็หลายคน

กลุ่มสรวลเสเพลย์บอย เขาก็ติดร่างแหไปด้วย ไม่ได้ไปจีบสาวอะไรหรอก แต่สนุกที่จะไปกับเพื่อนๆ กลุ่มนี้เหมือนที่เขาก็สนุกที่จะไปกับเพื่อนๆ ทุกกลุ่มนั่นเอง

แม้แต่พวกเพื่อนผู้หญิง ที่พวกหล่อนก็สามารถพูดคุยสนิทสนมกับหนุ่ยได้อย่างเป็นกันเอง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเพื่อนผู้ชายทุกคนจะเป็นเช่นนี้ได้

นี่ไง เขาจึงเป็นคนที่เพื่อนๆ รักจริงๆ

 

เมื่อเรียนจบมา เขาก็ทิ้งความสามารถในการออกแบบอาคารบ้านเรือน แต่มาออกแบบฉากให้กับรายการโทรทัศน์แทน ตอนนั้นหนุ่ยได้มาเป็นสมาชิกของเจ เอส แอล ในยุคเริ่มต้น และได้เป็นผู้บุกเบิกงานทางด้านโปรดักชั่น ให้มีความทันสมัย แปลกตา และล้ำหน้ากว่าใครในยุคนั้น สร้างชื่อให้กับบริษัทอย่างมาก

ไม่ว่าจะเป็นฉากในรายการเกมโชว์ชื่อดังตอนนั้น “พลิกล็อค” “ชิงหลัก” “ลุ้นละไม” รายการวาไรตี้อย่าง “น้ำแข็งใส่น้ำหวาน” ฉากละครอีกหลายเรื่อง เช่น “คุณยายกายสิทธิ์” “นายแพทย์สนุกสนาน” “เทวดาตกสวรรค์” เป็นต้น

นับว่าเขาเป็นมือหนึ่งของงานโปรดักชั่น ดีไซน์ สำหรับรายการโทรทัศน์ในตอนนั้นเลยทีเดียว

ไม่ใช่แค่ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบเท่านั้น หนุ่ยยังมีความคิดสร้างสรรค์ในการทำรายการอีกด้วย รายการที่เขาอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเจ เอส แอล ในยุคหลังๆ นี้ ก็อย่างเช่น “กิ๊กดู๋สงครามเพลงเงินล้าน” “จันทร์พันดาว โจ๊ะพรึมพรึม” “เจาะใจ” ในการเปลี่ยนภาพลักษณ์และสร้างซีรี่ส์ “เมื่อหัวใจยังเต้น” และควบคุมงานอีเวนต์ของเจาะใจ คือ The Moment อยู่หลายครั้ง

นอกจากช่วยงานเป็นที่ปรึกษาให้กับเจ เอส แอล แล้ว หนุ่ยก็มีบริษัทโปรดักชั่น เฮาส์ของตนเองชื่อว่า “ซันเด เทลิวิชั่น” สร้างรายการฮิตๆ ให้กับช่องไทยรัฐทีวีหลายรายการ ได้แก่ “ร้องได้ให้ล้าน” “เกมต่อชีวิต” เป็นต้น

 

ความสามารถของเขาไม่ได้มีเฉพาะทางด้านบันเทิงที่เหมือนกับเป็น “ทางโลก” ดังที่กล่าวมาแล้ว

แต่ความสามารถในความเข้าใจ รู้แจ้ง ใน “ทางธรรม” หนุ่ยก็ได้คะแนนเอเช่นกัน

เขาสนใจแนวคิดของการมีชีวิตที่สัมพันธ์กับธรรมชาติ โดยมีจักรวาลเป็นศูนย์กลางของทุกสรรพสิ่งของชีวิต เขาศึกษาพุทธศาสนา ศึกษาปรัชญาจากนักคิดทั้งหลาย จนตกผลึกถึง “ธรรมชาติ” ที่แท้ของมนุษย์

ความมีน้ำใจของเขาก็ทำให้เขาไม่เก็บขุมทรัพย์นี้ไว้กับตัว แต่ได้ถ่ายทอดให้ผู้อื่นทั้งคนใกล้ชิด และคนอื่นๆ ได้ร่วมเรียนรู้ด้วย

ผลคือ เขามีเพื่อนร่วมแนวทางที่ยกให้เขาเป็น “อาจารย์” ด้วยความเต็มใจมากมายในหลายวงการ

พวกเพื่อนๆ ยังเคยพูดล้อเขาเลยว่า เขาเป็น “ผู้นำทางจิตวิญญาณ” คนหนึ่งเลยเชียว

ซึ่งในเวลาต่อมา เพื่อนก็ได้พากันมานั่งฟัง “ผู้นำทางจิตวิญญาณ” นี้บรรยายความจริงของชีวิตให้เพื่อนๆ ได้ฟัง เพื่อจะได้ถึง “บางอ้อ” แก่สติและปัญญา

 

เหตุการณ์ที่ว่านี้ได้เกิดขึ้นราว 5 เดือนก่อนที่หนุ่ยจะจากโลกใบนี้ไป

ตอนนั้นเขาเริ่มป่วยแล้ว เสียงก็ไม่แข็งแรง ร่างกายก็ไม่สมบูรณ์ แต่เขาก็มีจิตใจที่จะมอบสติและปัญญาให้กับเพื่อนๆ ด้วยความเต็มใจ

นี่อย่างไรล่ะที่บอกว่าเขาเป็น “คนใจใหญ่”

ตอนที่ตีพิมพ์ต้นฉบับนี้ เพิ่งผ่านการฌาปนกิจร่างของเขาไปได้ไม่ถึงสัปดาห์ ป่านนี้จิตวิญญาณของเขาก็คงล่องลอยไปสู่ภพภูมิที่ดี สมควรแก่การเป็นคนดีของเขาแล้ว

เขียนถึงเขามาเสียนาน โดยใช้ชื่อ “หนุ่ย” ตามตัวละครในหนังสือ

แต่ขอจบด้วยชื่อจริงของ “คนใจใหญ่” คนนี้

เขาชื่อเล่นว่า “องุ่น” ชื่อจริงว่า “นันท์ วิทยดำรง” ครับ

หลับให้สบายในสายธารแห่งจักรวาลนะเพื่อน