วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย / เสถียร จันทิมาธร/งานชุมนุมผู้กล้า (161)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร

 

งานชุมนุมผู้กล้า (161)

 

สถานการณ์เมื่อก๊วยเซียงอำลาจากเอี้ยก่วยและเดินทางไปกับก๊วยพู้ พี่สาว กระทั่งถึงเมืองเสียนหยาง ซึ่งก๊วยเจ๋งตั้งทัพต้านยันทัพมองโกลอยู่นั้น เป็นสถานการณ์อย่างที่กิมย้งสรุปอย่างรวบรัดว่า จอมยุทธ์ทั่วทั้งแผ่นดินเดินทางมาชุมนุมอยู่ ณ เมืองเสียนหยาง

เป็นไปตามเทียบเชิญจากก๊วยเจ๋ง

งานชุมนุมผู้กล้ากำหนดไว้เป็นวันที่ 15 เดือน 10 จัดขึ้นเป็นเวลา 10 วัน ระยะกาลนี้เป็นวันที่ 13 ห่างจากกำหนดชุมนุมเพียง 2 วัน

นักสู้ผู้กล้าทั้ง 4 ทิศทยอยมาสู่เมืองเสียนหยาง ประหนึ่งร้อยธารลงสู่ทะเล

เจ้าสำนักช้วนจิน ลี้จี่เซี้ย นำซือเฮียตี๋ในสำนัก 16 คนมาถึงแล้ว เหล่าผู้อาวุโสพรรคกระยาจกนำศิษย์ 7 กระสอบ 8 กระสอบ ภายในพรรคมาถึงแล้ว

ภายในเมืองเสียนหยางชุมนุมยอดฝีมือคับคั่ง ผู้เปรื่องปราดล้วนรวมตัวกัน

ผู้อาวุโสชาวบู๊ลิ้มจำนวนมากปรกติน้อยครั้งจะเผยโฉม แต่เมื่อทราบว่างานชุมนุมครั้งนี้เกี่ยวพันถึงโชคชะตาของแผ่นดิน อีกทั้งนับถือเลื่อมใสต่อจริยธรรมของก๊วยเจ๋ง ผู้ที่ได้รับเทียบผู้กล้าล้วนเดินทางมาถึง 9 ส่วน เปรียบกับงานชุมนุมผู้กล้าที่ด่านไต้เซ่งกวนเมื่อครั้งกระโน้นยังยิ่งใหญ่กว่ามากนัก

แต่ในความคึกคักก็มีเหตุก่อกวน เป็นการก่อกวนลู่ปังจู้ ประมุขพรรคกระยาจกจากฝีมือของราชบุตรฮั่วตูแห่งมองโกล ไม้เท้าตีสุนัขถูกช่วงชิงไป

 

การตายของประมุขพรรคกระยาจกไม่เพียงแต่สร้างความแค้นให้กับศิษย์พรรคกระยาจกอย่างถ้วนทั่ว หากแต่ส่งผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งต่อก๊วยเซียง

2 คนนี้มีสายสัมพันธ์กันอย่างไร

ก๊วยเซียงปรกติมีการคบหากับลู่อู่คา มักฉุดลากเขาออกไปดื่มสุราในที่เปลี่ยวร้างบริเวณชานเมือง 1 ชรา 1 เยาว์วัย ชนถ้วยดื่มพร้อมกัน

ก๊วยเซียงมักรบเร้าให้ผู้อาวุโสบอกเล่าตำนานในยุทธจักรให้ฟัง

นางพอรู้ว่าสหายต่างวัยถูกลอบทำร้ายถึงแก่ชีวิต สร้างความปวดร้าวรันทดยิ่ง ดังนั้น ตวงสุราใส่น้ำเต้า หิ้วอาหารตะกร้าหนึ่ง เดินทางไปยังศาลบูชาเช่นปรกติ จัดตะเกียบ 2 ชุดรินสุราจนเปี่ยมปรี่

“หากแม้นดวงวิญญาณสามารถรับรู้ ขอเชิญมาเสพรับสุราถ้วยหนึ่ง”

พลันที่ก๊วยพู้ พี่สาวมาพบ การโต้แย้งระหว่าง 2 พี่น้องก็บานปลาย จากกรณีของลู่อู่คาเรื่อยไปจนถึงวิชาฝีมืออันยอดเยี่ยมของสามีซึ่งเป็นเจ้ฮู

แม้จะยอมรับในวิชาฝีมือของเจ้ฮูแต่ก็ทำให้ตะกอนนอนก้นในใจของก๊วยเซียงพลุ่งพล่าน

“เจ้ฮูยอดเยี่ยม แต่ข้าพเจ้าไม่เชื่อว่าในโลกไม่มีผู้ใดเทียบเปรียบกับเขาได้” นั่นย่อมเป็นการโต้แย้งกับความรู้สึกอันสะท้อนออกเป็นคำยกย่องโดยตรงจากภรรยาอย่างก๊วยพู้

 

นั่นเองเป็นที่มาของการยืนยันอย่างหนักแน่นจากก๊วยเซียง “ข้าพเจ้ารู้จักคนผู้หนึ่ง เปรียบกับเจ้ฮูยังประเสริฐ เลิศกว่าเจ้ฮู 10 เท่า”

สร้างความขัดเคืองสงสัยให้กับพี่สาวอย่างยิ่ง

“บุคคลที่ข้าพเจ้าเอ่ยถึงมีอายุอ่อนเยาว์กว่าเจ้ฮูอีก รูปโฉมก็หล่อเหลากว่าเจ้ฮู พลังฝีมือกล้าแข็งกว่าเจ้ฮูมากนัก ถึงกับแตกต่างราวฟ้ากับดิน ไม่อาจเทียบเปรียบได้”

แม้ก๊วยพู้จะร้องเพ้ย เพ้ย ไม่หยุดยั้ง แต่ก๊วยเซียงหาแยแสสนใจไม่

“ท่านไม่ยอมเชื่อก็แล้วแต่ท่าน คนนี้ผู้มีจิตใจดีงาม ผู้อื่นมีความยุ่งยากอันใด ไม่ว่าเขารู้จักหรือไม่ ต้องขจัดคลี่คลายให้แก่ผู้คนอย่างสุดความสามารถ”

เอ่ยถึงตอนท้าย ใบหน้าผุดผาดแหงนเงยขึ้นเล็กน้อย

ท่าทีเคลิบเคลิ้ม เลื่อนลอย

ยิ่งรับรู้พรรคกระยาจกเป็นค่ายพรรคอันดับ 1 ของแผ่นดิน มีความจำเป็นต้องคัดเลือกตัวหัวหน้าโดยเร็ว

“ฝูงมังกรเมื่อไร้เศียร จะได้อย่างไรกัน”

จะต้องจัดการภายในวันที่ 24 เดือน 10 อันตรงกับวันเกิดของตน นางยิ่งมากด้วยความสับสน ไม่แน่ใจ

“วันที่ 24 เป็นวันเกิดข้าพเจ้า พวกท่านคัดเลือกปังจู้ มารดาก็ไม่มีกะใจจะจัดงานให้แก่ข้าพเจ้า”

นั่นคือความกังวล นั่นคือความวิตก

 

เป็นความกังวลในขณะที่จอมยุทธ์ผู้โดดเด่นมีฝีมืออันดับ 1 รับปากว่าจะมาพบหน้าในวันเกิด เป็นความวิตกเมื่อรับฟังคำสบประมาทจากก๊วยพู้ พี่สาว

“บอกต่อเจ้า 1 ในโลกไม่มีบุคคลเช่นนี้

“เป็นสมองน้อยๆ ของเจ้าคิดฟุ้งซ่าน เหลวไหลไปเอง 2 มาตรว่ามีจริง เขามีเรื่องสำคัญมากน้อยเท่าใดต้องกระทำ ไหนเลยรุดมาอวยพรวันเกิดของเด็กหญิงเจ้าได้ นอกจากเขาเดินทางมาร่วมชุมนุมผู้กล้า ค่อยมายังเมืองเสียนหยาง”

สร้างความขัดเคืองให้กับก๊วยเซียงอย่างลึกซึ้ง