รายงานพิเศษ / เมื่อ ‘บิ๊กตู่’ ชัดเจนพลัน เมื่อ ‘บิ๊กแดง’ ยังเป็นคนเดิม ถอดรหัส ‘ปฏิวัติ’ 2019 กับสัญญาใจที่ทัพฟ้า และ ‘กริพเพ่น’ สายแข็ง

รายงานพิเศษ

 

เมื่อ ‘บิ๊กตู่’ ชัดเจนพลัน

เมื่อ ‘บิ๊กแดง’ ยังเป็นคนเดิม

ถอดรหัส ‘ปฏิวัติ’ 2019

กับสัญญาใจที่ทัพฟ้า

และ ‘กริพเพ่น’ สายแข็ง

 

ยิ่งมีความชัดเจนในอนาคตทางการเมืองของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ที่จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหลังการเลือกตั้งมากขึ้นเท่าใด

บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ก็ยิ่งถูกจับตามองมากขึ้นตามไปด้วย

แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะประกาศแค่ว่า “สนใจงานการเมือง” และพร้อมสานต่อสิ่งที่ทำมาให้สำเร็จ แต่ยังไม่ได้ประกาศชัดๆ ว่าจะเข้ากับพรรคไหน นอกจากที่คาดกันว่าเป็นพรรคพลังประชารัฐ

แต่การเปิดเพจเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรมส่วนตัว และการที่ พล.อ.ประยุทธ์ เปิดใจกว้าง ฟังเสียงด่า มากขึ้น และจะอดทนให้ถึงที่สุด เพราะเป็นนายกฯ ที่สะท้อน ว่า เตรียมพร้อมที่จะเป็นนักการเมือง และย้ำว่า จะทำงานการเมือง แต่ ไม่เล่นการเมือง พร้อมต่อสู้แย่งชิงคะแนนเสียงในโลกออนไลน์ เหมือนกับนักการเมืองคนอื่นๆ ก็เป็นอีกสัญญาณของการไปต่อบนถนนการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์

อันสะท้อนถึงความมั่นใจในเส้นทางสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกครั้งว่า ได้ถูกปูทางและจัดวางไว้แล้ว โดยที่รอบข้างรายล้อมไปด้วยกองหนุนในทุกทิศทาง

ยิ่งกองทัพนั้นถูกมองว่าจะเป็น “กองหนุน” สำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์ให้ก้าวเดินไปบนถนนสายการเมืองได้อย่างมั่นคง แข็งแรง โดยเฉพาะมี พล.อ.อภิรัชต์ เป็น ผบ.เหล่าทัพคนสำคัญอยู่

จึงไม่ต้องระวังหลัง ไม่ต้องกลัวจะถูกย้อนศร ย้อนรอยรัฐประหาร เมื่อขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี แบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ตอนเป็น ผบ.ทบ. ก็ปฏิวัติล้มอำนาจ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” มาแล้ว

แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะได้ชื่อว่าเป็น “พี่” ที่มีแต่ให้ของ พล.อ.อภิรัชต์ เพราะช่วยเคลียร์เส้นทางเติบโตให้มาตลอด แม้แต่ในยุค “ยิ่งลักษณ์” ที่ก็ดึง พล.อ.อภิรัชต์ จากที่หลบไปโตเป็น ผบ.มทบ.15 และ ผบ.พล.ร.11 รอ. ให้กลับมาเป็น ผบ.พล.1 รอ. ได้

และผลักดันให้ พล.อ.อภิรัชต์เติบโตขึ้นมาตามไลน์ เป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 แม่ทัพภาคที่ 1 จนเป็น ผช.ผบ.ทบ. และเป็น ผบ.ทบ. ในวันนี้ก็ตาม

แต่ทว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้ พล.อ.อภิรัชต์มีวันนี้ เพราะ พล.อ.อภิรัชต์เป็น ผบ.ทบ.อีกคนที่ได้ขึ้นมาใน “สถานการณ์พิเศษ” และเป็น “คนพิเศษ”

แถมทั้งมีเสียงร่ำลือในทำนองคาดการณ์ให้จับตามองอนาคตอันไม่ไกลของ พล.อ.อภิรัชต์ ว่า จากเก้าอี้ ผบ.ทบ. จะไปเป็นตำแหน่งใด

จะได้ซ้ำรอยบิ๊กจ๊อด พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ บิดา ที่เคยเป็นประธาน รสช. เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติหรือไม่ ในช่วง 2 ปีที่เป็น ผบ.ทบ.

(จากซ้าย) พล.อ.อภิรัตต์ คงสมพงษ์, พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน, พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์

ท่ามกลางเสียงร่ำลือกันไปต่างๆ นานา ถึงโอกาสที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคต โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าจะมาอย่างไร ก่อนหรือหลังเกษียณ

เพราะแม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์เองก็ยังเคยพูดทีเล่นทีจริงกับสื่อว่า เสนอข่าว พล.อ.อภิรัชต์ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. อย่างกับจะเป็นนายกฯ

นั่นอาจจะเป็นกระแสข่าวลือที่ถูกปลุกขึ้นมาให้ พล.อ.ประยุทธ์หวาดระแวง พล.อ.อภิรัชต์ น้องรักเสียมากกว่า

ด้วยเพราะวันนี้ พล.อ.อภิรัชต์เป็น ผบ.ทบ.ที่คุมกำลังมากที่สุด แถมเป็นเลขาธิการ คสช. และ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย คุมกำลัง รส.ของทุกเหล่าทัพ

ประกอบกับการเป็นแกนนำเตรียมทหารรุ่น 20 ที่กำลังเติบโตขึ้นมาเป็นแผงในทุกเหล่าทัพ และมีต้นทุนทางสังคมที่สั่งสมมาตั้งแต่การเป็น “ลูกชายบิ๊กจ๊อด” เรื่อยมาจนวันนี้

ที่สำคัญ ยังมีบิ๊กบี้ พล.ท.ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้ น้องรัก เตรียมทหาร 22 ที่ทำงานด้วยกันมาตั้งแต่ชายแดนใต้ จนมาอยู่ ฉก.904 ด้วยกัน ขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 คู่ใจ คุมกำลังหลักของ ทบ. และถูกวางตัวให้เป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.อภิรัชต์ ในตุลาคม 2563

เรียกได้ว่า พล.อ.อภิรัชต์เป็น ผบ.ทบ.ที่ขึ้นมาพร้อมกับพลังอำนาจพิเศษในหลากหลายมิติ

ที่สำคัญ พล.อ.อภิรัชต์ยังคงเป็น “บิ๊กแดง” คนเดิม ที่มีจุดยืนยึดมั่นในเรื่องการปกป้องสถาบัน ปกป้องกองทัพ และปกป้องผู้บังคับบัญชา

เพียงแต่ไม่อาจแสดงออกอย่างเปิดเผยชัดเจนเหมือนสมัยก่อนได้ เพราะวันนี้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.แล้ว และยังมีสถานการณ์ของการเป็นนายทหารพิเศษอีกด้วย

แต่ พล.อ.อภิรัชต์ก็ได้ส่งสัญญาณเตือนออกมาหลายครั้ง ทั้งการประกาศว่า “จะไม่ยอมให้เกิดการทุจริตและเอาเปรียบประชาชนในทุกๆ ด้าน”

“ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ให้คำมั่นสัญญานี้ แต่กำลังพลของผมหลายแสนคนก็จะรักษาสัญญาเหล่านี้ด้วยเช่นกัน” พล.อ.อภิรัชต์ระบุ

รวมถึงการประกาศว่า ยอมรับไม่ได้กับขบวนการค้ายาเสพติด และการค้าอาวุธสงคราม และจะปราบปรามอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง และไม่ให้มีกำลังพลคนใดเข้าไปเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด

“ทุกภารกิจ ยึดประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ” บิ๊กแดงย้ำสัญญา

 

บางที เรื่องการแก้ไขปัญหาทางการเมือง ความวุ่นวายในอนาคต หลังการเลือกตั้ง ต้นปี 2562 ที่หลายคนจับตาดู หรือการปฏิวัติรัฐประหาร ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดกันได้แบบตรงๆ

ถ้าเป็นในอดีต บรรดา ผบ.ทบ. มักจะตอบแบบลับลวงพราง ให้สับสน ให้เก็บไปคิดเองว่า จะปฏิวัติหรือไม่ปฏิวัติ หรือแล้วแต่เงื่อนไข แบบที่บิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และ พล.อ.ประยุทธ์เคยตอบมาก่อนจะนำปฏิวัติมาแล้ว ทั้ง 19 กันยายน 2549 และ 22 พฤษภาคม 2557

จึงแล้วแต่ ผบ.ทบ.แต่ละคนว่าจะตอบอย่างไร และถึงเวลาจริง จะทำอย่างที่พูดหรือตอบไว้หรือไม่ เพราะว่ากันว่า การตอบเรื่องปฏิวัติรัฐประหารนั้น ไม่จำเป็นต้องพูดความจริงทั้งหมด เพราะสังคมไทยคุ้นชินกับคำพูดของ ผบ.ทบ.ในแต่ละยุค ที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์เสมอมาแล้ว

“เป็นเรื่องที่บอกไม่ได้ เป็นเรื่องที่เขาไม่พูดกัน” บิ๊กแดงกล่าวทีเล่นทีจริง

แต่ที่แน่ๆ “บิ๊กแดง” ยืนยันว่า ยังคงเป็นคนเดิม ที่มีจุดยืนเดิม ไม่มีเปลี่ยนนั่นเอง

ก่อนที่ พล.อ.อภิรัชต์จะประกาศนโยบาย แนวทางการทำงานและจุดยืนต่อ ผบ.หน่วยขึ้นตรงกองทัพบก จนถึงผู้บังคับการกรม และผู้บังคับกองพันทั่วประเทศ และแถลงจุดยืนต่อสื่อมวลชน เมื่อ 17 ตุลาคม 2561

ที่ทำให้ต้องจับตากันแบบไม่กะพริบต่อไปกับ ผบ.ทบ.คนพิเศษคนนี้ ท่ามกลางสถานการณ์เปลี่ยนผ่านทางการเมือง ที่ไม่มีใครรู้ว่า หลังการเลือกตั้งจะเกิดอะไรขึ้น

 

ข้ามฟากไปที่กองทัพอากาศ ภายใต้ยุค “มุ่งมั่น มั่นคง มั่นใจ” ของบิ๊กต่าย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผบ.ทอ. กำลังถูกมองข้ามช็อตไปแล้วว่า ใครจะเป็น ผบ.ทอ.คนต่อไป เพราะบิ๊กต่ายเป็นแค่ปีเดียว ก็จะเกษียณกันยายน 2562 แล้ว

และกำลังถูกจับตามองว่า จะทำให้กองทัพอากาศกลับมาร้อนระอุเช่นในอดีตหรือไม่

เพราะหากดูตามไลน์ จากการโยกย้ายครั้งล่าสุด พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ เสนาธิการทหารอากาศคนใหม่ ก็ถูกวางตัวจ่อที่จะเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่ไว้แล้ว อีกทั้งเป็นเตรียมทหาร 20 ที่กำลังหายใจรดต้นคอรุ่นพี่เตรียมทหาร 18 ขึ้นมา

แต่ก็ไม่มีใครมองข้ามบิ๊กทัพฟ้าที่ถูกเด้งจากตึกแปดแฉกไปอยู่ต่างถิ่น ทั้งบิ๊กหมู พล.อ.อ.ปรเมศร์ เกษโกวิท รองปลัดกลาโหม และบิ๊กยาว พล.อ.อ.วันชัย นุชเกษม รอง ผบ.ทหารสูงสุด

ที่ก็ล้วนเป็นเพื่อนเตรียมทหาร 18 ของ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วยกันทั้งสิ้น และยังเหลืออายุราชการถึงกันยายน 2563

โดยเฉพาะ พล.อ.อ.วันชัย ที่ถูกเตะโด่งจาก เสธ.ทอ. ไปเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด แบบผิดคาด เพราะใครๆ ก็คิดว่า เมื่อ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์เป็น ผบ.ทอ. พล.อ.อ.วันชัยก็จะขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทอ. หรือรอง ผบ.ทอ. จ่อคิวไว้ปีหน้า

(ซ้าย) พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน (ขวา) พล.อ.อ.วันชัย นุชเกษม

เพราะข่าวสะพัดเรื่อง “สัญญาใจ” ที่ว่า ไม่ว่า พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ หรือบิ๊กโหน่ง พล.อ.อ.ชาญฤทธิ์ พลิกานนท์ ที่ตอนนั้นเป็น ผช.ผบ.ทอ. ได้เป็น ผบ.ทอ. 1 ปี ก็จะให้ พล.อ.อ.วันชัยเป็น ผบ.ทอ. ต่ออีก 1 ปี

แต่มันอาจเป็นแค่สัญญาใจในหมู่ผองเพื่อน ทั้งสามเกลอ “ต่าย-โหน่ง-ยาว” แค่นั้น แต่ “ผู้ใหญ่” ไม่ได้สัญญาด้วย ไม่เอาด้วย

จึงทำให้ พล.อ.อ.วันชัยถูกเด้งข้ามห้วยไป บก.กองทัพไทย ไปเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด ท่ามกลางเสียงฮือฮา

ทั้งๆ ที่เดิม ใครๆ ก็คาดว่า พล.อ.อ.ชาญฤทธิ์ที่เคยเป็นรอง เสธ.ทหาร จะข้ามไปเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด เพราะเคยอยู่ บก.ทัพไทยมาก่อน กลับมาเป็น ผช.ผบ.ทอ. มาชิงเก้าอี้ ผบ.ทอ. แต่ไม่สำเร็จ

แต่เพราะว่ากันว่า มีสัญญาใจของ “ต่ายกับโหน่ง” ที่ไม่ใช่แค่เรียนเตรียมทหารและนายเรืออากาศมาด้วยกันเท่านั้น แต่ยังเป็นเลือดชมพูฟ้า เรียนโรงเรียนสวนกุหลาบฯ มาด้วยกันอีก

สัญญาที่ว่า หากบิ๊กต่ายเป็น ผบ.ทอ.  บิ๊กโหน่งก็จะเป็นรอง ผบ.ทอ. จะไม่ส่งเพื่อนข้ามไปเกษียณนอกบ้าน

ไม่แค่นั้น พล.อ.อ.ชาญฤทธิ์ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นน้องรักของบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร และบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย จนเคยถึงขั้น “เฉียด” ได้เป็น ผบ.ทอ.มาแล้ว แต่อาจเพราะเป็นน้องภริยาของบิ๊กโอ๋ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหม ยุค “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” และเพื่อน ตท.10 ของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ  จึงทำให้พลาดเก้าอี้

ด้วยสัญญาและความใกล้ชิดกับพี่ใหญ่และพี่รอง จึงทำให้ พล.อ.อ.ชาญฤทธิ์ได้อยู่เป็นรอง ผบ.ทอ. ครองอัตรา “พลเอกพิเศษ” ก่อนเกษียณในบ้าน

พล.อ.อ.วันชัยจึงต้องข้ามไปเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าจะได้กลับมาชิงเก้าอี้ ผบ.ทอ. ในปลายปีหน้าหรือไม่

(ซ้าย) พล.อ.อ.ชาญฤทธิ์ พลิกานนท์ (ขวา) พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์

แต่มีรายงานว่า พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ไม่เคยมีสัญญาใจใดๆ กับ พล.อ.อ.วันชัย ในการช่วยให้กลับมาเป็น ผบ.ทอ. อีกทั้งการจัดโผที่ผ่านมา ก็เป็นเรื่องของบิ๊กจอม พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี และ ผบ.ทอ.ในเวลานั้น ที่ได้หารือกับอดีต ผบ.ทอ.หลายท่านแล้ว จึงเลือก พล.อ.อ.มานัตขึ้นมาจ่อคิวแทน

แม้ด้วยความเป็นเพื่อนสนิทใน ตท.18 แต่ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ก็คงไม่มีพลังมากพอที่จะดึง พล.อ.อ.วันชัยกลับมา อีกทั้งรู้ทิศทางลมแล้วว่า พล.อ.อ.มานัตน่าจะเป็นคนที่ถูกผู้ใหญ่วางตัวไว้แล้ว

พล.อ.อ.มานัตถือเป็นนักบินมือต้นๆ ของ ทอ.คนหนึ่ง เคยเป็น ผบ.กองบิน 7 มีส่วนสำคัญในโครงการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพ่นจากสวีเดน ตั้งแต่ยุคบิ๊กเฟื่อง พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ เป็น ผบ.ทอ. จนมาถึงยุค พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เป็น ผบ.ทอ. เรื่อยมา และเป็น ผบ.กองบิน 7 คนแรกที่มาดูแลเครื่องบินกริพเพ่น และวางระบบต่างๆ ไว้

ก่อนไปเป็น ผช.ทูตทหารอากาศ ประจำกรุงเบอร์ลิน และกลับมาโตในกรมยุทธการ ทอ. จนเป็นเจ้ากรมยุทธการ ทอ. และขึ้นรอง เสธ.ทอ. ก่อนเป็น เสธ.ทอ.

ส่วนในยุคต่อไป ให้จับตามองที่เตรียมทหารรุ่น 21 ทั้งบิ๊กต่าย พล.อ.ท.สุทธิพันธุ์ ต่ายทอง รอง เสธ.ทอ. ที่โตสายส่งกำลังบำรุง และบิ๊กจ๊อด พล.อ.ท.เฉลิมชัย ศรีสายหยุด รอง เสธ.ทอ. ที่โตจากสายยุทธการ และโดยเฉพาะบิ๊กป้อง พล.อ.ท.นภาเดช ธูปะเตมีย์ รอง ผบ.คปอ. ลูกชาย พล.อ.อ.ประพันธ์ ธูปะเตมีย์ อดีต ผบ.ทอ.คนสำคัญ

รวมทั้ง พล.อ.ท.ธรินทร์ ปุณศรี รอง เสธ.ทอ. อีกคน น้องชายบิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี อดีตรอง ผบ.ทอ. ที่ยังคงมีบทบาทและเพาเวอร์ในยุคนี้อยู่

โดยที่ พล.อ.อ.มานัตยังคงเป็นเต็งหนึ่ง ผบ.ทอ.คนต่อไป ณ เวลานี้

แต่ทั้งหมดนี้ จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งในต้นปีหน้า และยังไม่มีใครรู้ว่า ตอนนั้นจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่…

ไม่ว่าทัพบก หรือทัพฟ้า ก็ต้องแล้วแต่สถานการณ์ทั้งสิ้น