วางบิล/เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ / สู่ร่มกาสาวพัสตร์ ครรลองไปสู่ปฏิเวธ

วางบิล/เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์    

 

สู่ร่มกาสาวพัสตร์

ครรลองไปสู่ปฏิเวธ

 

สองสามวัน หลังจากพระปานได้รับอนุญาตให้ไปเข้าฝึกสมาธิร่วมกับพระนักศึกษาปีสุดท้ายของสำนักจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยที่วัดเขาสุกิม จันทบุรี มีท่านอาจารย์สมชายพระผู้ใหญ่สายวิปัสสนาเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านที่นั่น ทั้งเป็นที่รู้จักดีในหมู่ผู้ปฏิบัติสมาธิ ต้องง่วนกับการเตรียมตัว ซึ่งไม่ต้องเตรียมอะไรมาก นอกจาก “เตรียมใจ”

พระปานบอกเรื่องจะไปปฏิบัติธรรมที่วัดเขาสุกิมกับโยมแม่และที่บ้าน แม้โยมส้มจีนจะเป็นห่วงบ้าง แต่ไม่ถึงกับกังวล มีเพียงเรื่องสุขภาพเกี่ยวกับระบบขับถ่ายซึ่งพระปานมีปัญหาก่อนบวช แต่วันนี้ไม่มีอาการอะไรต้องวิตก กลับอนุโมทนาและยินดีที่พระลูกชายจะได้อยู่ในผ้าเหลืองนานออกไปอีกสักหน่อยด้วยซ้ำ

วันเดินทาง สิ่งที่พระปานต้องเตรียมคือ บาตร ถุงบรรจุเครื่องอัฐบริขารที่จำเป็น และหนังสือบางเล่ม มีหนังสือสำหรับพระนวกะที่พระปานอ่านทบทวนเป็นประจำ และพระวินัยปิฎกฉบับย่อ

ท่านเจ้าคุณพระสมจิตรออกเดินทางล่วงหน้าสองวันแล้ว หลังฉันเพลพระปานกราบลาท่านพระครูพรหมและพระมหาสวัสดิ์ กับบอกลาพระสุชัย แล้วบอกฝากให้เณรพจน์ทราบ จึงออกเดินทางพร้อมหลวงพี่เสริม พระพี่เลี้ยงพระนักศึกษาด้วยรถแท็กซี่ไปขึ้นรถบัสที่วัดบวรนิเวศวรวิหาร บางลำพู

เวลาออกเดินทางหลังเที่ยง ซึ่งพระปานคิดเอาเองว่า จะได้ไม่ต้องยุ่งยากเรื่องอาหารเพล

 

ไปถึงก่อนเวลารถออกเล็กน้อย หลวงพี่เสริมทักทายพระอาจารย์และพระนักศึกษาบางรูป แนะนำให้พระปานรู้จัก แล้วบอกให้ขึ้นไปนั่งรอบนรถ “เลือกที่นั่งตามสบาย”

ถึงรู้สึกตื่นเต้นบ้างที่จะได้เดินทางไกลไปค้างแรมที่วัดอื่นนาน 1 เดือน ทั้งไม่รู้จักพระนักศึกษาที่ต้องร่วมเดินทางสักรูป แต่เมื่อใช้เวลานั้นพิจารณาพระนักศึกษา เห็นว่าวัยไม่ไกลจากตัวเองเท่าใดนัก บางรูปยังอายุน้อยกว่าด้วยซ้ำ จึงพอรู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน คงพูดคุยรู้เรื่อง ไม่สู้กระไร

พระนักศึกษารูปหนึ่งขึ้นมานั่งข้าง พระปานยิ้ม ยังไม่ได้เอ่ยปากทักทาย

ไม่นาน รถออกจากวัดบวรนิเวศวรวิหาร เสียงพูดคุยของพระนักศึกษาที่ดังขึ้นระหว่างนั้น เมื่อเวลาล่วงเลยไปเริ่มเบาลง และเงียบในที่สุด บางรูปใช้เวลานั้นหลับ ส่วนพระปานยังตื่นตาตื่นใจกับสองข้างทางที่ไม่ได้ออกมานอกกรุงเทพฯ นานสามสี่เดือนแล้ว ในที่สุด เมื่อเวลาผ่านไปชั่วโมงเศษเริ่มรู้สึกง่วง จึงหลับไประหว่างนั้นเช่นเดียวกับพระนักศึกษารูปอื่น

ใกล้เย็น รถผ่านจังหวัดระยองไปสักพักใหญ่ จึงเข้าเขตจังหวัดจันทบุรี อำเภอท่าใหม่ แล้วเลี้ยวเข้าถนนทางเข้าวัดเขาสุกิมเป็นทางลาดขึ้นเขา ลดเลี้ยวไปตามทางไม่กว้างนัก พระปานกับพระนักศึกษาตื่นหมดแล้ว เสียงพูดคุยดังขึ้นอีกครั้ง

กระทั่งรถเลี้ยวเข้าไปจอดในที่จอดรถบัส พระนักศึกษาทยอยลงจากรถ ไปรับสัมภาระของแต่ละรูป เช่นเดียวกับพระปาน หลวงพี่เสริมลงไปรออยู่ก่อนแล้ว เรียกให้พระปานรับสัมภาระแล้วไปยืนรอ ก่อนจะออกเดินขึ้นไปรวมกับบนศาลาการเปรียญ ไม่ไกลจากนั้น

จัดวางสัมภาระเรียบร้อย เข้านั่งบนอาสนะที่เจ้าหน้าที่วัดจัดไว้บนศาลาการเปรียญ พระผู้ใหญ่หลายรูปรอต้อนรับ ทักทายกับหลวงพี่เสริม

ท่านเจ้าคุณพระสมจิตรยืนรอพูดคุยกับพระผู้ใหญ่ตรงนั้น มองมาที่พระปาน ท่านพยักหน้าทักทาย แล้วกลับไปพูดคุยกับพระผู้ใหญ่อย่างเดิม

 

เมื่อพระนักศึกษาเข้านั่งเรียบร้อย เจ้าหน้าที่กับแม่ชีนำน้ำปานะมาถวาย ได้น้ำปานะหวานชื่นใจไปถ้วยหนึ่ง อาการกระหายค่อยสดชื่นขึ้น พระปานรู้สึกกระปรี้กระเปร่าจากการเดินทาง

ยังไม่หายจากอาการตื่นตาตื่นใจ พระปานจึงไม่ค่อยฟังว่าพระผู้ใหญ่ที่นั่งบนอาสนะข้างหน้าพูดจาปราศรัยต้อนรับว่าอย่างไร ได้ยินแต่เสียงผ่านหู รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่พอรับรู้ว่า ประเดี๋ยวจะมีพระเณรพาขึ้นไปบนกุฏิที่พักด้านบนซึ่งเป็นเขตสังฆาวาส ห้ามบุคคลอื่นทั้งแม่ชี ทั้งอุบาสก-อุบาสิกาผ่านขึ้นไป

“ทุ่มตรงให้ลงมาพร้อมกันที่ศาลาการเปรียญ” รับทราบเพียงเท่านั้น ทั้งพระนักศึกษาและพระปานได้รับบอกให้ลุกขึ้นเดินตามไปยังกุฏิข้างบนแยกย้ายตามที่พระเณรจัดให้กุฏิละ 1 รูป

แสงสว่างจากไฟฟ้าที่ปั่นขึ้นใช้เองของวัดสว่างตามรายทาง เป็นทางเดินดินภูเขาไม่กว้างไม่แคบนัก สองข้างทางมีทั้งโขดหินและต้นไม้ใหญ่น้อยเรียงราย พระนักศึกษารูปที่เดินข้างหน้าเลี้ยวเข้าสองข้างทาง ไปที่กุฏิเรือนไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูงเรียงลดหลั่น ด้านบนเป็นห้อง ไม่กว้างนัก มีบันไดขึ้นไปบนกุฏิ ด้านหนึ่งเป็นทางยาวสัก 6-7 เมตร กว้างสัก 2 เมตรเห็นจะได้

พระปานทราบหลังจากนั้นว่าเป็นทางสำหรับเดินจงกรมตอนกลางคืน ส่วนในกุฏิเป็นที่หลับนอน หรือจะใช้นั่งปฏิบัติสมาธิก็แล้วแต่ตามใจชอบ มีหลอดไฟฟ้าให้เปิดเป็นแสงสว่างตั้งแต่หกโมงเย็นถึงห้าทุ่ม กลางวันปิด หลังจากนั้นให้ใช้เทียนหรือตะเกียงน้ำมันที่มีเตรียมไว้

ด้านล่างมีห้องน้ำห้องส้วมของกุฏิแต่ละหลัง ใต้โถงทางเดินจงกรมเป็นทางเรียบ เข้าใจว่าเป็นทางเดินจงกรมตอนกลางวัน หรือช่วงหัวค่ำ

ไฟฟ้าจากหลอดเปิดอยู่ก่อนแล้ว พระปานขึ้นไปบนกุฏิ เข้าห้องวางสัมภาระด้านหนึ่งของที่นอนมีเสื่อปู มุ้งตลบชายไว้บนหลังคามุ้ง มีหมอนผ้าห่มเตรียมไว้พร้อม

คงไม่ต้องสรงน้ำก่อนลงไปศาลาการเปรียญก็ได้ ด้วยใกล้เวลาแล้ว กว่าจะเดินไปถึงศาลาการเปรียญใช้เวลาหลายนาทีเหมือนกัน ทั้งคิดว่าคืนนี้คงไม่ได้สรงน้ำ เอาไว้รวบยอดเช้ามืดทีเดียว ไม่สู้กระไรดอก อากาศไม่ร้อน ทั้งยังออกจะเย็นด้วยซ้ำ

พระปานคิด

 

สักพัก พระปานเห็นพระนักศึกษาที่อยู่กุฏิสูงขึ้นไปเริ่มทยอยลงมา จึงห่มจีวรแบบเฉียงเรียบร้อย หยิบผ้าเช็ดหน้าติดมือ เดินลงบันไดตามไปถึงศาลาการเปรียญ พระนักศึกษา เณร แม่ชี อุบาสก อุบาสิกา นั่งเป็นสัดส่วน เช่นเดียวกับพระผู้ใหญ่หลายรูปนั่งด้านหน้าที่พระนักศึกษารออยู่ พระปานรู้ว่าตัวเองเป็นพระใหม่ จึงไปนั่งแถวหลังต่อจากพระนักศึกษารูปสุดท้าย หลวงพี่เสริมเดินมาชำเลืองแล้วเหมือนบอกว่านั่งตรงนั้นถูกแล้ว

ไม่นาน พระผู้ใหญ่รูปที่นั่งหน้าสุด ถัดจากแถวพระผู้ใหญ่รูปอื่นถึงแถวพระนักศึกษา หันหน้ากลับไปด้านหน้า แล้วกราบพระรัตนตรัย พระสงฆ์ สามเณร แม่ชี อุบาสก อุบาสิกา ปฏิบัติตาม

พระผู้ใหญ่รูปนั้นหันกลับมายังแถวพระเณร แม่ชี อุบาสก อุบาสิกาที่นั่งพับเพียบสงบ เจ้าหน้าที่บอกให้พระเณรทุกรูป แม่ชี อุบาสก อุบาสิกาทุกคนกราบพระผู้ใหญ่รูปนั้น พร้อมรับฟังโอวาทกับการปฏิบัติตัวขณะรับฟังคำบรรยายของพระผู้ใหญ่ในแต่ละครั้งของแต่ละคืนที่จะมาเทศน์ให้ฟังครั้งละรูป

   พระปานเริ่มคิดว่า ครรลองหนึ่งในการไปสู่ปฏิเวธคือการปฏิบัติเริ่มขึ้นแล้วในค่ำคืนนี้