ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19 - 25 ตุลาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | นงนุช สิงหเดชะ |
เผยแพร่ |
นงนุช สิงหเดชะ
Bag Lady แห่งมาเลเซีย
ในที่สุดก็ถูกจับกุมดำเนินคดี สำหรับนางรอสมาห์ มานซอร์ วัย 66 ปี ภริยาของอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก แห่งมาเลเซีย หลังจากก่อนหน้านี้มีการลุ้นกันว่าเธอจะถูกดำเนินคดีตามหลังสามีหรือไม่
นางรอสมาห์ถูกจับกุมในวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา และถูกคณะกรรมการต่อต้านการคอร์รัปชั่นสอบปากคำในข้อหาฟอกเงินและคอร์รัปชั่นก่อนถูกนำตัวขึ้นศาล
ภายหลังการเลือกตั้งใหญ่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งนายนาจิบ ราซัก พ่ายแพ้ให้กับมหาธีร์ โมฮัมหมัด เขาถูกเล่นงานทันทีจากเรื่องอื้อฉาวที่ว่าเขาพัวพันกับการยักยอกเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาแห่งมาเลเซีย (กองทุน 1 MDB) เป็นเงินราว 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท)
หนึ่งสัปดาห์หลังการเลือกตั้ง ตำรวจมาเลเซียบุกค้นบ้านของนาจิบเพื่อหาหลักฐาน
และนั่นก็นำมาซึ่งความตกตะลึง เมื่อพบทรัพย์สิน ของมีค่า ของฟุ่มเฟือยหรูหรา มูลค่าราว 273 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อาทิ มงกุฎเพชร 14 ชิ้น กระเป๋าถือ 567 ใบ นาฬิกา 423 เรือน แว่นตากันแดด 234 คู่ แหวน 2,200 วง สร้อยคอ 1400 เส้น สร้อยข้อมือ 2100 เส้น ตุ้มหู 2800 คู่ เข็มกลัด 1600 คู่
นายนาจิบอ้างว่าสิ่งของมีค่าดังกล่าวส่วนใหญ่มีผู้ให้เป็นของขวัญ ส่วนเงินสดนั้นเป็นเงินบริจาคทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ในเดือนกันยายน นาจิบถูกจับกุมฐานยักยอกเงินและใช้อำนาจหน้าที่มิชอบ โดยข้อหาหลักๆ คือยักยอกเงินจากกองทุน 1 MDB ก่อนจะถูกปล่อยตัวชั่วคราวภายใต้วงเงินประกัน 1 ล้านริงกิต (ราว 7.9 ล้านบาท) และห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
สิ่งของฟุ่มเฟือยหรูหราที่ถูกยึดจากบ้านพักของอดีตนายกรัฐมนตรี ดูเหมือนเป็นจุดสนใจของชาวมาเลเซียมากที่สุด
ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นของภริยานายนาจิบ ทำให้เกิดการเปรียบเทียบว่าไม่แพ้อีเมลด้า มาร์กอส อดีตสตรีหมายเลข 1 ของฟิลิปปินส์ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความคลั่งรองเท้าที่มีอยู่ราว 3,000 คู่ ที่ต่อมาเธอและสามีคือเฟอร์ดินาน มาร์กอส และครอบครัวต้องหนีออกนอกประเทศเพราะถูกปฏิวัติยึดอำนาจ หลังจากประชาชนลุกฮือเพราะไม่พอใจปัญหาการทุจริตที่ร้ายแรงมาก
ในรายของนางรอสมาห์ ภริยาอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียนี้ เธอถูกตั้งฉายาว่า Bag Lady หรือคุณนายคลั่งกระเป๋า
โดยในจำนวนกระเป๋าทั้งหมดที่ยึดได้นั้น เป็นแบรนด์หรูสุดแพง อย่างแอร์เมสและหลุยส์ วิตตอง ถึง 284 ใบ
ที่ถูกโลกโซเชียลในมาเลเซียวิจารณ์ด้วยความโกรธมากที่สุดคือ กระเป๋าถือแอร์เมส รุ่นเบอร์กิ้น เพราะรุ่นนี้มีราคาต่อใบตั้งแต่ 11,900 จนถึง 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.8 แสนบาทไปจนถึง 9.6 ล้านบาท) กระทั่งมีการเปรียบเปรยว่ากระเป๋าของเธอเพียงใบเดียว สามารถส่งให้เป็นค่าเทอมและค่ากินอยู่ของนักศึกษาแพทย์จนจบการศึกษาได้ถึง 14 คน
กระเป๋าแอร์เมส เบอร์กิ้น เป็นกระเป๋าที่บรรดาคนดัง ดาราและคนรวยทั่วโลกนิยมมีไว้ในครอบครอง เช่น วิกตอเรีย เบ๊กแฮม ภรรยาของนักฟุตบอลดังเดวิด เบ๊กแฮม อย่างไรก็ตาม ระยะหลังนี้แอร์เมสเป็นที่นิยมในเอเชียมากที่สุด ทดแทนกำลังซื้อในยุโรปที่อ่อนแรงลง
สาวสังคมคนดังในเอเชียที่ครอบครองแอร์เมสมากสุดก็คือ เจมี่ ฉั่ว อดีตแอร์โฮสเตสชาวสิงคโปร์ ที่แต่งงานกับมหาเศรษฐีชาวอินโดนีเซีย เธอมีแอร์เมส 200 กว่าใบ
ความหรูหราของนาจิบและภรรยา ตรงข้ามกับภาพพจน์ติดดินของมหาธีร์ที่สวมรองเท้ายี่ห้อบาจาราคาถูก ส่วนกระเป๋าถือของนางซิติ ฮาสมาห์ ภริยาของมหาธีร์ มีราคาเพียงแค่เสี้ยวเดียวของนางรอสมาห์ คือยี่ห้อฮามาโน ราคา 533 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 17,000 บาท)
มีข้อมูลว่านางรอสมาห์เป็นพลังทางการเมืองและเป็นผู้เล่นหลักในคดีฉ้อโกงกองทุน 1 MDB เพราะเธอคือผู้แนะนำนักธุรกิจชาวมาเลเซียคนหนึ่งให้นายนาจิบรู้จัก ซึ่งปัจจุบันนักธุรกิจรายนี้กำลังถูกทางการของหลายประเทศรวมทั้งสิงคโปร์ตามล่าตัว
ว่ากันว่าในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา รอสมาห์ใช้จ่ายเงินซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมประมาณ 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อผลิตภัณฑ์ชะลอความแก่ 4 แสนดอลลาร์ มีแหวนเพชร 30 กะรัต มูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ผู้เป็นสามีมีรายได้เพียงปีละ 1.3 แสนดอลลาร์เท่านั้น
รอสมาห์เป็นภริยาผู้นำประเทศคนล่าสุดที่ถูกเปิดโปงเรื่องความฟุ่มเฟือยโดยไม่สนใจความรู้สึกของประชาชน อย่างไรก็ตาม หากจะกล่าวถึงภริยาของผู้นำประเทศที่บ้าคลั่งการใช้จ่ายท่ามกลางความยากจนของประชาชน ก็มีอยู่หลายคน
โดยนอกเหนือจากอีเมลด้า มาร์กอส ซึ่งมีรองเท้านับพันคู่ กระเป๋า 888 ใบ เสื้อขนมิ้ง 15 ตัว ชุดราตรี 508 ชุด แล้วก็ยังมีนางเกรซ มูกาเบ ภริยาของโรเบิร์ต มูกาเบ อดีตประธานาธิบดีซิมบับเว ซึ่งเพิ่งถูกกองทัพยึดอำนาจไปเมื่อปีที่แล้ว หลังจากครองอำนาจมา 40 ปี โดยที่เศรษฐกิจพังพินาศ ประชาชนยากจน
เกรซเป็นเลขาฯ และภรรยาน้อยของมูกาเบมาก่อน ก่อนจะแต่งงานและก้าวขึ้นมาเป็นสตรีหมายเลขหนึ่ง ล่าสุดก่อนมูกาเบถูกยึดอำนาจ เขาพยายามผลักดันให้นางเกรซสืบต่อตำแหน่งประธานาธิบดีแทนเพราะตัวเองอายุมากแล้ว นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มูกาเบถูกยึดอำนาจ
พฤติกรรมการใช้จ่ายของเธอถูกตั้งฉายาว่า “กุชชี่ เกรซ” หลังจากเธอเดินทางไปปารีสและใช้จ่ายเงินช้อปปิ้งในครั้งเดียวมากถึง 1.2 แสนดอลลาร์สหรัฐ
และมีข่าวอีกว่าเธอถอนเงินจากธนาคารกลางของซิมบับเว 8 ล้านดอลลาร์ ไปใช้จ่ายส่วนตัวอีกด้วย
ต่อมาสหภาพยุโรปได้สั่งห้ามเธอเดินทางเข้ายุโรป เพราะนี่เป็นวิธีเดียวที่จะป้องกันไม่ให้เธอไปช้อปปิ้งบนความยากจนของประชาชนและประเทศชาติที่ปั่นป่วนวุ่นวายจากการบริหารที่ย่ำแย่ของสามีเธอ
นั่นคือเรื่องราวของบรรดาหลังบ้านของผู้นำที่บ้าคลั่งสินค้าแบรนด์เนม ที่นำไปสู่การทุจริตและนำไปสู่จุดจบของผู้นำประเทศ