ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 12 - 18 ตุลาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | สำเริงคดี |
ผู้เขียน | ทรงวาด |
เผยแพร่ |
คืนบัลลังก์
ระยะนี้ เหล่าซุป”ตาร์ดาราดังของวันวานกาลก่อนชักแถวคืนบัลลังก์กันเพียบ
ประเด็มเด่นด้วย แอน สิเรียม ที่พลิกแคแร็กเตอร์มาเป็นนางร้ายว้ายวี้ดในละคร “วิมานจอเงิน” ของอรรถพร ธีมากร ทางช่องวัน 31 ที่จบไปสักพักแล้ว แม้แก่นแกนของละครจะเป็นศึกแย่งผู้ชายที่ยืดเยื้อลากยาวมาตั้งกะรุ่นแม่จนมาถึงรุ่นลูก
แต่ความน่าสนใจอยู่ที่บริบทแวดล้อมซึ่งบอกเล่าเรื่องราวการถ่ายทำหนังไทยยุค 16 ม.ม. ตั้งแต่ครั้งถ่ายทำไป บอกบทไปอยู่หน้ากล้อง จนเริ่มพัฒนาให้ดาราต้องท่องบทมาเข้าฉาก
น่าเสียดายไม่มีข้อมูลอื่นมากไปกว่านั้น แต่ก็ช่วยจุดประกายความหวังว่าสักวัน อาจได้เห็นหนังหรือละครไทยที่สอดประสานประวัติวงการหนังทำนองเดียวกับ NICKELODEAN ของ ผกก.ปีเตอร์ บ็อกดาโนวิช ซึ่งมีไรอัน โอนีล ประกบเบิร์ต เรย์โนลด์ ในการเล่าปฐมบทการทำหนังสั้นๆ ม้วนเดียวจบ ฉายตามโรงเล็กๆ เก็บค่าดูนิกเกิลเดียว
กระทั่งแรกพัฒนาเป็นหนังเรื่องยาวหลายม้วน โดยกริฟฟิธ หรือ SINGING IN THE RAIN ของยีน เคลลี ที่ว่าด้วยการเปลี่ยนผ่านจากยุคหนังเงียบสู่หนังเสียง หรือแม้แต่ CINEMA PARADISO ของอิตาลี โดย ผกก.กิวเซปเป ตอร์นาตอเร ที่ว่าด้วยความผูกพันของคนฉายหนังและคนดูหนังทั้งชุมชน
ตัดกลับมาที่สิเรียม
เธอขยี้บทนางร้ายเว่อร์ได้กระจุยกระจายจัดจ้าน จิกกัดทั้งปาก ตา สีหน้า ท่าทาง อวดฝีมือแพรวพราวสาดประกายโหดโฉดจนต้องตามดู และลุ้นให้ได้รางวัลนางร้ายเว่อร์ยอดเยี่ยม (ถ้ามี)
ในเวลาเดียวกันก็อยากเห็นเธอเล่นบทดราม่าหนักๆ แนว “รถรางคันนั้นชื่อปรารถนา” คาดว่าคงไม่ด้อยกว่าวิเวียน ลีห์ดอก
คนต่อมาคือ กบ สุวนันท์ กำลังรับบทเมียหลวงที่สู้รบ ตบตี ฉะปะทะคดีความกันอยู่กับวิลลี แมคอินทอช ใน “บาปรัก” ละครรอบดึกของช่องเดียวกัน
การเป็นเมียหลวงที่ถูกสามีนอกใจจนเป็นเหตุให้เสียลูก และในระหว่างสู้คดีฟ้องหย่าคาราคาซัง ก็เกิดมีสัมพันธ์ทางใจกับหนุ่มละอ่อนซึ่งเคยรับจ้างเป็นไอ้ตัว
บทของเธอจึงมีหลากมิติ กบทำได้ดีอย่างที่น่าปรบมือให้ในฉากปะฉะดะกับวิลลีผู้เล่นบทผู้ชายนอกใจเมียได้แรงขึ้นอีกสองสามเบอร์นั่นเทียว นับจากที่เล่นไว้ใน “ป่ากามเทพ” ทางช่องจีเอ็มเอ็ม 25
ฉะนี้ กบจึงคืนบัลลังก์ด้วยบทดราม่า มิใช่คอเมดี้อย่างที่กลับสู่จอแก้วหนแรกคู่ศรราม
อีกนางเอกที่ซอยเท้าก้าวคืนบัลลังก์ก็คือ แหม่ม แคทลียา ซึ่งปีก่อนๆ วอร์มอัพด้วยละครคอเมดี้ซีรี่ส์มาพักใหญ่ แหม่มเริ่มสำแดงวิทยายุทธ์เข้มขึ้นใน “วิมานจอเงิน” แต่ความที่ได้บทเป็นคนอ่อน แม้จะเล่นได้ดีแต่ก็ถูกสิเรียมขโมยซีนอยู่เรื่อย
ยกเว้นฉากที่มีการปะทะกันตรงๆ เมื่อเธอตัดสินใจลุกขึ้นสู้
มาถึง “เลือดข้นคนจาง” ละครดังในห้วงนี้ ประกายที่เคยงำไว้ก็เจิดจ้า ทั้งในตอน 2 และ 3 ซึ่งมีซีเควนซ์การถูกสอบสวนของภัสสร (แหม่ม) เกือบทั้งตอน
ละครเรื่องนี้ ผู้กำกับฯ กำหนด Tempo ไว้ให้เนิบช้าเพื่อเก็บอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครทุกเม็ด (จนบางซีนก็ยืดไปหน่อย อย่างฉากที่พีทไปเยี่ยมเมียน้อยพ่อที่โรงพยาบาล) อินเนอร์ของแหม่มที่หลากล้นออกมาทางสีหน้าและแววตานั้นบอกได้ว่าเธอตีบทละเอียดทุกช็อตจริงๆ
ปลื้มปริ่มปรีดากับการกลับมาสู่บัลลังก์ของดาวจรัสฟ้าเหล่านี้ เพราะพวกเธอมิได้กลับคืนบัลลังก์ดาราขวัญใจมหาชน แต่คืนสู่บัลลังก์ดารานำหญิงยอดเยี่ยมนั่นเลย