ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19 - 25 ตุลาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | กรองกระแส |
เผยแพร่ |
กรองกระแส
ปะทะการเมือง
อะนาล็อก กับ ดิจิตอล
บทบาท ‘คสช.’
แม้ความพยายามในการสืบทอดอำนาจของ คสช.จะถือเอาปฏิมาแห่งการดำรงอยู่ของอำนาจ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มาเป็นแบบอย่าง แต่ก็ต้องยอมรับว่ายุคของ คสช. กับยุคของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เข้าไปสู่อำนาจในเดือนกุมภาพันธ์ 2523 บนซากปรักหักพังอันเกิดขึ้นจากรัฐบาล พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
เป็นเหมือน “อัศวินม้าขาว” ที่เข้ามาพร้อมกับ “ความหวัง”
จึงไม่แปลกที่จะได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างๆ ไม่ว่าพรรคกิจสังคม พรรคชาติไทย และพรรคธรรมสังคมด้วยความอบอุ่น
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จึงมิได้เป็นการสืบทอด หากแต่เป็นการ “เข้าสู่” อำนาจ
ตรงกันข้าม ยุคของ คสช.ที่จะถือว่าเป็นการเข้าสู่อำนาจอย่างแท้จริง คือในห้วงภายหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ท่ามกลางการสร้างสถานการณ์ของ กปปส.โดยดำเนินไปตามแผน “สมคบคิด” อันต่อเนื่องจากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 และการร่วมล้อมปราบอย่างมีนัยสำคัญในเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553
โดยการทำรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลอันมาจากการเลือกตั้งด้วยชัยชนะอันท่วมท้นในเดือนกรกฎาคม 2554
พฤษภาคม 2557
พฤษภาคม 2561
เวลา 4 ปีของรัฐบาลภายหลังการรัฐประหาร คือเวลาแห่งการแสดงฝีมือและความสามารถอย่างเป็นรูปธรรม
หากจะถือเป็น “ผลงาน” เวลานี้แหละคือ “ผลงาน”
จุดแตกต่างเป็นอย่างมากระหว่างยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ กับยุค คสช.ก็คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มีส่วนน้อยมากในการวางกฎสร้างกติกา เพราะนั่นเป็นผลงานของ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ อย่างเป็นด้านหลัก
ไม่ว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ.2521 ไม่ว่าผลพวงจากกฎกติกาในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2521 ล้วนอยู่ในความรับผิดชอบของ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ทั้งสิ้น
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพียงเป็นผู้ได้ประโยชน์จากกฎกติกาเหล่านี้เท่านั้น
ตรงกันข้าม คสช.ไม่เพียงแต่จะเป็นผู้วางกฎกติกาและได้ประโยชน์จากกฎกติกาทั้งเมื่อหลังเดือนพฤษภาคม 2557 และเมื่อเวลาผ่านมาถึงเดือนพฤษภาคม 2561 เท่านั้น หากแต่ยังสำแดงเจตจำนงว่าจะสืบทอดอำนาจต่อไป
ไม่เพียงจะสืบทอด 4 ปี รวมแล้วเป็น 8 ปี หากแต่ยังต้องการสืบทอดอำนาจยาวนานไม่ต่ำกว่า 20 ปีด้วยซ้ำ
รูปธรรม ความมั่นใจ
ผลงานของ “คสช.”
ไม่ว่าจะเป็นการผ่านยุทธศาสตร์ 20 ปี ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางเครือข่ายพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นแต่ละจังหวะก้าวของ คสช.ล้วนแสดงความมั่นใจ
1 ความมั่นใจในผลงานและความสำเร็จ
ขณะเดียวกัน 1 ความมั่นใจว่าจะได้รับการสนองและขานรับต่อการสืบทอดอำนาจให้ยาวนานออกไปอีกไม่ต่ำกว่า 20 ปีของ คสช.
การตั้งพรรคพลังประชารัฐสะท้อนความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
เมื่อประสานเข้ากับการแวดล้อมจากพรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคประชาชนปฏิรูป พรรคพลังชาติไทย พรรคพลังธรรมใหม่ คสช.ยิ่งมั่นใจ เห็นได้จากการประกาศจากพรรครวมพลังประชาชาติไทยว่าจะต้องเป็นรัฐบาลอย่างแน่นอน
การตัดสินใจเปิด “เพจ” ของตนเองผ่านเฟซบุ๊ก การตัดสินใจนำเอาภาพและผลงานเผยแพร่ผ่านอินสตาแกรมและรวมถึงไลน์ และทวิตเตอร์ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือการตระเตรียมเข้าสู่พื้นที่ของโลกโซเชียลมีเดีย
เป็นการย้ายจากการเมืองยุค “อะนาล็อก” เข้าสู่การเมืองยุค “ดิจิตอล”
หากไม่มั่นใจในผลงาน ความสำเร็จ หากไม่มั่นใจในกระแสการสนับสนุนของประชาชนอันเป็นฐานเสียงที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงไม่เข้าสู่โลกแห่งโซเชียลมีเดียอย่างแน่นอน เพราะพื้นที่โซเชียลมีเดียคือพื้นที่ที่ไม่เพียงแต่เป็นประชาธิปไตย หากแต่เข้าข่าย “อนาธิปไตย” ด้วยซ้ำ
ความมั่นใจนี้กำลังได้รับการตรวจสอบจากสภาพความเป็นจริงอย่างเข้มข้น
พื้นที่ดิจิตอล
พื้นที่อะนาล็อก
โดยความเป็นจริง เทคโนโลยีแห่งยุคดิจิตอลเป็นปัจจัยอย่างสำคัญในการทำลายล้างไม่เพียงแต่เทคโนโลยีแห่งยุคอะนาล็อก
หากแต่ยังได้เข้าสู่พรมแดนทางความคิด พรมแดนทางการเมือง
แม้ภาพแห่งการเมืองเก่าอันเป็นผลผลิตจากยุคอะนาล็อกยังเป็นด้านที่ครอบงำอยู่เหนือสังคมไทย แต่การรุกคืบเข้ามาของการเมืองใหม่อันเป็นผลผลิตโดยตรงจากยุคดิจิตอลก็ดำเนินไปด้วยความรุนแรง รวดเร็วและเข้มข้นเป็นอย่างยิ่ง
การเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 จะเป็นคำตอบสำคัญว่ายุคของ คสช.จะยังแข็งแกร่งและมั่นคงผ่านกระบวนการสืบทอดอำนาจได้หรือไม่