รู้จัก “บิ๊กบัว” น.1 คนล่าสุด เผยวิสัยทัศน์ รับเลือกตั้ง 2562 หัวใจ คือ88 สน. – เลิกด่านจราจร

สัปดาห์ที่ผ่านมานี้มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำหน่วยสีกากีครั้งใหญ่ ในการแต่งตั้งโยกย้ายวาระประจำปี

เก้าอี้ไฮไลต์ “แม่ทัพนครบาล” ในวงการสีกากีล้วนจับตา

ชื่อ “บิ๊กบัว” พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น นายตำรวจมือปราบ นักสืบมือต้นๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แปะป้ายจองแต่แรก

ทว่าระหว่างที่บัญชียังไม่นิ่ง สะพัดข่าวในแวดวงตำรวจ ชื่อคนอื่นหมุนเวียนขอจองเก้าอี้ใหญ่ตัวนี้ด้วย

แต่ท้ายที่สุด ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เจ้าของรหัส “พิทักษ์ 1” เลือกให้เพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 36 ที่ชื่อ “เดอะบัว” พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ นั่งตำแหน่งใหญ่คุมทัพตำรวจกรุงเทพมหานคร เป็นเจ้าของนามเรียกขาน “น.1”

“โล่เงิน” สัมภาษณ์รักษาราชการแทน “ผบช.น.” ถึงนโยบาย วิสัยทัศน์ การบริหารงานสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ทั้ง 88 โรงพัก

เรื่องแรกที่ “บิ๊กบัว” ให้ความสนใจและให้ความสำคัญคือ “ปัญหาจราจร”

เจ้าตัวบอกว่า ต้องยอมรับและรับฟังเสียงจากประชาชนที่ขับรถบนถนน โดยยังมีเสียงสะท้อนที่ยังเห็นด่านตรวจ ด่านจับตามจุดอับซุ่มอยู่ตามแยก ดักบนถนน สะพานยกระดับต่างๆ ซึ่งประชาชนตั้งคำถาม

“การแก้ปัญหาจราจรในเขตกรุงเทพมหานครผมเห็นว่ายังไม่บรรลุผลที่ดี จึงให้ยกเลิกด่านกวดขันวินัยจราจร แต่ให้ไปบังคับใช้กฎหมายการควบคุมรถที่จอดกีดขวางจราจร จอดซ้อนคัน หรือจอดรถในจุดห้ามจอด”

พล.ต.ท.สุทธิพงษ์บอกว่าให้เลิกด่านจราจร แต่ไม่ใช่เลิกด่านทั้งหมด ในส่วนการตั้งด่านยังคงมีอยู่ แต่จะให้แต่ละ สน.ท้องที่ตั้งด่านป้องกัน เน้นการตรวจค้นอาวุธ ที่จะไปใช้ก่อเหตุ ลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ และปล้นทรัพย์ พร้อมให้ประสานการตั้งด่านแบบใยแมงมุม เพื่อให้ชนครบรอบในเวลากลางคืนและครอบคลุมทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร

ขณะที่ด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ หรือเมาแล้วขับ คงมีอยู่เพื่อความปลอดภัยของประชาชน แต่ต้องดูว่าควรตั้งเวลาไหน อย่ากลั่นแกล้ง เรียกรับผลประโยชน์ โดยการตั้งด่านจะต้องมีผู้รับผิดชอบในการปฏิบัติ

“ในส่วนของตำรวจจราจร จะหารือกับ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ที่มีประสบการณ์ด้านงานจราจร เพื่อให้ตำรวจจราจรปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ให้ทุ่มเทกำลังลงมาให้มากในช่วงเวลาเร่งด่วน ไม่ต้องรอสั่งการ ให้แต่ละกองบังคับการมีจิตสำนึกแก้ไขปัญหาจราจรร่วมกัน ตั้งใจทำงานให้มาก ให้ประชาชนเห็นว่าตำรวจทำงาน”

บิ๊กบัวย้ำต้องแก้เรื่องจราจรเป็นเรื่องสำคัญ

พล.ต.ท.สุทธิพงษ์บอกว่า ด้านการบริการบนโรงพัก มุ่งเน้นบริการประชาชนด้วยหัวใจ ตำรวจนครบาลต้องบำเพ็ญตนให้เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง พนักงานสอบสวน 100% มีมาตรการควบคุม ตรวจสอบ หลังจากการรับคำร้องทุกข์หรือคำกล่าวโทษ การควบคุมการสอบสวน และระยะเวลาการสอบสวน ต้องทำตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด

“เรื่องพนักงานสอบสวน ที่มักถูกร้องเรียนในหลายๆ เรื่อง เช่น ไม่รับแจ้งความ หรือนัดแล้วให้ประชาชนรอนาน รวมไปถึงการให้ประชาชนหาพยานหลักฐานเอง ปัญหาเหล่านี้จะต้องไม่ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ บช.น. หากเกิดเรื่องร้องเรียนตรวจสอบพบว่ามีมูลก็ต้องดำเนินการทางปกครองทันที” รรท.ผบช.น.ย้ำ

บิ๊กบัวขยายความว่า เรื่องการรับแจ้งความให้ความสำคัญเป็นไปตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

“ตามความจริงประชาชนไม่อยากขึ้นโรงพัก ที่เขามาเพราะเดือดร้อน ทำอย่างไรจึงจะบรรเทาความเดือดร้อน การแสดงออกถึงไมตรี เจ้าหน้าที่มีหน้าที่รับแจ้ง ชี้แจง พูดจาสุภาพนุ่มนวล เน้นการบริการ ยกเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ หากพบหรือรู้ว่าไม่บริการประชาชนที่เดือดร้อนแล้วเขาขึ้นมาบนโรงพัก ผมไม่ยอมนะ”

พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ย้ำการขับเคลื่อนปรับโฉมโรงพัก หัวใจหลักงานตำรวจ

รรท.ผบช.น. กล่าวถึงการป้องกันความเสียหายหรือการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ว่างานป้องกันปราบปรามจะเร่งพูดคุยปลูกฝังให้ตำรวจในฝ่ายป้องกันปราบปรามออกตรวจให้มาก โดยเฉพาะจุดเสี่ยง จุดล่อแหลม เน้นการปรากฏกาย ถึงกำลังเราจะมีน้อย แต่ให้รู้ว่ามีเราอยู่ในพื้นที่ตำรวจอยู่

นอกจากนี้ในด้านความมั่นคง “บิ๊กบัว” เผยว่า ยุคที่ตัวเองคุมทัพนครบาล งานด้านความมั่นคงมองไปตามตัวบทกฎหมาย ไม่เลือกกลุ่ม ไม่เลือกการปฏิบัติ

เพราะเป็นเรื่องที่อ่อนไหว

สําหรับการเตรียมพร้อมกับการเลือกตั้งในต้นปี 2562 ที่ทราบกันอยู่แล้ว จะให้ตำรวจไปศึกษากฎหมายต่างๆ ในการเลือกตั้ง ทั้ง พ.ร.บ.-พ.ร.ป.ที่เกี่ยวข้อง ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยในการเลือกตั้ง และการชุมนุม รวมทั้งสถานการณ์ต่างๆ

“คดียาเสพติดเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล หลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องทำควบคู่กันไป ฝ่ายสืบสวนต้องดำเนินการ หากจับกุมได้ต้องขยายผล จาก 1 ไป 2 จาก 2 ไป 3 ไปสู่คดีสมคบให้ได้ หากพบว่าตำรวจเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องทุกรูปแบบของยาเสพติดจะดำเนินการอย่างเฉียบขาด”

ส่วนเรื่องปัญหาเด็กแว้น คือการแข่งรถในทางสาธารณะ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์เผยว่า นครบาลจะติดตามทางโซเชียลมีเดียตลอดเวลา มีการป้องกันการแข่งรถในทุกมิติสายงาน หากพบหรือมีข้อมูลก็จะประสานงานกับชุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการลงพื้นที่บูรณาการทำงานร่วมกัน

“ปัญหาเด็กนักเรียนทะเลาะวิวาทต่างสถาบันก็ให้ความสำคัญ โดยทาง บช.น.จะให้แต่ละ สน.พื้นที่เขตต่อเนื่องทำงานร่วมกัน โดยลงไปพบปะพูดคุยกับครู อาจารย์ เชื่อมโยงบูรณาการทั้งสองสถาบันเพื่อหาทางยุติของสถาบันคู่ขัดแย้งเพื่อปรับทัศนคติให้อยู่ร่วมกันได้”

เมื่อถามถึงนโยบาย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้มุ่งเน้นการปราบปรามคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือโอเวอร์สเตย์ ให้หมดภายใน 1 เดือน และห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจมีนอกมีในกับคนต่างชาติ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาของคนต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในเมืองไทยพอสมควร

“ผมเคยเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) เห็นปัญหา โดยจากนี้จะเน้นย้ำ ตำรวจ บช.น.ประสานการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เพื่อสืบสวนหาแหล่งที่มีคนต่างชาติพักอยู่จำนวนมาก”

รรท.ผบช.น. ทิ้งท้ายว่า อีกเรื่องสำคัญ คือสถานบริการ ยุคนี้ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย เปิด-ปิดตามเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะเด็กอย่าให้เข้าไปมั่วสุม การค้ามนุษย์สำคัญต้องปราบปราม ห้ามนำเด็กมาทำงานรวมทั้งแอบแฝงค้ามนุษย์ในสถานบริการ

ต้องกวดขันบ่อนการพนันขนาดใหญ่ไม่ให้มี เป็นไปตามที่รัฐบาลกำหนด