อุรุดา โควินท์ / อาหารไม่เคยโดดเดี่ยว : เวลาและความรู้สึก

เธอมาหาฉันพร้อมพวงกุญแจทำมือรูป Sugar Skull หลากสี ฉันใจเต้นตึกตักตอนที่เธอเรียงมันบนโต๊ะ

“สำหรับนักเขียน” เธอว่า

“ทั้งหมดนี้เลยเหรอ มันเยอะไป ให้เราจ่ายเงินนะ”

“ไหนว่าจะแจกนักอ่าน เอาน่า เราเพิ่งได้ค่านายหน้า เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ เอาหนังสือที่จะออกมาให้เราเล่มหนึ่ง แล้วก็ข้าวหนึ่งมื้อ”

“ต้องให้เราจ่าย” ฉันเสียงแข็ง

งานทำมือแบบนี้ ไม่ใช่สิบ-ยี่สิบบาท และตั้ง 10 ชิ้น ฉันรับจากเธอไม่ได้หรอก ต่อให้เธอรวยกว่านี้ และฉันจนกว่านี้ก็เถอะ

เธอจ้องหน้าฉัน

ฉันยิ้ม “เราอยากให้นักอ่าน ถ้าเราไม่ได้จ่ายตังค์ มันจะเป็นการให้เหรอ เรื่องข้าวไม่ต้องห่วง หุงไว้แล้ว”

เธออมยิ้ม “ตามใจ” หยิบโทรศัพท์มาเปิด inbox ที่เธอคุยกับคนทำให้ดู “ราคาตามนี้”

โห…จะเป็นลม ให้คนรวยสั่งของก็อย่างนี้ ฉันยัดเงินใส่มือเธอ แล้วหยิบ Sugar Skull มาดูทีละอัน มันสวยมาก สวยสมราคา

“อยากได้ทุกอันเลย” ฉันบอก

เราชอบงานทำมือเหมือนกัน ชอบแต่งหน้าเหมือนกัน ชอบแต่งตัวเหมือนกัน ที่แตกต่างคือจำนวนรายได้

ฉันไม่อาจซื้อทุกสิ่งที่ชอบ ฉันไม่อาจซื้อทันทีที่ต้องการ ฉันไม่อาจได้ทุกอย่าง

ของมันต้องมี เป็นประโยคของเธอ

เงินต้องมีก่อน คือประโยคของฉัน

เราอยู่บนโลกเดียวกัน ด้วยความปรารถนาคล้ายคลึง แต่เรามีวิธีใช้ชีวิตต่างกันมาก ไม่ใช่เพราะเราคิดต่างกัน แต่เป็นเพราะต้นทุนของเราไม่เท่ากัน

อาหารมื้อละพันกว่าบาทเป็นเรื่องปกติของเธอ แต่หนึ่งพันบาทคือเงินที่ฉันใช้สำหรับอาหารในบ้าน 2-3 วัน และมันไม่แฟร์ หากเธอจะจ่ายให้ บางมื้อที่เธอชวน เมื่อได้ยินชื่อร้าน ฉันก็รู้ว่าควรปฏิเสธ

เราไม่สามารถไปด้วยกันทุกแห่งหน หากต้นทุนไม่เท่ากัน นั่นเป็นความจริงที่ฉันยอมรับ แต่มันไม่ได้ทำให้ความเป็นเพื่อนเจือจาง

เมื่อฉันมีบ้าน เธอกลายเป็นนักชิมของฉัน

 

ก่อนหน้านี้ฉันอยู่บ้านที่ดัดแปลงจากโรงรถของแม่ บ้านมีครัว ฉันทำอาหารกินเอง แต่การชวนเพื่อนมากินข้าวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

บ้านที่โต๊ะทำงานกับโต๊ะกินข้าวคือโต๊ะเดียวกัน แถมเบียดอยู่กับโต๊ะทำงานอีกตัว ไม่เหมาะกับการสังสรรค์นัก ฉันจึงใช้วิธีตักใส่ปิ่นโตส่งให้เธอถึงบ้าน

เมื่อฉันย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ ฉันมีโต๊ะอาหารบนระเบียงริมสระบัว ฉันจึงได้ต้อนรับเพื่อนบ่อยขึ้น มีคนร่วมโต๊ะอาหารบ่อยขึ้น โดยเฉพาะเธอ

วันนี้ฉันจะแกงผักปั๋ง หลายคนไม่ชอบยางของมัน เหมือนที่บางคนไม่ชอบย่างของกระเจี๊ยบ ยางผักไม่เคยเป็นปัญหากับเราทั้งคู่ หากไม่กินผักปั๋งตอนที่มันงามเต็มตลาด เราจะกินตอนไหนเล่า

มีน้ำซุปอยู่ในตู้เย็นแล้ว เอามาตั้งไฟให้เดือด ใส่น้ำพริกแกงลงไป น้ำพริกแกงตำเสร็จในห้านาที มีพริกชี้ฟ้าสด กระเทียม หัวหอม เกลือ ตำให้ละเอียดแล้วใส่กะปิ

รอน้ำพริกแกงเข้ากับซุปดี ฉันเอาผักปั๋งลงหม้อ ตามด้วยแหนม (บิเป็นชิ้นเล็กๆ) และมะเขือเทศลูกเล็กสักสี่ห้าลูก พอผักสุก ปรุงรสด้วยน้ำมะกรูด และน้ำปลานิดหน่อย แค่นี้ก็ปิดเตาได้

ตั้งแต่ต้นจนจบ แกงผักปั๋งใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที เร็วกว่าขับรถออกไปหาร้าน และจ่ายน้อยกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้

“เราต้องรีบไป แต่อยากกินแกง” เธอว่า

ฉันตักแกงใส่ถ้วยเล็กให้ ลองพูดอย่างนี้ก็หมายความว่าเธอไม่ต้องการข้าว เธอชอบกินแกงผักในถ้วยเล็ก ตักกินแบบซุป

“เปรี้ยวนิด เค็มหน่อย เผ็ดแบบไม่ทรมาน เหมือนแม่เราแกง” เธอว่า

 

อีกเรื่องที่เธอมีต้นทุนมากกว่า คือความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแม่เน่นแฟ้นอย่างกับคู่แฝด แม่ของเธอเป็นทั้งเพื่อน และพี่สาว

แตะแขนเธอ “มาได้ตลอดนะ เราแกงบ่อย”

เธอหัวเราะ “แม่ตายสองปีแล้ว เราไม่เป็นไร สบายมาก แต่เธอแกงรสเดียวกับแม่จริงๆ เป็นคำชมนะ”

แกงผักปั๋งไม่ยากสักนิด แกงผักอื่นก็ด้วย เธอไม่ยอมทำเอง ฉันไม่เคยถามเหตุผล แต่พอจะเดาได้

ฉันนั่งตรงกันข้าม ดูเธอกินแกงอย่างเอร็ดอร่อย “เชื่อมั้ย เรากลับไปอยู่บ้านที่มีครัวไม่สะดวก ไม่มีโต๊ะอาหารไม่ได้แล้วล่ะ” ฉันบอกเธอ

บ้านจะเป็นบ้านได้อย่างไรหากไร้ครัว และครัวไม่อาจทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ หากไม่มีเพื่อนมานั่งกินข้าว

“แต่นี่ไม่ใช่บ้านเธอ” เธอเตือน ซึ่งถูกต้อง และฉันไม่ลืม

น้องสาวย้ายครอบครัวไปเชียงใหม่ ฉันจึงได้อยู่บ้านหลังนี้ ฉันซ่อมแซมครัว ปรับปรุงบ้าน ทำความสะอาดจนมันกลายเป็นบ้านอีกหลัง และใช่ วันหนึ่งฉันต้องย้ายออกไป

“หาบ้านเช่าไง บ้านที่มีครัว มีที่วางโต๊ะกินข้าวอ่ะ” ฉันว่า

เธอส่ายหัว เธอมองว่ามันไม่คุ้ม ที่ฉันลงมือลงแรงกับสิ่งที่ฉันไม่มีวันได้เป็นเจ้าของ

ฉันเข้าใจ

แต่เธอคงไม่รู้-ชั่วขณะที่เห็นเธอกินแกงผักปั๋ง ฉันมีความสุขแค่ไหน เวลาที่อยู่ในครัว ฉันปลอดโปร่งเช่นไร

ความรู้สึกและเวลาเป็นของฉัน นั่นต่างหากที่สำคัญ

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2089101241154549&id=119067444824615

https://www.facebook.com/matichonbook/photos/a.134217036642989/2087983234599683/?type=3&theater