Strong Army ทัพบกยุค ‘บิ๊กแดง’ สลายขั้ว ‘ทหารเสือฯ-บูรพาฯ-เทวัญ’ ส่องทัพผู้การกรม ส่องทัพเรือสไตล์ ‘บิ๊กลือ’ คิดถึง ‘ป๋าเปรม’

รายงานพิเศษ

 

Strong Army ทัพบกยุค ‘บิ๊กแดง’

สลายขั้ว ‘ทหารเสือฯ-บูรพาฯ-เทวัญ’

ส่องทัพผู้การกรม

ส่องทัพเรือสไตล์ ‘บิ๊กลือ’

คิดถึง ‘ป๋าเปรม’

 

กองทัพบกในยุค Smart Soldiers Strong Army ที่มีบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็น ผบ.ทบ.นี้ แม้จะถูกมองว่าเป็นการกลับมาของวงศ์เทวัญในรอบ 15 ปี หลังจากที่บิ๊กเกาะ พล.อ.สมทัต อัตตะนันทน์ เคยเป็น ผบ.ทบ. ก็ตาม

แต่ทว่า การแบ่งขั้ว แบ่งสาย จะค่อยๆ สลาย ละลายไป จากการจัดทัพนับจากนี้ เพื่อให้เป็น Strong Army ที่เป็นหนึ่งเดียว

ทั้งบูรพาพยัคฆ์ ที่เติบโตมาจาก พล.ร.2 รอ. หรือทหารเสือราชินี ที่เติบโตจาก ร.21 รอ. หรือวงศ์เทวัญ ที่เติบโตมาจาก ร.1 รอ. หรือ พล.1 รอ. นั้น จะกลายเป็นแค่ความภาคภูมิใจและความทรงจำของหน่วยต้นกำเนิดเท่านั้น

เพราะทหารทุกคนจะเป็นทหารของกองทัพ ทหารของพระราชา และทหารของประชาชน หรืออาจเรียกว่า เป็นสาย “ราชสวัสดิ์” หรือสายเป๊ะนั่นเอง

แม้แต่ พล.อ.อภิรัชต์ เอง ตั้งแต่รับหน้าที่ ผบ.ฉก.904 และเป็นนายทหารพิเศษประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) ก็ต้องเป๊ะตลอด 24 ช.ม. และตั้งแต่หัวจรดเท้า

แม้แต่ลักษณะเด่นของการเป็นนายทหารสาย “วงศ์เทวัญ” ของ พล.อ.อภิรัชต์ ซึ่งเคยสวมเครื่องแบบทหารบก ที่ด้านหลังรีดจับจีบ จับกลีบ 6 โง้ง 8 โง้ง เช่นเดียวกับ พล.อ.สมทัต ผบ.ทบ.วงศ์เทวัญคนก่อน ก็ยังต้องหายไป กลายเป็นหลังเรียบตามปกติ

ไม่แค่นั้น การจัดโผโยกย้ายทหารระดับพันเอกพิเศษ หรือผู้การกรม ล่าสุดนั้นก็มีการละลายรวม ด้วยการส่งผู้การตั้ง พ.อ.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล ผบ.ร.31 รอ.(เตรียมทหาร 27) ที่ได้ชื่อว่าเป็นนายทหารสายวงศ์เทวัญ ที่เติบโตมาใน ร.11 รอ. เช่นเดียวกับ พล.อ.อภิรัชต์ ขยับไปเป็นรอง ผบ.พล.ร.2 รอ. และถูกมองว่า เพื่อให้จ่อขึ้นเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. หน่วยแม่ของบูรพาพยัคฆ์ต่อไปในอนาคต

ในโผนี้ เสธ.ต๊ะ พ.อ.อัศวิน บุนนาค เสธ.พล.1 รอ. (เตรียมทหาร 29) ข้ามกลับถิ่นไปเป็น ผบ.ร.31 รอ. คุมหน่วยหมวกแดงของ พล.1 รอ. ที่ถูกเรียกว่าเป็นรบพิเศษของกองทัพภาคที่ 1 เพราะเป็นลูกหม้อเก่าที่เคยเป็นทั้ง ผบ.ร.31 พัน 1 รอ. และรอง ผบ.ร.31 รอ.

จากเดิมที่เสธ.ใหญ่ พ.อ.อมฤต บุญสุยา เป็นรอง ผบ.พล.1 รอ. (เตรียมทหาร 27) ที่ขึ้นมาจาก ผบ.ร.21 รอ. ทหารเสือราชินี ที่ก็ลุ้นจ่อเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. คนต่อไป ชิงกับ พ.อ.ธวัชชัย เพื่อนร่วมรุ่น สายวงศ์เทวัญด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้เพราะคาดกันว่า เสธ.เนี้ยว พ.อ.ทรงพล สาดเสาเงิน รอง ผบ.พล.1 รอ. (ตท.27) อีกคน ที่จ่อขึ้นเป็น ผบ.พล.1 รอ. ต่อจากเสธ.อ๊อบ พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ที่คาดว่า ในปลายปีหน้าจะขยับขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อจ่อเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ในอนาคตอันใกล้

เพราะนอกจาก พ.อ.ทรงพลจะเป็นนายทหารที่ผ่านหลักสูตรการฝึกสำคัญแล้ว ยังเป็นนายทหารน้องรักของ พล.อ.อภิรัชต์ เมื่อครั้งอยู่ ร.11 รอ. ด้วย

จึงทำให้ในยุคของ พล.อ.อภิรัชต์ นี้ นายทหารสายวงศ์เทวัญ ที่เติบโตมาจาก ร.11 รอ. ที่ถือว่าเป็นหน่วยหนึ่งใน “ฉก.804” ด้วยนั้น ถูกจับตามอง

เพียงแต่ว่า ในยุคนี้จะไม่มีการเรียกแบ่งว่า วงศ์เทวัญ บูรพาพยัคฆ์ หรือทหารเสือราชินี แต่ทว่า เป็นทหารของพระราชา เป็นทหารของกองทัพบก เช่นเดียวกันหมด

ทั้งนี้ ในช่วง 10 ปี ของ “3 ป.” ที่เรียกว่าเป็นยุคทองของทหารเสือฯ และบูรพาพยัคฆ์นั้น จะมีแต่ทหารเสือฯ ร.21 รอ. และ พล.ร.2 รอ. เท่านั้น ที่ขึ้นเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ.ได้ หรือแม้แต่เป็น ผบ.พล.ร.9 จะไม่มีวงศ์เทวัญ จาก พล.1 รอ. ข้ามไปเสียบยอดเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ.

โดยคนปัจจุบันคือ บิ๊กเล็ก พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผบ.พล.ร.2 รอ. (เตรียมทหาร 23) ที่โตมาจาก พล.ร.2 รอ. แบบเลือดแท้ รอง ผบ.พล.ร.9 และ ผบ.มทบ.11 แล้วกลับถิ่นกำเนิด

ที่ทำให้ พ.อ.ธวัชชัยถูกจับตามองอย่างยิ่ง ว่าข้ามไปเป็นรอง ผบ.พล.ร.2 รอ. เพื่อจ่อคิวขึ้นต่อจาก พล.ต.ปิยพงศ์

แต่ในอดีต เคยมีการเติบโตสลับกันไปมา เพราะถือว่าเป็นกองพลในกองทัพภาคที่ 1 ด้วยกัน เช่น บิ๊กเหวียง พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ที่เคยอยู่ ร.1 รอ. ก็ไปเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. หรือก่อนหน้านี้ บิ๊กหนุน พล.อ.ชัยณรงค์ หนุนภักดี ที่โตจาก พล.ร.2 รอ. ก็มาเป็น ผบ.พล.1 รอ. หรือแม้แต่บิ๊กแกละ พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร ที่เดิมโตมาใน พล.ร.2 รอ. แต่ย้ายมาอยู่ ร.11 รอ. จนเป็นผู้พัน ก็ได้กลับไปเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. และได้ข้ามมาเป็น ผบ.พล.1 รอ.อีกด้วย

มายุคนี้ ไม่ว่าจะ พล.1 รอ. หรือ พล.ร.2 รอ. และ พล.ร.9 ก็ถือว่าเป็นทหารกองทัพภาคที่ 1 เหมือนกัน

 

ขณะที่บรรดานายทหารที่ได้ชื่อว่าเป็นทหารลูกป๋า และนายทหารม้า ที่เคารพรักป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ต่างก็ยังคงเป็นห่วง และเกาะติดความเคลื่อนไหวที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ หลังจากที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยดงข่าวลือถึงอาการป่วยของ พล.อ.เปรม ที่มีข่าวว่าไปนอนโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ หลายครั้งในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา

แม้ พล.อ.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานประธานองคมนตรีฯ และนายทหารคนสนิท จะยืนยันว่า พล.อ.เปรมไม่ได้มีอาการหนักอะไรก็ตาม แต่ก็ยอมรับว่าเป็นห้วงเวลาที่ พล.อ.เปรมต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยครั้งขึ้น เพื่อไปตรวจร่างกายอย่างละเอียด

ด้วยเพราะ พล.อ.เปรมอายุขึ้น 99 ปีแล้ว ก็ต้องให้แพทย์ดูแลใกล้ชิดมากขึ้น โดยไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล เช็กละเอียดในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ ส่วนของร่างกาย แบบที่ต้องนอนค้างคืนเพื่อตรวจ รวมถึงการสแกนส่วนต่างๆ

แต่ที่เป็นปัญหาคือ ขาที่ยังไม่แข็งแรง ที่ทำให้ พล.อ.เปรมไม่สามารถยืนนานๆ ได้ ทำให้ต้องไปตรวจเช็กระบบหลอดเลือดที่ขา และทำกายภาพบำบัด

และกลับมาบ้านสี่เสาเทเวศร์ แล้วออกกำลังกายด้วยการเดินในสวนหน้าบ้าน ทั้งเช้าและเย็น

แต่กระนั้น บรรดานายทหารที่ได้ชื่อว่า “ลูกป๋า” และพลเรือนที่เคารพป๋า ต่างก็ถามไถ่ พล.อ.พิศณุ เสมอๆ ว่า พล.อ.เปรมเป็นอย่างไรบ้าง

ไม่แค่นั้น บรรดานายทหารม้า และทหารที่เคารพรักป๋า ทั้งในภาคเหนือและอีสาน ก็ยังมีการบวชให้ เพื่อหวังให้ พล.อ.เปรมกลับมาแข็งแรง

เพราะตั้งแต่ พล.อ.เปรมไม่เปิดบ้านให้คณะนายกฯ และ ครม. ผบ.เหล่าทัพ ไปอวยพรวันเกิดของปีนี้ จนทำให้เกิดข่าวลือมาตลอด แต่ พล.อ.เปรมก็ปรากฏกายให้เห็นว่าแข็งแรงดี เดินได้ ในการไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช และทำบุญวันเกิด 26 สิงหาคม ที่บ้านราชบพิธฯ

แต่จากนั้น พล.อ.เปรมก็งดออกงานต่างๆ รวมทั้งเปิดและปิดโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” และมาประชุมองคมนตรีเป็นครั้งคราวที่มีการประชุมทุกวันอังคาร ที่ทำเนียบองคมนตรี วังสราญรมย์

พล.อ.พิศณุยืนยันว่า พล.อ.เปรมไม่ได้เป็นอะไรหนัก แค่ต้องตรวจร่างกายละเอียด แล้วตอนนี้ป๋าเปรมก็ดีใจ เตรียมตัวต้อนรับนายมหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่จะมาเยี่ยม ในโอกาสที่จะมาเยือนไทย พบนายกฯ ในปลายตุลาคมนี้ เพราะเป็นเพื่อนรักกันมาสมัยเป็นนายกฯ ด้วยกัน แต่มีการติดต่อพูดคุยกันมาตลอดหลายสิบปี โดยป๋าถือว่าเป็นเพื่อน แม้อายุจะต่างกัน 5-6 ปีก็ตาม ด้วยเพราะระลึกถึงกันตลอด

แต่กระนั้น ก็ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพเท่านั้น แต่รวมถึงเรื่องบ้านสี่เสาฯ ที่ตกเป็นข่าวลือว่ามีการย้ายบ้าน ถูกไล่บ้านด้วย แต่ก็ไม่เป็นความจริง เพราะ พล.อ.เปรมจะไม่ย้ายไปไหน บ้านสี่เสาฯ ก็จะยังคงอยู่ต่อไป

ท่ามกลางการถูกจับตามองเขม็ง ถึงอนาคตอันใกล้ของ พล.อ.เปรม

 

ขณะที่บรรดานายทหารในกองทัพเรือ กำลังตื่นเต้นกับ ผบ.ทร.คนใหม่ อย่างบิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ หลังจากที่มีการ “แถลงนโยบายเชิงโอวาท” ไปเมื่อ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา

ด้วยเพราะการเป็น ผบ.ทร.ที่เข้มงวด เด็ดขาด และเอาจริง อันสะท้อนจากม็อตโต้ที่ว่า “Stop the Past Start the New หยุดสิ่งเลวร้ายในอดีต เริ่มต้นสิ่งที่ดีงามวัฒนาถาวร” เพราะมีแผนผ่าตัดบางหน่วย ที่ถูกมองว่ามีผลประโยชน์

แต่สิ่งที่เป็นที่จับตามองคือ เรื่องความเชื่อของ พล.ร.อ.ลือชัย ในเรื่องดวงชะตา การถือเคล็ดต่างๆ ที่เป็นธรรมดาของนายทหารใหญ่ และความเชื่อแบบไทยๆ

แต่ด้วยเพราะ พล.ร.อ.ลือชัยอ่าน “สามก๊ก” มาไม่น้อยกว่า 3 รอบ และอ่านได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ในพิชัยยุทธที่ซ่อนอยู่ จึงทำให้มีความเชื่อแบบแม่ทัพนักรบจีน

พล.ร.อ.ลือชัยนับถือ “กวนอู” เพราะมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ และเป็นแม่ทัพคนเดียวที่ไม่จบด้วยการโดนประหาร และชอบศึกษาตัวละครอย่าง “จูล่ง” ด้วย

ในห้องทำงานของ พล.ร.อ.ลือชัย จึงมีเทพเจ้ากวนอู และตกแต่งแบบจีนๆ รวมทั้งการเปิดเพลงทำนองจีนในห้องทำงานด้วย ซึ่งเป็นเพลงที่ฟังมานาน เหมือนเป็นเพลงโปรด

รวมถึงการชอบต้นไผ่ ที่มีการนำมาปลูกในการปรับภูมิทัศน์ ทั้งที่วังเดิม และ บก.ทร.วังนันทอุทยาน ที่ทำให้เกิดความสวยงามไปอีกแบบหนึ่ง

นี่กระมัง ที่เป็นส่วนหนึ่งทำให้ พล.ร.อ.ลือชัยเป็นที่ถูกอกถูกใจของบิ๊กๆ ทหารจีน ตอนที่ไปเจรจาต่อรองเรื่องเรือดำน้ำ จนทำให้บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม มอบหมายให้ พล.ร.อ.ลือชัยดูแลโครงการเรือดำน้ำจีน ตั้งแต่เป็น เสธ.ทร. จนเป็นรอง ผบ.ทร.

(จากซ้าย) พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน พล.ร.ท.สิทธิพร มาศเกษม พล.ร.ท.ไกรศรี เกษร

ไม่แค่นั้น นายทหารเรือที่จะมาทำงานกับ พล.ร.อ.ลือชัย นั้น ไม่ว่าสมัยไหน ที่นอกจากจะเป็นคนเก่ง มีความสามารถแล้ว ยังต้องถูกชะตา ถูกโฉลกกันอีกด้วย

จนทำให้มีบิ๊กทหารเรือหลายคนที่ พล.ร.อ.ลือชัยแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ ถูกจับตามองว่า อาจจะได้ตำแหน่งสำคัญในกองทัพเรือในอนาคตอันใกล้ แต่หมายรวมถึง ต้องเป็นคนที่มีความสามารถ และความเหมาะสมด้วย

จนเป็นที่จับตามองกันว่า การวางตัวแม่ทัพนายกองของราชนาวี จะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไรในการจัดโผนายพลเรืออีก 3 ครั้งในมือ พล.ร.อ.ลือชัย

แม้ตอนนี้ บิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน เสธ.ทร. จะเป็นตัวเต็งที่จะเป็น ผบ.ทร.ต่อจาก พล.ร.อ.ลือชัย ที่จะเกษียณกันยายน 2563 ก็ตาม แต่ทว่า ก็เป็นคนที่บิ๊กนุ้ย พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ อดีต ผบ.ทร. เห็นในความสามารถ และเป็นเตรียมทหาร 20 จึงดันจากรอง เสธ.ทร. ขึ้นเป็น เสธ.ทร.

แม้ พล.ร.อ.ลือชัยจะไม่ได้เป็นคนเลือกมา แต่เพราะเป็นคนเก่ง พล.ร.อ.ลือชัยก็ไว้วางใจ มอบหมายงานต่างๆ และต้องชะตากันด้วย

แต่ก็ไม่แน่ว่า พล.ร.อ.ชาติชายจะได้เป็น ผบ.ทร.คนต่อไปหรือไม่ เพราะในโผโยกย้ายปลายปีหน้า พล.ร.อ.ลือชัยอาจมีการดันนายทหารดาวรุ่ง หรือม้ามืด เข้ามาเบียดแข่งสู้ก็เป็นได้

โดยเฉพาะใน ตท.20 มีคนเก่งหลายคน เช่น บิ๊กแก๋ง พล.ร.ท.สิทธิพร มาศเกษม ผบ.ทัพเรือภาคที่ 3 และบิ๊กโต้ง พล.ร.ท.ไกรศรี เกษร รอง เสธ.ทร. ที่ทั้งคู่อาจขึ้น 5 ฉลามทัพเรือ ในโผใหญ่ปลายปีหน้า มาชิงกับ พล.ร.อ.ชาติชายก็เป็นได้

คาดกันว่า ในปีสุดท้ายของ พล.ร.อ.ลือชัย คงจะแข่งกันทำงานอย่างเข้มข้นเลยทีเดียว กองทัพเรือจึงดูมีสีสันอย่างยิ่ง

รวมถึงกองทัพในยุคเปลี่ยนผ่าน ยุค ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ โดยเฉพาะ ทบ.