การศึกษา/เปิดปม ‘มหากาพย์อควาเรียม’ 10 ปี สร้างไม่เสร็จ ใครทำ!

การศึกษา

เปิดปม ‘มหากาพย์อควาเรียม’

10 ปี สร้างไม่เสร็จ ใครทำ!

 

เกิดแรงกระเพื่อมขึ้นอีกครั้งหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติโอนย้ายข้าราชการระดับสูงของ ศธ.ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลาหรืออควาเรียมหอยสังข์ ที่วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ อ.เมือง จ.สงขลา ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จำนวน 3 ราย

ได้แก่ นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการสภาการศึกษา อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) นายมงคลชัย สมอุดร ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาเกษตรกรรมและประมง สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และนายบุญส่ง จำปาโพธิ์ รองเลขาธิการ กอศ. เข้ากรุนั่งสำนักนายกรัฐมนตรี

สาเหตุมาก จากกรณีที่นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบการก่อสร้างอควาเรียม สรุปผลสอบ

และเสนอให้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีทั้งข้าราชการใน ศธ.และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

 

คําสั่งดังกล่าวทำให้ข้าราชการ ศธ.ช็อกไปตามๆ กัน

เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักโดยเฉพาะในกลุ่มบิ๊ก ศธ.ที่เกษียณราชการไปแล้วทั้งอดีตรองเลขาธิการ กอศ. อดีตปลัด ศธ. รวมถึงนายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบางจากปิโตรเลียม และคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) ออกมาตั้งคำถาม “ถ้า ครม.พิพากษาประหารชีวิตทางราชการแก่คนดี สังคมจะอยู่กันอย่างไร” และเรียกร้องให้นายกฯ เร่งตรวจสอบและคืนความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหา

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบการก่อสร้างอควาเรียมมีอดีตเลขาธิการ กอศ.ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขแบบก่อสร้าง 3 ราย คือ นายพรหมสวัสดิ์ ทิพย์คงคา ดำรงตำแหน่งปี 2552-2553 มีการแก้ไขแบบ 1 ครั้ง นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ดำรงตำแหน่งปี 2553-2554 แก้ไขแบบ 1 ครั้ง และนายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ดำรงตำแหน่งปลายปี 2554-2559 แก้ไขแบบ 4 ครั้ง

ซึ่งผู้ที่ตกเป็นเป้ามากที่สุดหนีไม่พ้นนายชัยพฤกษ์ เพราะในช่วงที่รับตำแหน่งมีการแก้ไขแบบถึง 4 ครั้ง ขณะที่อีก 2 รายเกษียณอายุราชการไปแล้ว!!

 

ล่าสุดนายชัยพฤกษ์ออกมายืนยันว่าไม่ได้โกงแม้แต่บาทเดียว การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย และไม่เคยแอบอ้างผู้ใหญ่และพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเอง โดยการก่อสร้างอควาเรียมเริ่มตั้งแต่ปี 2550 ขณะที่นายชัยพฤกษ์เข้ามารับตำแหน่งเลขาธิการ กอศ. ปลายปี 2554 โดยก่อนที่จะมารับตำแหน่ง โครงการนี้มีปัญหาใหญ่เกิดขึ้น 2 เรื่อง ปัญหาแรกคือ งบประมาณไม่เพียงพอในการก่อสร้างตามแบบรูปรายการ ซึ่งหากจะให้แล้วเสร็จตามแบบรูปรายการ ต้องใช้งบประมาณ 1,500 ล้านบาท ขณะที่ได้รับงบฯ เพียง 839 ล้านบาท ดังนั้น ช่วงปี 2551 จึงต้องปรับลดแบบรูปรายการให้พอดีกับวงเงินที่ได้รับ ปัญหาที่ 2 ความไม่สมบูรณ์ของแบบรูปรายการ ทำให้เมื่อเริ่มดำเนินการก่อสร้างมีปัญหา และต้องแก้ไข

ปี 2553 ถือเป็นการแก้ไขแบบครั้งแรก ในสมัยนายพรหมสวัสดิ์ เพราะเทคโนโลยีของระบบไม่สอดคล้องกับเนื้องาน

แก้ไขแบบครั้งที่ 2 ช่วงต้นปี 2554 สมัย น.ส.ศศิธารา เนื่องจากแบบรูปรายการทางสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมโครงสร้างขัดแย้งคลาดเคลื่อนและฐานรากทับซ้อน ซึ่งการแก้ครั้งนั้นได้มีการขยายเวลาออกไปอีก 805 วัน

ทั้งนี้ เมื่อมาถึงช่วงที่ตนเข้ามารับตำแหน่งได้มีการแก้ไขสัญญา 4 ครั้ง เป็นการแก้ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) 2 ครั้งคือ ครั้งที่ 3 และครั้งที่ 5

โดยการแก้ไขแบบครั้งที่ 3 เป็นการขยายเวลาตามมติ ครม. เรื่องมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ประสบผลกระทบจากอุทกภัยในปี 2556

ครั้งที่ 4 เป็นการปรับเปลี่ยนงวดงาน เช่น สัญญาเดิมกำหนดให้ปิดหลังคาอควาเรียมก่อน แต่เนื่องจากต้องนำอุปกรณ์ขนาดใหญ่เข้าไปในอควาเรียม ซึ่งหากต้องทำตามงวดงานที่กำหนดไว้เดิมจะต้องรื้อหลังคาออก ดังนั้น จึงเป็นสาเหตุให้ต้องแก้ไขงวดงานในครั้งที่ 4 เพื่อนำอุปกรณ์ใหญ่ใส่เข้าไปก่อน

ครั้งที่ 5 เป็นการขยายเวลาตามมติ ครม. เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงาน อันเนื่องมาจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2557

และครั้งที่ 6 เมื่อเดือนกันยายน ปี 2557 ซึ่งเป็นการปรับแก้เนื่องจากความไม่สมบูรณ์ของแบบรูปรายการ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตามสัญญาเดิมก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่ง ซึ่งมีการแก้ไขกว่า 100 รายการ

เหตุผลที่แก้ดังนี้ บางรายการไม่สามารถติดตั้งได้ ซึ่งมีมากกว่า 40 รายการ เช่น งานให้ตกแต่งผนังที่ใดที่หนึ่ง แต่ในสัญญาไม่มีการก่อสร้างผนังในพื้นที่ดังกล่าว รายการก่อสร้างในแบบแปลนแต่ไม่มีรายละเอียดประกอบการทำงาน เช่น งานตกแต่งฝ้าในห้องต่างๆ ไม่ได้กำหนดรายละเอียดวัสดุและรูปแบบในการติดตั้ง เป็นงานที่อยู่นอกพื้นที่การก่อสร้าง เช่น ให้ติดตั้งงานระบบไฟฟ้าบริเวณสะพานชมวิว แต่ในแบบการก่อสร้าง ไม่มีการสร้างสะพานชมวิว

บางรายการหากติดตั้งแล้วอาจจะเสียหายในอนาคต เช่น ปรับลดป้ายทางวิชาการออก อาทิ ชื่อสัตว์น้ำ เพราะออกแบบไว้ตั้งแต่ปี 2550 และยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อสัตว์ประเภทใดเข้ามาบ้าง

“ยืนยันว่าผมไม่ได้โกงแม้แต่บาทเดียว การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย และไม่เคยแอบอ้างผู้ใหญ่ และพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเอง การตัดสินใจอนุมัติเรื่องต่างๆ เป็นไปตามมติคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายผ่านการกลั่นกรองจากเจ้าหน้าที่และผู้บริหารทุกระดับตามสายงาน และได้มีการสอบทานจากหลายฝ่ายหลายครั้ง ซึ่งในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาทุกครั้ง เป็นข้อเสนอมาจากคณะกรรมการตรวจการจ้าง ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรม วิศวกร การก่อสร้างและด้านอควาเรียมของกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) และกรรมการควบคุมงานผ่านการกลั่นกรองของผู้เกี่ยวข้องใน สอศ. ทั้งฝ่ายพัสดุที่ดูแลเรื่องระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง กลุ่มออกแบบและก่อสร้าง และนิติกรผ่านทางผู้อำนวยการสำนัก รองเลขาธิการ กอศ. ที่รับผิดชอบ ก่อนมาถึงผมซึ่งเป็นหัวหน้าส่วนราชการเท่ากับมีการผ่านการพิจาณาทั้งฝ่ายวิชาการ และระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง มั่นใจว่ากระบวนการทำงานเป็นไปด้วยความรอบคอบ ยึดประโยชน์ทางราชการเป็นหลัก ไม่ได้ประมาทเลินเล่อ” นายชัยพฤกษ์กล่าว

ขณะที่ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ออกมาระบุว่าการโอนย้ายดังกล่าวทำอย่างตรงไปตรงมา เรื่องนี้มีความเห็นสองทาง แต่ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย กระบวนการยังไม่สิ้นสุดเพราะมีการสอบสวนอีก

“ส่วนตัวผมเอง ผมไม่มีปัญหากับใครหรือกับนายชัยพฤกษ์ ตรงกันข้าม ใครๆ ก็ทราบว่าผมให้เขาทำงานให้และชื่นชมว่าทำงานดี แต่เมื่อผลสรุปของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงออกมาเป็นแบบนี้ จะให้ผมใช้อคติ ความรู้สึกรักหรือชังมาตัดสินไม่ได้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย นายชัยพฤกษ์ยังมีโอกาสได้ชี้แจง ส่วนคนที่อยู่ใน สอศ. ก็ต้องให้ออกมาเพื่อที่การสอบสวนดำเนินการต่อไปได้ ถ้าถามความรู้สึกส่วนตัวผม ผมก็รู้สึกไม่ดีเพราะผมก็รักเขา แต่เราต้องทำตามหน้าที่ ส่วนคนคิดว่าผมมีธงในใจ มีส่วนน้อย ยืนยันว่าผมไม่ได้กลั่นแกล้งเพราะทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย” นพ.ธีระเกียรติกล่าว

ต้องจับตากันต่อไปว่า ‘มหากาพย์อควาเรียม’ ที่ยาวนานเกิน 10 ปีนี้จะจบลงอย่างไร แต่ก็หวังว่าการตรวจสอบทุกอย่างจะโปร่งใส และจบลงด้วยการคืนความเป็นธรรมให้ทุกฝ่าย…