แค่เพียงสัปดาห์แรก “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ก็เดินเครื่องหนุน คสช. เต็มกำลัง

เพราะ “บิ๊กแดง” สวมบทเป็นเลขาธิการ คสช. ที่ควบตำแหน่ง ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ซึ่งได้มอบนโยบายในที่ประชุมสำนักเลขาฯ ครั้งแรก ถึงเรื่องการเลือกตั้ง

โดยกำชับให้ กกล.รส. ไปศึกษาคำสั่ง คสช. เรื่อง “คลายล็อกพรรค” และแนวทางต่างๆ ของ กกต. เพื่ออำนวยความสะดวกหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง และดูแลความสงบเรียบร้อย

ที่สำคัญเวลานี้เข้าสู่ช่วง “เคาต์ดาวน์” การลงจากอำนาจของ คสช. แต่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศประโยคทอง “ผมสนใจงานการเมือง” เท่ากับว่า แม้ คสช.ลงจากอำนาจ แต่ “บิ๊กตู่” ยังไม่ลงจากหลังเสือ สิ่งหนึ่งที่ “บิ๊กตู่” ใช้เป็นเกณฑ์นั่นคืองานจะได้รับการสานต่อหรือไม่

โดย “บิ๊กแดง” ได้กำชับที่ประชุมสำนักเลขาฯ ขอให้ทุกฝ่ายสานต่องานที่ คสช.ได้ดำเนินการมาตลอด 4 ปี แต่อาจมีการปรับเปลี่ยนวิธีการตามสถานการณ์

“ในทุกการทำงานจะยึดประโยชน์ของส่วนรวมเป็นสำคัญ และจะไม่ยอมให้มีการทุจริตหรือเอาเปรียบประชาชนในทุกด้าน” พล.อ.อภิรัชต์กล่าว

ที่ผ่านมา “บิ๊กแดง” ได้ชื่อว่าเป็นนายทหาร “น้องรักต่างสาย” ของ “บิ๊กตู่” เพราะเป็นสายวงศ์เทวัญ ไม่ใช่สายทหารเสือฯ หรือสายบูรพาพยัคฆ์ เช่นน้องรักคนอื่นๆ

แต่นายกฯ ก็มีความไว้วางใจและเชื่อในฝีมือไม่น้อย

“บิ๊กแดง” เป็นนายทหารที่เติบโตมาใน ร.11 รอ. จนขึ้นเป็นผู้การ ร.11 รอ. ซึ่งตรงกับช่วงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง สมัยปี 2552 ซึ่ง “บิ๊กแดง” ได้นำกำลังยึดคืนสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมไทยคม จ.ปทุมธานี จึงทำให้ชื่อ “บิ๊กแดง” ติด “แบล๊กลิสต์” ของคนเสื้อแดง

ทำให้ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกโยกไปเป็น ผบ.พล.ร.11 ฉะเชิงเทรา และ ผบ.มทบ.15 เพชรบุรี

ทว่าผู้ที่ดึง “บิ๊กแดง” กลับเข้ากรุงเทพฯ คือ “บิ๊กตู่” ในการโยกย้ายกลางปี (เมษายน 2557) ก่อนรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 เพียง 1 เดือน

“บิ๊กตู่” สมัยเป็น ผบ.ทบ. ได้ขยับ “บิ๊กแดง” ขึ้นเป็น ผบ.พล.1 รอ. ที่ดูแลพื้นที่และสถานที่สำคัญใน กทม. แสดงถึงความไว้วางใจที่มีให้

เมื่อ คสช.ปฏิบัติการ “จัดระเบียบสังคม” เริ่มขึ้น “บิ๊กตู่” ได้ตั้ง “บิ๊กแดง” เป็นประธานบอร์ดกองสลากฯ เพื่อจัดระเบียบราคา 80 บาท

ต่อมา “บิ๊กแดง” ขยับขึ้นเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 แม่ทัพน้อยที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อนขึ้น 5 เสือ ทบ. เป็นสัญญาณชัดแล้วว่า “บิ๊กแดง” คือ ผบ.ทบ.คนต่อไป

ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดทั้งหมด ซึ่ง “บิ๊กแดง” เป็นสายวงศ์เทวัญที่ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.ในรอบ 15 ปี โดยคนล่าสุดคือ “บิ๊กเกาะ” พล.อ.สมทัต อัตตะนันทน์

เพราะที่ผ่านมา ผบ.ทบ.ล้วนเป็นสายบูรพาพยัคฆ์ ทหารเสือฯ และรบพิเศษ

การขึ้นมาของ “บิ๊กแดง” จึงถูกจับตาไม่น้อยจากกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะฝั่งการเมือง ที่มีกระแสข่าวถึง “บิ๊กแดง” ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา “บิ๊กแดง” ก็ไม่ได้ออกมาตอบโต้และได้โลว์โปรไฟล์ตัวเองลงไปและไม่ออกสื่อมากนัก

หลังไปฝึกหลักสูตรสำคัญ แต่ก็ยังคงทำงานในหน้าที่ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ควบคู่ จนล่าสุด พล.อ.อภิรัชต์ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเป็น “นายทหารพิเศษ” ประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.)

แม้ “บิ๊กแดง” ที่มีความสมาร์ตตั้งแต่ก่อนเข้ารับการฝึกสำคัญ ทำให้ยิ่งมีความสมาร์ตมากขึ้นตลอดเวลา ซึ่งนายทหารที่ผ่านการฝึกสำคัญนี้ต่าง “สมาร์ต” มากขึ้นทุกนาย ทำให้ “บิ๊กแดง” ถือเป็นต้นแบบให้กับกำลังพล ทบ.

และ “บิ๊กแดง” ยังได้สานต่อนโยบาย “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท อดีต ผบ.ทบ. จาก “Smart Man Smart Army” สู่ “Smart Soldier Strong Army” ด้วย

แต่งานของ “บิ๊กแดง” ไม่ได้มีเพียงในกองทัพ ตราบใดที่ คสช.ยังไม่สลายไป หรือจนกว่าจะมีการตั้ง “รัฐบาลเลือกตั้ง” เกิดขึ้น ด้วยตำแหน่งเลขาธิการ คสช. ที่คุมกำลัง กกล.รส. ที่ต้องดูแลความสงบเรียบร้อย และเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ “บิ๊กแดง” จะต้องมาตอบคำถามหรือมาตอบโต้ทางการเมือง ด้วยมี “สถานะพิเศษ” อยู่

จึงมีการแบ่งงานให้ “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. อดีต เสธ.ทบ. เพื่อน ตท.20 และ พล.อ.ธีรวัฒน์ บุญยะวัฒน์ เสธ.ทบ. รุ่นพี่ ตท.19 ที่เป็นเลขาธิการ กอ.รมน. ซึ่งทั้งคู่เป็นนายทหารสายยุทธการ จึงทราบถึงแผนงานภาพรวมทั้งหมดของ ทบ. และ กอ.รมน. ถือเป็นขุนพลข้างกาย “บิ๊กแดง” ที่สำคัญด้วย

ส่วนเรื่องการชี้แจงประเด็นทางการเมืองและภารกิจ ทบ. ยังคงใช้ทีมงานเดิมคือ “เสธ.ต๊อด” พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช.-ทบ. “ผู้พันนิ่ม” พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช.-ทบ. และ “บิ๊กเล็ก” พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผบ.พล.ร.2 รอ. ที่เป็นทีมโฆษก คสช.มา 2-3 ปีแล้ว ตั้งแต่เป็น “พันเอก” ตำแหน่งรอง ผบ.พล.ร.9 และขึ้น “พลตรี” ในตำแหน่ง ผบ.มทบ.11

ในส่วนของตำแหน่ง “บิ๊กเล็ก” จึงต้องดูต่อไป จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงหรือไม่

ซึ่งมีรายงานว่า “บิ๊กแดง” จะให้ทีมงานเหล่านี้ชี้แจงเรื่องต่างๆ เป็นหลัก และส่วนตัวจะให้ข่าวกับสื่อตามความเหมาะสมเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ พล.อ.เฉลิมชัย สมัยเป็น ผบ.ทบ. ก็ได้วางกรอบงานให้ กกล.รส. ในช่วงการเลือกตั้ง โดยจะลดกำลังการใช้ กกล.รส. ในการทำหน้าที่ลง เพราะเกรงว่าจะมีคำครหาเกิดขึ้นและเกรงว่าจะถูกโยงเข้าสู่เรื่องทางการเมือง แม้ว่าจะเป็นงานช่วยเหลือประชาชนก็ตาม

ซึ่ง “บิ๊กแดง” ได้กล่าวในวันรับ-ส่งหน้าที่ ผบ.ทบ. จาก พล.อ.เฉลิมชัย โดยเน้นย้ำ “ภารกิจเพื่อส่วนรวม” ให้เป็นกองทัพของชาติและประชาชน พร้อมพิทักษ์รักษาสถาบันหลักของชาติ และสร้างความสงบสุขให้กับสังคมส่วนรวม

ภารกิจนับจากนี้ของ “บิ๊กแดง” จึงมีความท้าทายไม่น้อย ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความเคลื่อนไหวมากขึ้น หลัง คสช.คลายล็อกพรรคและเตรียมปลดล็อกพรรคช่วงกลางธันวาคมนี้ หลัง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีผลบังคับใช้

ยังไม่นับรวมถึงสถานการณ์ภายหลังการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร?

ท่ามกลางกระแสข่าวการตั้ง “รัฐบาลเฉพาะกาล” และการตั้ง “นายกฯ คนกลาง” ขึ้นมา หากเลือกตั้งแล้ววุ่นวายหรือเลือกนายกฯ ไม่ได้ ไม่ว่าจากปัจจัยใดทั้งสิ้น หลัง “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ เสนอให้มีการตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลขึ้น และพูดเชิงอาจมีเหตุวุ่นวายช่วงเลือกตั้งด้วย

ภารกิจของ “บิ๊กแดง” ในการควบคุมสถานการณ์ จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง แน่นอนว่าไม่เกินมือ “บิ๊กแดง” แม้เป็นนายทหาร “สายบู๊” ที่เคยผ่านการศึกทางการเมืองมา

แต่ด้วย “สถานะพิเศษ” ของ พล.อ.อภิรัชต์ การกล่าวสิ่งใดจึงต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวัง

ซึ่งยุคนี้ก็เป็นที่รู้กันว่าจะต้องมีความสงบเรียบร้อยมากที่สุด เพราะยังอยู่ในช่วง “เปลี่ยนผ่าน” ที่สำคัญ