บทวิเคราะห์ : เที่ยวไทยเคราะห์ซ้ำ จากเรือล่ม-มือตบ ทัพทัวร์จีนลดวูบ

จะเรียกว่า “ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก” ก็คงไม่ผิดนัก สำหรับ “ทัวร์จีน” ที่เป็นตลาดใหญ่ของไทย

เรื่องเก่ายังเคลียร์ไม่จบก็มีปัญหาใหญ่เพิ่มมาอีก

จากสถิติของกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า ช่วง 6 เดือนแรก (มกราคม-มิถุนายน) ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 19.48 ล้านคน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 12.46%

แน่นอนว่านักท่องเที่ยวที่มีจำนวนสูงสุดอันดับ 1 คือ จีน 5.93 ล้านคน ขยายตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 25.88% และสร้างรายได้คิดเป็นมูลค่ารวม 2.41 แสนล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 32.77%

และคาดการณ์กันว่าตลอดทั้งปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเมืองไทยไม่ต่ำกว่า 11 ล้านคน และทำรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 5.6 แสนล้านบาท

หากโฟกัสนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาในแต่ละเดือนตั้งแต่ต้นปี พบว่ามีการขยายตัวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเดือนกุมภาพันธ์ มีจำนวนถึง 1.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 51.95% มีนาคม มีจำนวน 1.004 ล้านคน เพิ่มขึ้น 27.19% และเมษายน มีจำนวน 9.89 แสนคน เพิ่มขึ้น 31.9%

 

อย่างไรก็ตาม หากพิเคราะห์ให้ละเอียดจะพบว่า เมื่อก้าวเข้าสู่ครึ่งปีหลัง เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ตลาดทัวร์จีนต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ เมื่อเกิดเหตุเรือนักท่องเที่ยวล่มกลางทะเลที่จังหวัดภูเก็ต มีผู้ประสบภัยกว่า 140 คน และเสียชีวิตมากกว่า 40 คน กลายเป็น “โศกนาฏกรรม” สะเทือนขวัญของคนจีนทั้งประเทศ

นอกจากนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังสร้างความไม่พึงพอใจกับทางการจีน และจี้ให้ทางการไทยเร่งแก้ปัญหาโดยด่วน

ผลกระทบที่ตามมาก็คือ นักท่องเที่ยวจีนชะลอการเดินทางมาเที่ยวไทย โดยเฉพาะ “กรุ๊ปทัวร์” ที่หายไปทันทีถึงกว่า 60% ส่งผลให้โรงแรม ที่พักต่างๆ ถูกยกเลิกการจองห้องไปจำนวนมาก

ครั้งนั้น “วิชิต ประกอบโกศล” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ในฐานะตัวแทนของเอกชนท่องเที่ยวที่ทำตลาดทัวร์อินบาวน์ (นักท่องเที่ยวขาเข้า) คาดการณ์ว่าเหตุเรือล่มครั้งนี้ก็น่าจะส่งผลกระทบเป็นเวลาประมาณ 3 เดือน คือช่วงกรกฎาคม-กันยายน

หากเป็นไปตามที่คาดก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากช่วงดังกล่าวเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยอยู่แล้ว

นั่นหมายความว่า เดือนตุลาคมซึ่งเป็นวันหยุดยาวช่วงวันชาติจีน (1-7 ตุลาคม) หรือที่เรียกกันว่า “โกลเด้นวีก” ของคนจีน นักท่องเที่ยวจีนก็น่าจะกลับมาเที่ยวเมืองไทยเหมือนเดิม และมั่นใจว่าจากนั้นสถานการณ์ก็จะดีต่อเนื่องถึงสิ้นปีและลากยาวไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลวันตรุษจีนด้วย

แต่ในความเป็นจริง วันนี้สถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนยังคง “นิ่งสนิท” นักท่องเที่ยวจีนยังไม่กลับมา ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนยังชะลอเดินทางมาเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะพยายามติดตามผลกระทบและเดินสายเพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นของกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนอย่างใกล้ชิดก็ตาม

จากสถิติตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนเมื่อเดือนกรกฎาคมซึ่งเป็นเดือนเกิดเหตุพบว่ามี 9.39 แสนคน ลดลง 0.81% และตัวเลขลดลงเพียงเล็กน้อยส่วนหนึ่ง น่าจะมาจากมีชาวจีนจำนวนหนึ่งเดินทางมาหาญาติที่ประสบเหตุ บวกกับนักท่องเที่ยวบางส่วนไม่สามารถยกเลิกการเดินทางได้ทัน และบริษัทนำเที่ยวปรับเปลี่ยนเส้นทางท่องเที่ยว

ตัวเลข “ลดลง” เริ่มปรากฏชัดเจนในเดือนสิงหาคม ที่พบว่านักท่องเที่ยวจีนลดลง 11.77% และคาดว่าจะยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในเดือนกันยายนที่ผ่านมาด้วย

 

ขณะที่สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ได้นำทีมเอกชนท่องเที่ยวของไทยรวม 50 ราย ทั้งธุรกิจโรงแรม บริษัทนำเที่ยว บริการด้านการท่องเที่ยว สถานที่ช้อปปิ้ง สถานที่ท่องเที่ยว ฯลฯ บุกไปโรดโชว์ถึง 4 เมืองใหญ่ของจีน ได้แก่ เทียนจีน, ชิงเต่า, เหอเฟย์ และหนานจิง เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นพร้อมเสนอสินค้าใหม่ๆ ด้านการท่องเที่ยวของไทย รวมถึงอัพเดตสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวของไทยให้กับบริษัทนำเที่ยวในประเทศจีน

ด้วยความหวังว่าจะเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมาท่องเที่ยวไทยเหมือนเดิมในช่วง “โกลเด้นวีก” ปีนี้

อย่างน้อยที่สุด ทั้ง 4 เมืองนี้เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ มีประชากรรวมกันราว 250-260 ล้านคน และประชากรมีกำลังซื้อ มีรายได้ต่อหัวที่ค่อนข้างสูง รวมทั้งมีเส้นทางบินตรงมาไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็น่าจะกระตุ้นให้เกิดการเดินทางได้ง่าย

ระหว่างการเดินสายเรียกคืนความเชื่อมั่นดังกล่าว แต่อีกด้านกลับเจอกับ “ปัจจัยลบ” ใหม่ เมื่อสื่อชั้นนำของจีนตีข่าวเรื่อง “ไข้เลือดออก” ที่ระบาดในไทยกันอย่างครึกโครม และทำให้นักท่องเที่ยวจีนตื่นวิตกและชะลอการเดินทางมาเที่ยวไทยออกไปอีก เพราะกังวลว่าบริษัทประกันอาจไม่คุ้มครอง

เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบช่วง “โกลเด้นวีก” ที่คาดว่าจะมีชาวจีนมาเที่ยวไทยมากขึ้น

 

ล่าสุดเมื่อ 28 กันยายนที่ผ่านมา เกิดเหตุ “ฉาว” ซ้ำเติมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยอีกรอบ เมื่อสื่อออนไลน์ของจีนเผยแพร่และแชร์คลิปชาวจีนถูกเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานของไทยตบและทำร้ายร่างกายคาสนามบินดอนเมืองขณะทำวีซ่าหน้าด่าน โดยระบุสาเหตุว่าเพราะไม่ได้ทริปจากนักท่องเที่ยว เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา

แน่นอนว่าภาพที่ปรากฏบนโลกออนไลน์ของจีนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวไทย และยิ่งตอกย้ำความไม่พอใจให้กับชาวจีนมากยิ่งขึ้นไปอีก

“อิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก” ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) คาดการณ์ว่าในช่วงไตรมาส 4/2561 ประเทศไทยจะมีนักท่องเที่ยวจีน 1.85 ล้านคน ลดลงประมาณ 25.64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมทั้งคาดว่าตลอดทั้งปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนรวมทั้งสิ้นราว 9.9 ล้านคน ลดลงจากเป้าเดิมที่คาดการณ์กันตั้งแต่ต้นปีว่าจะไม่ต่ำกว่า 11 ล้านคน

พร้อมระบุว่า เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนในช่วงเวลา 3 เดือนที่ผ่านมานั้นได้ส่งผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวจีนอย่างชัดเจน

เช่นเดียวกับ “ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ” นายกสมาคมโรงแรมไทย ที่ให้ข้อมูลว่าในช่วงกว่า 3 เดือนที่ผ่านมาตัวเลขอัตราการเข้าพัก (occupancy) ปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน และเชื่อว่าอัตราการเข้าพักในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะมีอัตราต่ำกว่าในช่วงเดียวกันของทุกๆ ปีแน่นอน

ตัวแปรสำคัญที่ทำให้อัตราการเข้าพักลดลงคือ ตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปจำนวนมากนั่นเอง

 

ขณะที่ Crip เว็บไซต์ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวของจีนระบุว่า ทุกปีในช่วงวันหยุด “โกลเด้นวีก” จะมีคนจีนราว 6-7 ล้านคนเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยไทยจะติดอันดับ 3 ของเป้าหมายการเดินทาง รองจากฮ่องกงและมาเก๊า ซึ่งเป็นเขตปกครองของจีน แต่ปีนี้กลับพบว่าคนจีนหันไปจองตั๋วเดินทางไปญี่ปุ่นมากกว่าไทย

สัญญาณนี้คงพอจะบอกได้ว่า “ตลาดจีน” ของท่องเที่ยวไทย จะ (ยัง) ชะลอตัวไปอีกนาน…แน่นอน