เจาะสเป๊ก ‘ฟอร์ด มัสแตง’ แรงเหมือนเดิม-เพิ่มไฮเทค

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ /สันติ จิรพรพนิต [email protected]

 

เจาะสเป๊ก ‘ฟอร์ด มัสแตง’

แรงเหมือนเดิม-เพิ่มไฮเทค

 

เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วยอดรถสปอร์ต 2 ประตู “ฟอร์ด มัสแตง” ในเมืองไทย

ก่อนหน้านี้ฟอร์ดโหมโรงมานานเหลือเกินพร้อมส่งคันจริงมาอวดโฉมให้คนไทยน้ำลายหกมาแล้ว

“ฟอร์ด มัสแตง” ถือว่าเป็นหนึ่งในรถยอดนิยมของชาวอเมริกัน โดยเฉพาะวัยรุ่น เพราะออกแบบได้โดนใจมาตั้งแต่รุ่นแรกเมื่อปี พ.ศ.2507 หรือกว่า 50 ปีมาแล้ว

ในหลายๆ เจเนอเรชั่นที่ผ่านมา ยังคงเอกลักษณ์หลายๆ อย่างเอาไว้จนถึงทุกวันนี้

ภายนอกเน้นความปราดเปรียวและโฉบเฉี่ยว แต่ยังคงเอกลักษณ์กว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา กระจังหน้ากดต่ำลง บวกกับฝากระโปรงหน้าปรับให้แบนราบลงพร้อมช่องระบายอากาศในตัว ดูดุดันมากขึ้น และได้หลักอากาศพลศาสตร์ด้วย

การลดความสูงของช่วงหน้า และเพิ่มขนาดสปลิตเตอร์หรือลิ้นหน้าให้ใหญ่ขึ้น เพื่อเพิ่มแรงกดในช่วงหน้าของตัวรถยึดเกาะถนนได้อย่างมั่นคงยิ่งขึ้น แผงกันชนด้านหลังล้อหน้ายังช่วยให้อากาศไหลผ่านใต้ตัวรถได้ดียิ่งขึ้น

ไม่พลาดกับสัญลักษณ์ “ม้าวิ่ง” สีเงินบนกระจังหน้า

ไฟหน้ามีขนาดเล็กแต่สว่างสะใจด้วยโคมโปรเจ็กเตอร์ LED พร้อมไฟเดย์ไทม์แบบ 3 ขีด รูปทรงออกแบบใหม่เพื่อสอดรับกับทรงสี่เหลี่ยมคางหมูของกระจังหน้าชิ้นบน

เส้นสายตัวถังเน้นคมสัน ไฟท้าย 3 แถวอันเป็นเอกลักษณ์ ที่เห็นแต่ไกลก็รู้ว่านี่คือฟอร์ด มัสแตง

กันชนหลังและดิฟฟิวเซอร์แบบใหม่ บวกกับสปอยเลอร์ช่วยเพิ่มความโฉบเฉี่ยวให้กับด้านท้าย ท่อไอเสีย 4 ท่อเพิ่มความดุดัน

อีกจุดเด่นของท่อไอเสียชุดนี้คือเทคโนโลยีปรับระดับความดังท่อไอเสีย “Active Valve Performance Exhaust” ให้ผู้ขับขี่สามารถปรับความดังเสียงของท่อไอเสียได้ตามความต้องการเป็นครั้งแรก

นอกจากนี้ ยังมี “Quiet Mode” ตั้งค่าให้ท่อไอเสียเงียบได้ในแต่ละช่วงเวลา เพื่อลดการรบกวนเพื่อนบ้านหรือผู้คนในชุมชน

ล้ออัลลอยสีดำขนาด 19 นิ้ว เต็มซุ้มพอดี ระบบเบรก Brembo

มาพร้อมชุดแต่ง Performance Pack ที่ให้เฟืองท้ายแบบ Limited-Slip ให้การขับขี่ในโค้งสนุกขึ้น

 

ห้องโดยสารเน้นโทนดำออกแบบให้มีความหรูหราสะดวกสบายกว่าเดิม ด้วยวัสดุตกแต่งผิวสัมผัสนุ่มตลอดแนวประตู พร้อมมือจับประตูอะลูมิเนียม

เมื่อปลดล็อกประตู ปุ่มสตาร์ตรถจะกะพริบไฟสีแดงทันทีจนกว่าจะสตาร์ตรถ โดยจะกะพริบด้วยความเร็ว 30 ครั้งต่อนาที เท่ากับอัตราการเต้นของหัวใจของม้าป่ามัสแตงขณะพัก

เป็นกิมมิกเล็กๆ แต่มีความหมายดีทีเดียว

พวงมาลัยระบบมัลติฟังก์ชั่นแบบ 3 ก้าน ตรงกลางเป็นแป้นทรงกลม หลังพวงมาลัยมีแป้นเปลี่ยนเกียร์แพดเดิลชิฟต์

แผงหน้าปัดแสดงผลดิจิตอล LCD ขนาด 12 นิ้ว จะแสดงข้อมูลที่เหมาะสมกับโหมดขับขี่แต่ละโหมด คล้ายกับที่มีในรถซูเปอร์คาร์ อย่างรถฟอร์ด จีที

การแสดงผลจะเปลี่ยนตามโหมดขับขี่โดยอัตโนมัติ

นอกจากนี้เมื่อใช้งานฟีเจอร์ Electronic Line Lock ผู้ขับขี่ยังจะเห็นแอนิเมชั่นแบบวิดีโอเกมเป็นครั้งแรกบนหน้าจอ 12 นิ้วด้วย

หน้าจอทัชสกรีนกลางขนาด 8 นิ้ว เชื่อมต่อระบบสื่อสารและความบันเทิงภายใน “SYNC 3” ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมสมาร์ตโฟน ระบบเสียง ระบบนำทางและระบบปรับอากาศด้วยการสั่งงานด้วยเสียง และการสั่งงานด้วยการสัมผัสบน รองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto

ด้านบนเป็นช่องแอร์ทรงกลม 3 วง ด้านข้างทรงเหลี่ยม ต่ำลงมาเป็นระบบควบคุมต่างๆ

แป้นเกียร์ดูย้อนยุคนิดๆ

ขุมพลังมีให้เลือก 2 บล๊อก เครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 460 แรงม้า แรงบิด 556 นิวตัน-เมตร รอบเครื่อง red line สูงกว่ารุ่นเดิมด้วยระบบหัวฉีดสองระบบ (Dual-Fuel) ที่ผสานระบบไดเร็กอินเจ็กชั่นแรงดันสูง (High-Pressure Direct Injection) และระบบฉีดเชื้อเพลิงที่ท่อแบบแรงดันต่ำ (Low-Pressure Port Fuel Injection) เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 4.3 วินาที

และอีกบล๊อกเป็นเครื่องยนต์อีโค่บูสต์ขนาด 2.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 300 แรงม้า และแรงบิด 440 นิวตัน-เมตร มีฟังก์ชั่น Overboost ช่วยเพิ่มแรงดันอากาศจากเทอร์โบ ให้ผู้ขับขี่ได้สนุกมากขึ้น

แต่ด้วยเป็นเครื่องบล๊อกเล็กทำให้ประหยัดน้ำมันได้ 10.8 กิโลเมตร/ลิตร

ทั้ง 2 เครื่องยนต์ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ปรับแต่งเครื่องตามโหมดการขับขี่ต่างๆ

ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบเรียลไทม์ ช่วยให้สามารถปรับเกียร์ตามสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว

เพิ่ม 2 โหมดการขับขี่ใหม่โหมดแข่งทางตรง (Drag Strip) เพื่อประสิทธิภาพอัตราเร่งสูงสุด และการแข่งขันแบบควอเตอร์ไมล์ในสนามแข่ง และ My Modež เลือกตั้งค่าสมรรถนะการขับขี่และเสียงท่อไอเสียได้ตามต้องการ

ส่วนโหมดเดิมยังมีอยู่ทั้งโหมดปกติ (Normal) โหมดสปอร์ต (Sport) โหมดแทร็ก (Track) และโหมดหิมะ/พื้นเปียก (Snow/Wet)

ระบบช่วงล่างออกแบบให้แข็งแกร่งขึ้นด้วยข้อต่อแบบ Cross-Axis ช่วยลดการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นในการเข้าโค้งลดการบิดของตัวถังได้ เหล็กกันโคลงที่หนาขึ้นยังช่วยลดอาการโคลง บวกกับโช้กอัพที่ปรับแต่งใหม่ช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างมั่นคงมากขึ้น

 

ตามสไตล์รถอเมริกัน เรื่องความปลอดภัยหายห่วงทั้งระบบเตือนการชน (Pre-Collision Assist) ผสานระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) เพื่อลดความรุนแรง และในบางกรณียังสามารถลดอัตราการชนจากด้านหน้ารถได้

ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) และระบบแจ้งเตือนระยะห่าง (Distance Alert) เป็นครั้งแรก ช่วยรักษาระยะห่างที่เหมาะสมจากรถคันหน้า

นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ให้ง่ายและปลอดภัยขึ้น อาทิ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง และแจ้งเตือนเมื่อออกนอกช่องทาง ซึ่งทำการเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเส้นทางโดยไม่ตั้งใจ และช่วยหักพวงมาลัยเล็กน้อยเพื่อนำรถกลับเข้าสู่ช่องทาง (Lane Keeping System)

ภายนอกมีให้เลือก 4 สี คือ สีส้ม ออเรนจ์ ฟิวรี่ เมทัลลิก ไตร-โค้ต (Orange Fury Metallic Tri-Coat)

สีดำชาโดว์ แบล๊ก เมทัลลิก (Shadow Black Metallic)

สีแดง เรซ เรด (Race Red)

และสีเทา แม็กเนติก เมทัลลิก (Magnetic Metallic)

สนนราคา ฟอร์ด มัสแตง 5.0L V8 GT Coupe Performance Pack ราคา 4,799,000 บาท

และฟอร์ด มัสแตง 2.3L EcoBoost Coupe Performance Pack ราคา 3,599,000 บาท