บทวิเคราะห์/’บิ๊กแดง-บิ๊กเจี๊ยบ’ ทหารพระราชา ละลาย ‘วงศ์เทวัญ-บูรพาพยัคฆ์’ ถอดรหัส ‘บิ๊กจิ๋ว-บิ๊กจ๊อด’ จับตาบ้าน ‘บิ๊กตู่’ กับ ‘แม่ทัพเรือ’ ห้าวเป้ง

รายงานพิเศษ

 

‘บิ๊กแดง-บิ๊กเจี๊ยบ’ ทหารพระราชา

ละลาย ‘วงศ์เทวัญ-บูรพาพยัคฆ์’

ถอดรหัส ‘บิ๊กจิ๋ว-บิ๊กจ๊อด’

จับตาบ้าน ‘บิ๊กตู่’

กับ ‘แม่ทัพเรือ’ ห้าวเป้ง

 

สถานการณ์บ้านเมืองในช่วงที่เรียกว่า เปลี่ยนผ่าน และสถานการณ์ทางการเมืองที่เรียกว่า ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เช่นนี้ ทำให้กองทัพภายใต้การนำของ ผบ.เหล่าทัพใหม่ทั้ง 5 คน ถูกจับตามองอย่างยิ่งว่า เมื่อถึง “สถานการณ์พิเศษ” จะเลือกเดินทางไหน

บิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนใหม่ และบิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. บิ๊กต่าย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผบ.ทอ. เป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 18 ด้วยกัน

บิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม และบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. เป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 20 ด้วยกัน

 

แต่โฟกัสใหญ่ถูกฉายส่องไปที่ พล.อ.อภิรัชต์ ในฐานะ ผบ.ทบ.ที่คุมเหล่าทัพใหญ่ที่สุด และยังเป็นเลขาธิการ คสช. และ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (ผบ.กกล.รส.) ของ คสช. คุมกำลัง รส.ทั้ง 3 เหล่าทัพ และตำรวจ

ไม่นับรวมคอนเน็กชั่นที่ได้รับการสืบต่อมาจากยุคบิ๊กจ๊อด พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด และประธาน รสช. คณะปฏิวัติ

รวมทั้งสายสัมพันธ์ในทางทหาร ตำรวจ และในทางการเมือง และกลุ่มการเมืองต่างๆ ที่ พล.อ.อภิรัชต์ได้บ่มเพาะสร้างขึ้นมาเองจาก “ต้นทุนทางสังคม” ที่มีอยู่

ประกอบกับบุคลิกลักษณะของการเป็นนายทหารพันธุ์ห้าว ใจร้อน จุดเดือดต่ำ และตรงไปตรงมา ที่สังคมไทยได้เห็นมาตั้งแต่เขายังเป็นพันเอก เป็น ผบ.ร.11 รอ.

จนทำให้ถูกจับตามองว่า เมื่อขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.แล้ว หากเกิดสถานการณ์คับขันขึ้นในทางการเมือง พล.อ.อภิรัชต์จะเป็น ผบ.ทบ.อีกคนที่กล้าจะก่อการปฏิวัติรัฐประหารขึ้น เพราะ พล.อ.สุนทรผู้บิดา ก็เคยเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติมาแล้ว

จนทำให้บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ยังเคยกล่าวถึง พล.อ.อภิรัชต์เมื่อครั้งที่มีคำสั่งโปรดเกล้าฯ ให้เป็น ผบ.ทบ. ตั้งแต่ 1 กันยายน 2561 ที่ผ่านมาว่า “สื่อเสนอข่าวกันมากมายใหญ่โต ยังกับ พล.อ.อภิรัชต์จะเป็นนายกฯ”

ด้วยเพราะ พล.อ.อภิรัชต์เป็นนายทหารคนดังและมีบทบาทสำคัญในทางการเมืองมาตลอด จนทำให้ถูกจับตามองว่า ในอนาคต เขาก็อาจจะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ ไม่ว่าจะด้วยสถานการณ์ใด หรือมาแบบไหนอย่างไร

แต่ พล.อ.อภิรัชต์ในวันนี้  ในสถานภาพ ผบ.ทบ. และนายทหารพิเศษประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) เปลี่ยนไป มีความสุขุม ลุ่มลึก รอบคอบมากขึ้น

แม้แต่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย อดีตแกนนำนายทหารยังเติร์ก จปร.7 ที่มีบทบาททางการเมืองสูงมากในอดีต ก็ยังแสดงความเชื่อมั่นในความเป็นทหารอาชีพของ พล.อ.อภิรัชต์ หรือ “แดง ลูกนายจ๊อด” ที่เขาอุ้มมากับมือตั้งแต่เด็กๆ ว่าจะไม่ทำอะไรที่สร้างปัญหาให้กับพรรคเพื่อไทย

 

ที่น่าจับตามองคือ การออกมาอีกครั้งของบิ๊กจิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในการเสนอทางออกในการแก้ปัญหาประเทศ ตอกย้ำเรื่องตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล และการคืนพระราชอำนาจอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ถูกให้น้ำหนักมากขึ้น

อีกทั้งเป็นการออกมาพร้อมกับตู่-จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ที่เพิ่งพ้นจากเรือนจำได้ไม่นานด้วย

ท่ามกลางกระแสสะพัดหลากหลาย ที่มาพร้อมทรงผมสั้นเกรียนกว่าเดิมของ พล.อ.ชวลิต

มีการตั้งข้อสังเกตกันว่า พล.อ.ชวลิต คือเพื่อนรัก จปร.1 ของ พล.อ.สุนทร บิดาของ พล.อ.อภิรัชต์ และรู้จักสนิทสนม เห็น พล.อ.อภิรัชต์มาตั้งแต่เด็กๆ

จนทำให้เกิดข่าวสะพัดว่า พล.อ.อภิรัชต์ได้พบปะพูดคุย พล.อ.ชวลิตก่อนหน้านั้น แต่สายข่าวใกล้ชิดยืนกรานว่า บิ๊กแดงไม่เคยเจอบิ๊กจิ๋วมากว่า 10 ปีแล้ว

“แม้บิ๊กจิ๋วจะเป็นเพื่อนรักบิ๊กจ๊อด แต่ลูกหลานบิ๊กจ๊อดก็รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างบิ๊กจิ๋วและบิ๊กจ๊อด จนทำให้ลูกหลานของบิ๊กจ๊อดไม่ได้ไปสนิทสนมคบหากับบิ๊กจิ๋วเลยในระยะหลังๆ ก่อนที่บิ๊กจ๊อดจะเสียชีวิต” ขุมข่าวระบุ

ดังนั้น แนวคิดรัฐบาลแห่งชาติ หรือรัฐบาลเฉพาะกาล จึงไม่เกี่ยวโยงใดๆ กับ พล.อ.อภิรัชต์

 

แต่อาจนำไปสู่การมีนายกฯ คนกลาง หรือนายกฯ ปรองดอง ที่แน่นอนว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็มีชื่อเป็นแคนดิเดตคนหนึ่ง และอาจมีบิ๊กทหาร หรือพลเรือนคนอื่นอยู่ในลิสต์ด้วย

ด้วย พล.อ.ประยุทธ์เองก็คงไม่อยากที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลผสมที่มาจากพรรคการเมืองเท่าใดนัก เพราะไม่มั่นใจว่าจะเอาอยู่หรือไม่ หรือว่าจะเจอกับพิษสงใดของนักการเมือง ยิ่งในยามนั้นไม่มี “มาตรา 44” เป็นอาวุธประจำกายอีกแล้ว

ว่ากันว่า พล.อ.ประยุทธ์พึงใจกับการเป็นนายกฯ ของรัฐบาลแห่งชาติ หรือรัฐบาลพิเศษ มากกว่า

แต่กระนั้น พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ได้ขานรับแนวคิดของ พล.อ.ชวลิต เพราะไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือมีกฎหมายใดรองรับ แม้จะมีการถวายฎีกา เพื่อให้รัฐบาล คสช. พ้นจากหน้าที่ก่อนการเลือกตั้งก็ตาม

แต่ในยามนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังคงเตรียมตัวที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย หลังการเลือกตั้งไว้ก่อน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือเป็นรัฐบาลในลักษณะไหนก็ตาม

อีกทั้งมีการตั้งข้อสังเกตถึงการที่ พล.อ.ประยุทธ์ไปขี่จักรยานที่บ้านพิษณุโลก เมื่อ 5 กันยายน 2561 ที่ผ่านมาว่า ไม่น่าจะแค่ไปออกกำลังกายบ่ายวันพุธ แบบธรรมดาๆ หรือไปตรวจบ้านพิษณุโลกเท่านั้น

แต่ พล.อ.ประยุทธ์อาจไปดูเพื่อตัดสินใจว่าจะใช้งานอะไร หรือจะย้ายเข้ามาพำนักในบ้านพิษณุโลกหลังนี้หรือไม่ หากต้องกลับมาเป็นนายกฯ ในสมัยหน้า

ทั้งนี้เพราะมี “พลตรีหญิง” แม่บ้านตึกไทยคู่ฟ้าของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นคนดูแล พล.อ.ประยุทธ์มายาวนาน ไปดูบ้านพิษณุโลกด้วยตนเอง เพราะหากไปออกกำลังกายตามปกติ แม่บ้านตึกไทยฯ คงไม่ต้องไปด้วย

 

แม้จะเต็มไปด้วยตำนานเรื่องลี้ลับของบ้านพิษณุโลก จนไม่มีนายกฯ คนไหนกล้าเข้ามาอยู่ หรือแม้แต่ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จะเข้ามาอยู่ แต่ก็อยู่ได้แค่ 2 วันเท่านั้น หรือแม้แต่นายชวน หลีกภัย เองก็ทำให้เกิดเรื่องเล่าขานที่น่าขนลุกก็ตาม

แต่สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว ไม่น่าจะห่วงเรื่องอาถรรพ์ลี้ลับ เพราะมีพระดี ของดีเยอะ อีกทั้งเคยทำลายอาถรรพ์ตำนานบ้านเกษะโกมลของ ทบ.มาแล้ว ด้วยการสั่งทุบบ้านเกษะโกมล โค่นต้นไทรหลังบ้าน และย้ายศาล 2 ศาล ที่เชื่อกันว่าสุดอาถรรพ์ จนไม่มีใครอยากมาอยู่บ้านเกษะโกมล

แล้วสร้างเป็นอาคารรับรองหินอ่อน แต่งหรู เพื่อทำเป็นที่ต้อนรับวีไอพีทหารต่างประเทศ ที่มาเยือนไทย และจัดงานเลี้ยง แต่เอาเข้าจริงๆ บ้านนี้ก็ไม่มีแขกต่างประเทศมานอน เพราะชอบนอนโรงแรมหรูกันมากกว่า

แต่ก็ถือว่า การทุบทำลายบ้านเกษะโกมล ในยุคที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็น ผบ.ทบ. และสร้างใหม่ ก็ผ่านไปด้วยดี

จนเชื่อกันว่า ความอาถรรพ์ของบ้านพิษณุโลก ไม่ใช่ปัญหาของ พล.อ.ประยุทธ์

แต่อยู่ที่การตัดสินใจในท้ายที่สุด โดยรอดูสถานการณ์ ไปจนถึงที่สุด ก่อนที่จะย้ายออกจากบ้าน ร.1 รอ. บ้านที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกแบบเอง และสร้างในยุคที่เป็น ผบ.ทบ.

พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์

 

แต่เพราะการปรับหน่วยใหม่ของ ร.1 รอ. ทำให้พื้นที่ส่วนบ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ์และบิ๊กๆ ในรัฐบาลและกองทัพอาจได้รับผลกระทบด้วย จึงต้องเตรียมหาบ้านหลังใหม่กันไว้ก่อน

เพราะสำหรับบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ ก็มีบ้านส่วนตัวหลังใหญ่ย่านมีนบุรีแล้ว ส่วนบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พี่รอง ก็มีบ้านส่วนตัวย่านพุทธมณฑลแล้วเช่นกัน

แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีบ้านส่วนตัว นอกจากบ้านของ อ.น้อง นราพร จันทร์โอชา ภริยา ย่านประดิพัทธ์ ซึ่งหลังไม่ใหญ่มาก และไม่สะดวกในการรักษาความปลอดภัย

จึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์เล็งๆ บ้านพิษณุโลกไว้เป็นทางเลือกหนึ่ง ส่วนอีกทางเลือกหนึ่งก็เล็งบ้านหลังใหญ่ย่านรามอินทราไว้ ว่ากันว่า เป็นบ้านที่นักธุรกิจใหญ่สร้างเอาไว้ แต่ไม่มีใครอยู่ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็กลัวข้อครหา จึงยังไม่ได้ตัดสินใจ

ที่สำคัญที่สุดคือ รอดูสัญญาณต่างๆ ว่าหนทางเดินบนถนนสายการเมืองของตนเองจะมีกองหนุนมากน้อยแค่ไหน และจะให้ก้าวเดินไปนานแค่ไหน

เพราะกระแสข่าวในหมู่นักการเมือง ที่ว่า หากเป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้ง ในรัฐบาลผสมพรรคการเมือง ตามรัฐธรรมนูญปกติ พล.อ.ประยุทธ์อาจอยู่ได้แค่ 2 ปี ก็จะเจอพิษสงนักการเมือง จนอาจจะถึงขั้นลาออก หรือเปลี่ยนตัวนายกฯ เลยทีเดียว

แต่หากเป็นรัฐบาลแห่งชาติ หรือรัฐบาลเฉพาะกาล ตามที่ พล.อ.ชวลิตเสนอ แล้วนักการเมืองที่มาร่วมรัฐบาลอาจจะออกฤทธิ์ใดๆ ไม่ได้

 

ที่น่าจับตามองคือ การที่บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท อดีต ผบ.ทบ. ที่เพิ่งเกษียณราชการไป ทำหนังสือลาออกจาก สนช. และบอร์ดต่างๆ ทั้ง ททบ.5 และ อ.ต.ก. ตั้งแต่ 28 กันยายน 2561 และมีผล 1 ตุลาคม 2561 พร้อมบิ๊กจอม พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง อดีต ผบ.ทอ. เพื่อนรัก ตท.16 ที่ลาออกจาก สนช. และบอร์ดทั้งหมดเช่นกัน และได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี เมื่อ 2 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา

แต่ที่ไม่อาจมองข้ามคือ ตำแหน่งองคมนตรี จะเป็นตำแหน่งสุดท้ายในชีวิตของ พล.อ.เฉลิมชัย หรือไม่ หรือจะมีตำแหน่งสำคัญใดรออยู่ในอนาคต หรือไม่

ในกรณีข้อเสนอของ พล.อ.ชวลิตเป็นจริงขึ้นมา ไม่ว่าจะรัฐบาลแห่งชาติ รัฐบาลเฉพาะกาล และนายกฯ ปรองดอง

หรือหากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง แต่เสียสละในการไม่เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ให้พรรคร่วมรัฐบาลเป็นนายกฯ หรือการขอให้มี “นายกฯ พิเศษ”

แต่กล่าวได้ว่า พล.อ.เฉลิมชัยได้ทำหน้าที่ทหารของพระราชา สอดประสานกับ พล.อ.อภิรัชต์ที่รับไม้ต่อการเป็น ผบ.ทบ.

อีกทั้งกองทัพในยุคนี้ เป็นยุคของทหารพระราชา โดยเฉพาะกองทัพบกที่เป็นเหล่าทัพหลัก ที่มี พล.อ.อภิรัชต์เป็น ผบ.ทบ. และมีบิ๊กบี้ พล.ท.ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้ เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ที่ประกาศจะพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันไว้ด้วยชีวิตเช่นกัน

แม้ว่าทั้ง พล.อ.อภิรัชต์ และ พล.ท.ณรงค์พันธุ์ จะมาจากสายวงศ์เทวัญ แต่ในยุคนี้ จะไม่มีการแบ่งสาย แต่ล้วนเป็นทหารของ ทบ.ทั้งหมด ทหาร พล.1 รอ. ก็สามารถไปเติบโตที่ พล.ร.2 รอ. ได้ เช่นที่ในอดีต ทหารบูรพาพยัคฆ์ พล.ร.2 รอ. มาโตใน พล.1 รอ.ได้

โดยให้จับตามองจากโผโยกย้ายผู้การกรม หรือพันเอกพิเศษ ที่ พล.อ.อภิรัชต์กำลังจะลงนามนี้ ก็จะมีนายทหารวงศ์เทวัญไปจ่อคุม พล.ร.2 รอ. เพื่อที่ละลายทั้งวงศ์เทวัญและบูรพาพยัคฆ์เข้าด้วยกัน เพราะทุกคนเป็น “ทหารของพระราชา” เหมือนกัน

พล.ท.ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้

 

สถานการณ์การเมืองที่คุกรุ่น เพราะยังไม่มีใครหยั่งรู้ว่า เสียงของประชาชนจากการเลือกตั้งจะออกมาแบบไหน เพราะจะต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์

สถานการณ์เข้มๆ แบบนี้ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ก็ดูเข้มไม่เบา โดยเฉพาะบิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร.คนใหม่ ที่เป็นนายทหารเรือ สไตล์ห้าวเป้ง ดุดัน แบบทหารบก อาจเป็นเพราะมีพี่ชายเป็นทหารบก อย่างบิ๊กโชย พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ที่ก็เป็นนายทหารที่จริงจัง เด็ดขาด

แถมสั่งให้ ผบ.หน่วยระดับผู้พัน ไปจนถึงผู้การกรม และผู้การเรือ ต้องฟิตร่างกายตลอดทั้งปี เพื่อพร้อมเข้าแข่งขันไตรกีฬา ที่ทั้งวิ่ง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน “จากทะเลสู่ภูผา จากฟากฟ้าสู่มหานที เดอะ ซีรี่ส์” ที่ ทร.จะจัด 5 ครั้ง ทั่วทุกทัพเรือภาค ไม่ใช่แค่การทดสอบร่างกาย 6 เดือนครั้ง เช่นของ ทบ. ที่ก็ทำให้ ผบ.หน่วยทหารเรือ ซี้ดปากกันเลยทีเดียว

โดยเฉพาะการใช้ม็อตโต้ที่ว่า Stop the Past, Start the New. “หยุดสิ่งร้ายในอดีต เริ่มสิ่งที่ดีงามเพื่อความวัฒนาถาวร” พร้อมเตือนทหารเรือไม่ให้ทุจริต หรือปฏิบัติอันโง่เขลา และสามัคคี ไม่มีการแบ่งแยก ไม่มีซ้าย ไม่มีขวา ไม่มีหน้า ไม่มีหลัง เพราะถือว่าทุกคนเป็นลูกประดู่ ลูกเสด็จเตี่ยด้วยกันหมด

รวมถึงการออกตัวไว้เลยว่า อาจจะเป็น ผบ.ทร.ปีเดียว หรือ 2 ปีก็ได้ แล้วแต่ผู้บังคับบัญชา แม้ว่าจะเกษียณกันยายน 2563 ก็ตาม “แต่ผมเป็นทหารแท้ จะให้ไปไหนก็ได้”

พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน

 

อันสะท้อนว่า พล.ร.อ.ลือชัยก็ไม่มั่นใจว่าจะได้เป็น ผบ.ทร.ไปครบวาระ 2 ปีหรือไม่

จนทำให้มีการมองกันไปที่แคนดิเดต  ผบ.ทร.คนต่อไป ว่าใครจะมีศักยภาพถึงขั้นขึ้นมาแทน พล.ร.อ.ลือชัย เลย เพราะต้องเกิดคำถามว่า แล้วจะเอา พล.ร.อ.ลือชัยไปไว้ไหน เพราะ พล.อ.พรพิพัฒน์ ผบ.ทหารสูงสุด ก็เกษียณกันยายน 2563 ส่วน พล.อ.ณัฐ ปลัดกลาโหม ก็เกษียณกันยายน 2564 จึงไม่มีความเป็นไปได้ที่ พล.ร.อ.ลือชัยจะโดนเด้ง

หรือการโยกสลับให้บิ๊กตุ๋ย พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ แคนดิเดต ผบ.ทร. ที่อกหักต้องข้ามไปเป็นรองปลัดกลาโหม ก็คงไม่มีโอกาส เพราะ พล.ร.อ.พิเชฐ เกษียณราชการกันยายน 2562 นี้แล้ว

แต่ใน ทร. จับตามองการวางตัว ผบ.ทร.ในอนาคตของ พล.ร.อ.ลือชัยกันแล้ว ในโยกย้ายครั้งต่อไปที่ พล.ร.อ.ลือชัยจะจัดเอง

โดยเฉพาะบิ๊กช่อ พล.ร.อ.ช่อฉัตร กระเทศ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทร. ที่พลาดเก้าอี้ ผช.ผบ.ทร. ที่ก็อาจจะได้สมหวังในโยกย้ายตุลาคมปีหน้า และนั่นหมายถึง การได้ชิงเก้าอี้ ผบ.ทร. กับบิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน เสธ.ทร. รุ่นน้อง ตท.20 เลยทีเดียว

หรือ พล.ร.อ.ลือชัยอาจเล็งนายทหารเรือคนใดไว้เป็นทายาททัพเรือไว้แล้ว เช่น บิ๊กโต้ง พล.ร.ท.ไกรศรี เกษร รอง เสธ.ทร.คนใหม่ ของ ตท.20 และบิ๊กแก๋ง พล.ร.ท.สิทธพร มาศเกษม ผบ.ทัพเรือภาคที่ 3

หรือจะข้ามไปเตรียมทหารรุ่น 21 เลย เช่น บิ๊กบาบู พล.ร.ต.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ ที่ พล.ร.อ.ลือชัยให้เป็น ผอ.สำนักจัดหายุทโธปกรณ์ ทร. รวมทั้งบิ๊กโต้ง พล.ร.ต.ธีรกุล กาญจนะ รองเจ้ากรมกิจการพลเรือน ทร. ซึ่งผ่านงานหน่วยรบในเรือและบนบก

แม่ทัพเรือห้าวเป้งคนนี้ จึงถูกจับตามองอีกคนในสถานการณ์การเมืองร้อนเช่นนี้ นอกเหนือจาก พล.อ.อภิรัชต์ ผบ.ทบ. ที่ถูกมองว่าเป็นคนพิเศษ ที่มาแบบพิเศษๆ ในสถานการณ์พิเศษ เช่นนี้อีกคนหนึ่ง