ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5 - 11 ตุลาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ยานยนต์ |
ผู้เขียน | สันติ จิรพรพนิต |
เผยแพร่ |
ยานยนต์ สุดสัปดาห์ / สันติ จิรพรพนิต [email protected]
Benz ‘E300 Cabriolet’
เปิดประทุน-ขับง่ายและสนุก
สารภาพตามตรง ผมจำไม่ได้จริงๆ ว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเขียนเรื่องราวของค่ายดาวสามแฉก “เมอร์เซเดส-เบนซ์” มากี่คราวแล้ว
เพราะปี 2018 เป็นอีกปีที่ค่ายนี้เปิดรถใหม่แบบยิงสลุตต่อเนื่อง
และมีหลายรุ่นต้องบอกว่าโดนใจจริงๆ
หนึ่งในนั้นผมยกให้ “Mercedes-Benz E300 Cabriolet AMG Dynamic” สปอร์ตคูเป้ เปิดประทุน ที่หรูหรา และท่าระเบิดระเบ้อ
ยิ่งตอนเปิดประทุนช่วงที่ผมถ่ายภาพรถ คนที่ผ่านไปมามองเหลียวหลัง บ้างก็หันไปพูดคุยกับเพื่อน
แต่ถึงไม่เปิดประทุน แต่ด้วยหลังคาผ้าที่เห็นเด่นชัด เวลาขับโฉบเฉี่ยวไปมาบนถนนจึงเป็นจุดเด่นอย่างมาก
“Mercedes-Benz E300 Cabriolet AMG Dynamic” เป็นสปอร์ตแบบ 4 ที่นั่ง ออกแบบดูเรียบหรู กระจังหน้าเป็นเอกลักษณ์ของตระกูล “AMG Dynamic” แบบ diamond radiator grille ฝากระโปรงหน้าค่อนข้างยาวมากๆ พร้อมเหลี่ยมสันเพื่อไม่ให้ดูโล้นเกินไป
ไฟหน้าดีไซน์สวยแบบ MULTIBEAM LED ควบคุมหลอดไฟแบบ LED 84 หลอด ให้ปรับระดับความสว่างเป็นอิสระจากกัน โดยมีระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวและคำนวณระดับความสว่างอัตโนมัติ
มีระบบ Active headlamps ปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย ระบบ Cornering Light เพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง และระบบ Adaptive Highbeam Assist Plus ปรับไฟสูงอัตโนมัติ
ไฟท้ายแบบ LED เช่นกัน
แม้กระโปรงหลังจะดูค่อนข้างสั้นแต่เปิดออกมาแล้วเก็บของได้ในระดับหนึ่ง มีระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้มือ (HANDS-FREE ACCESS)
ตกแต่งกันชนหน้า-หลัง และล้ออัลลอย AMG ขนาด 19 นิ้ว
หลังคาเปิดประทุนเป็นแบบ Soft Top ให้ความคลาสสิค เลือกได้ 4 สี แต่ที่เข้ากันมากที่สุดผมยกให้สีดำ
หลังคานี้สามารถที่จะกางออกและพับเก็บได้ภายในเวลาเพียง 20 วินาที ในขณะที่รถวิ่งไม่เกิน 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่เพื่อความปลอดภัย แนะนำให้จอดรถก่อนจะดีกว่า
การขับขี่ในยามเปิดประทุนมีระบบ “AIRCAP” ช่วงเบี่ยงเบนกระแสลมติดตั้งอยู่เหนือกรอบกระจกหน้า เมื่อเปิดใช้งานจะช่วยให้กระแสลมที่ปะทะด้านหน้าลอยขึ้นด้านบน ทำให้ลมเข้ามาในห้องโดยสาiน้อยลง รวมถึงเสียงลมก็เบาลงด้วย
มีกิมมิกเล็กๆ เวลาเข้าเกียร์ถอยหลัง สัญลักษณ์ดาวสามแฉกที่ท้ายรถจะเปิดออกโดยกล้องมองหลังจะยื่นออกมา ส่งภาพไปยังหน้าจอของผู้ขับขี่
ภายในสปอร์ตจ๋าสุดๆ ยกมาจาก New E-Class พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ตท้ายตัด หุ้มหนัง nappa ปุ่มควบคุมแบบสัมผัส (Touch control button)
คอนโซลด้านหน้าและด้านบนของแผงข้างประตู ตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมลาย crystal grain ส่วนคอนโซลกลางตกแต่งด้วยลายไม้ black open-pore black ash
จอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ widescreen cockpit 2 จอต่อเนื่องกัน
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบ Thermatic 2-Zone ช่องแอร์แบบวงกลมตรงกลางให้มาถึง 4 วง แต่ไม่เท่านั้น เจาะช่องแอร์สำหรับที่นั่งแถวหลังด้วย
พูดถึงที่นั่งด้านหลังอาจจะดูเล็กไปสักหน่อย แต่ถือว่าดีกว่ารุ่นเก่า เพราะขยายพื้นที่วางขามากขึ้นอีก 47 ม.ม. ถ้าไม่ได้นั่งนานมากๆ หรือตัวใหญ่เกินไปก็พอกล้อมแกล้ม
ส่วนเบาะคู่หน้าใช้หนังสีดำ แต่ก็มีแบบดำตัดกับแดงด้วย แล้วแต่ความชอบ
แน่นอนที่ขาดไม่ได้คือระบบป้อนเข็มขัดนิรภัย เพราะรถสปอร์ต 2 ประตูแบบนี้ บานประตูจะยาวกว่าปกติ การเอี้ยวตัวไปดึงเข็มขัดนิรภัยอาจจะทำยากสักหน่อย เมอร์เซเดส-เบนซ์จึงใส่ระบบนี้มาเพื่อความสะดวกมากขึ้น
ระบบความบันเทิงจัดหนักแบบไฮเอนด์ Burnnester surround sound system เชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตได้ รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือด้วย Apple CarPlay และ Android Auto สามารถคุยโทรศัพท์ผ่านลำโพงของรถได้เลย
ระบบไฟในห้องโดยสารสามารถเลือกปรับแต่งได้ถึง 64 สี
ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1,991 ซีซี กำลังสูงสุด 245 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 370 นิวตันเมตร ที่ 1,300-4,000 รอบต่อนาที
ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ 9G-TRONIC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4 MATIC ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเข้าโค้งหรือบนถนนที่เปียกลื่น
ความปลอดภัยจัดเต็มแน่นอนตามสไตล์รถยุโรป ประกอบด้วยระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (PRE-SAFE)
ระบบแจ้งอุปกรณ์ทำงานขัดข้อง ระบบเตือนแรงดันลมยาง
ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist)
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HSA)
ระบบช่วยเบรกแบบแอ๊กทีฟ (ABA)
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)
ถุงลมนิรภัยติดตั้งไว้รอบคัน พร้อมเสริมคานเหล็กเข้าไปอีก
ส่วนระบบช่วยการขับขี่มีครบถ้วนครับ รวมถึงระบบช่วยจอดทั้งถอยเข้าซองหรือจอดขนาน
รุ่นนี้มีปุ่มสตาร์ตมาให้ด้วย ติดเครื่องแล้วเสียงคำรามสะใจดีครับ
คันเกียร์เป็นแท่งยื่นออกมาบริเวณคอพวงมาลัย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของดาวสามแฉกในช่วงหลังๆ แต่เราสนุกกับเกียร์ได้ด้วยปุ่มควบคุมเกียร์บนพวงมาลัย (Shift Paddles)
ด้วยการย้ายเกียร์ไปอยู่คอพวงมาลัย ทำให้คอนโซลกลางดูโล่งขึ้นโดยติดตั้งระบบควบคุมหน้าจอมาให้เพื่อความสะดวก เรียกว่าไม่ต้องเอื้อมไปกดที่หน้าจอ
ใกล้ๆ กันเป็นปุ่มปรับรูปแบบการขับขี่ DYNAMIC SELECT
อัตราเร่งจากสเป๊กถือว่าไม่ธรรมดา ทุกช่วงความเร็วสั่งได้ตามแรงเท้า ยิ่งการเร่งแซงนี่ฉีกเพื่อนร่วมถนนได้สบาย บวกกับด้านท้ายที่สั้นทำให้การกะระยะทำได้ง่ายมากขึ้น
อีกจุดที่ต้องบอกคือแม้รูปลักษณ์จะออกแนวสปอร์ตจ๋า แต่การขับขี่ไม่ได้ดุดันแบบรูปลักษณ์ เรียกว่าแทบไม่ต่างจากรถซีดานเลย
เพราะอารมณ์ไม่ได้กระแทกกระทั้น หรือช่วงล่างดิบๆ แบบที่ควรจะเป็นสำหรับรถสปอร์ต แต่กลับนุ่มนวลในระดับที่น่าพอใจ แถมควบคุมได้ง่าย
แต่ความนิ่มนวลไม่ได้ทำให้การทรงตัวเสียไป การเข้าโค้งหรือการกระชากเปลี่ยนเลนแรงๆ ทำได้ไม่หวาดเสียว
ส่วนหนึ่งไม่พ้นช่วงล่างที่เซ็ตมาได้เหมาะสม บวกกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4 MATIC ยิ่งมั่นใจมากขึ้น
เข้าใจว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์ต้องการให้เป็นรถที่ขับง่าย ขับได้ทุกเพศ ทุกวัย ไม่จำกัดเฉพาะชายหนุ่มที่ชอบความร้อนแรงเท่านั้น
สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อยู่ใกล้แค่มือเอื้อม
เบาะนั่งกระชับรองรับสรีระได้ดี ขับทางไกลไม่เมื่อยล้ามากนัก
“Mercedes-Benz E300 Cabriolet AMG Dynamic” ถือว่าเป็นรถแบบ “2in1” เพราะจะขับเอามันก็ได้ หรือขับชิลๆ ก็ไม่ต่างจากซีดาน
ที่แน่ๆ ขับแล้วเพื่อนร่วมถนนมองแน่นอน เพราะสวยหยดเหลือเกิน
สนนราคาจัดไปที่ 5,190,000 บาท