ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 กันยายน - 4 ตุลาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศ |
เผยแพร่ |
นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับ “โครงการประกันสุขภาพ” ของโลก
ด้วยการประกาศโครงการประกันสุขภาพสำหรับชาวอินเดียขึ้น
และกลายเป็นโครงการประกันสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เพราะครอบคลุมชีวิตของชาวอินเดียผู้ยากไร้มากถึงราว 500 ล้านคน
โครงการประกันสุขภาพดังกล่าวถูกขนานนามว่า “โมดีแคร์” ที่รับประกันว่าจะมอบเงินประกันสุขภาพให้แก่ครอบครัวผู้ยากไร้ครอบครัวละ 5 แสนรูปี หรือราว 223,000 บาท ไว้รักษากรณีป่วยด้วยโรคร้ายแรง
ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เงินในแต่ละปีรวมถึง 51,800 ล้านบาท
และงบประมาณจะเพิ่มขึ้นตามความต้องการของประชาชน
โดยนายโมดีประกาศเปิดตัวโครงการประกันสุขภาพดังกล่าว ซึ่งมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “อายุศมัน ภารัต” ที่เมืองรันจี เมืองเอกของรัฐฌารขัณฑ์ เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา
ซึ่งนายโมดีกล่าวว่า ถือเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ของอินเดีย และเป็นก้าวสำคัญที่จะนำมาซึ่งการดูแลสุขภาพที่ดีและสามารถเข้าถึงได้ของผู้คนที่ยากไร้ในอินเดีย
โดยจะมีครอบครัวที่ได้ประโยชน์จากโครงการนี้มากกว่า 100 ล้านครอบครัว
และถือเป็นโครงการประกันสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เพราะได้ประโยชน์ต่อผู้คนมากกว่าประชากรของสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโกรวมกัน
นายโมดีกล่าวด้วยว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องมีการลงทะเบียนแยกเพื่อเข้าสู่โครงการ ผู้คนสามารถที่จะเช็กผ่านออนไลน์ได้เลยว่าตัวเองถูกจัดอยู่ในกลุ่มผู้มีสิทธิหรือไม่ และครอบครัวที่อยู่ในเกณฑ์ จะได้รับจดหมายจากนายกรัฐมนตรี
พร้อมกับ “บัตรทอง” เพื่อนำไปใช้สำหรับรับสิทธิตามโรงพยาบาลทั่วประเทศที่ลงทะเบียนไว้กับรัฐบาล
โดยโครงการประกันสุขภาพใหม่นี้ เริ่มต้นใช้งานได้ทันที ซึ่งหมายความว่า ประชาชนที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มผู้ยากไร้ จะไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่รูปีเดียวสำหรับการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชน
ถือเป็นความพยายามล่าสุดของนายโมดีที่ต้องการปฏิรูประบบประกันสุขภาพของอินเดียที่ประสบปัญหามายาวนาน เนื่องจากการขาดแคลนโรงพยาบาลและแพทย์ และประชาชนส่วนใหญ่ที่พอจะมีเงินก็จะต้องหันไปพึ่งพาคลินิกและโรงพยาบาลของเอกชนแทน ซึ่งอาจจะต้องใช้เงินมากถึงครั้งละ 1,000 รูปี หรือเกือบ 500 บาท ที่ถือว่าเป็นเงินที่มากโขสำหรับชาวอินเดียที่คนหลายล้านมีรายได้ไม่ถึง 60 บาทต่อวัน
ขณะที่ตัวเลขของรัฐบาลอินเดียระบุว่า ชาวอินเดียส่วนใหญ่ต้องใช้เงินไปกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ จ่ายค่าหมอและค่ายา
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาอินเดียใช้เงินราว 1 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของประเทศไปยังงานด้านสาธารณสุข
ซึ่งติดอันดับหนึ่งในประเทศที่ใช้เงินกับด้านสาธารณสุขที่ต่ำที่สุดในโลก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโครงการประกันสุขภาพโมดีแคร์กลายเป็นโครงการที่ได้รับการยกย่องจากนักเคลื่อนไหวทั่วโลก ในฐานะที่เป็นโครงการที่ช่วยเหลือผู้ยากไร้ให้ได้รับการรักษาสุขภาพอย่างทั่วถึง
หากแต่ก็มีบางเสียงที่ออกมาแสดงความห่วงกังวลว่าโครงการประกันสุขภาพนี้อาจจะไปกัดกร่อนแก่นกลางของระบบประกันสุขภาพเดิมที่มีอยู่และอาจจะล่มสลายลงในระยะเพียงแค่ 1 ปี หากนำไปใช้อย่างไม่ดีพอ
เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีว่าสถานพยาบาลต่างๆ ในอินเดียนั้นยังไม่มีความพร้อมเท่าที่ควร
รัฐบาลเองจึงควรประสานงานเพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่โรงพยาบาลก่อน
ไม่เช่นนั้น โรงพยาบาลต่างๆ ที่อยู่ในโครงการอาจจะไม่สามารถรองรับผู้ป่วยจำนวนมากได้
ปัญหาอีกอย่างคือ เงินประกันสุขภาพที่ทางโรงพยาบาลจะได้รับในกรณีรักษาโรคที่ร้ายแรง อาจจะไม่เพียงพอต่อค่ารักษาพยาบาลจริง
และทำให้โรงพยาบาลต้องรับภาระเงินส่วนต่างที่เหลือเอง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง
สุดท้ายคือ โครงการโมดีแคร์ตอนนี้ยังครอบคลุมแค่กรณีผู้ป่วยโรคร้ายแรงเท่านั้น
หากแต่เป็นที่รู้กันว่า โครงการนี้มีขึ้นก็เพราะต้องการที่จะเรียกคะแนนเสียงจากประชาชน เนื่องจากอินเดียกำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงกลางปีหน้า
ซึ่งหากโครงการนี้ได้รับการตอบรับดี ก็ย่อมจะหมายถึงคะแนนเสียงสนับสนุนจำนวนมากจากผู้ยากไร้ที่ได้รับประโยชน์ที่จะตามมาจำนวนมหาศาล
เมื่อนั้น หากโมดีได้เป็นผู้นำอีกสมัย โครงการโมดีแคร์ก็อาจจะมีการขยายครอบคลุมผู้ป่วยทั่วไปด้วยหรือไม่
แต่ตอนนี้โมดีแคร์ไม่ใช่แค่ได้ชื่อว่าเป็นโครงการประกันสุขภาพที่ใหญ่สุดในโลก แต่ได้ชื่อว่าเป็นโครงการประกันสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดของจักรวาลไปแล้ว