ภาพยนตร์ / นพมาส แววหงส์ / PAPILLON ‘รอยสักผีเสื้อ’

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์ / นพมาส แววหงส์

PAPILLON ‘รอยสักผีเสื้อ’

กำกับการแสดง Charlie Hunnam
นำแสดง Rami Malek Yorick van Wageningen

สี่สิบห้าปีพอดีที่ได้ดูหนัง Papillon (ค.ศ.1973) เป็นหนแรก
มีดาราขวัญใจ สตีฟ แม็กควีน กับดัสติน ฮอฟมันน์ แสดงนำคู่กันในเรื่องราวของการแหกคุกอันโหดร้ายทารุณบนเกาะห่างไกลกลางทะเลนี้
ใน พ.ศ.2516 นักแสดงหนุ่มทั้งสองคนนี้อยู่ ณ จุดยอดของอาชีพก็ว่าได้
แม็กควีนจากหนังอย่าง The Great Escape และ Bullit ด้วยรูปร่างหน้าตาละม้ายกับดาราชื่อดังอีกคนคือ พอล นิวแมน
และดัสติน ฮอฟมันน์ ซึ่งดังเป็นพลุแตกจาก The Graduate, Midnight Cowboy และ Little Big Man โดยเฉพาะเรื่องแรกที่ถือเป็นหนังที่ให้นิยามแก่คนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย และกำลังเผชิญหน้ากับความจริงในอนาคตที่ไม่รู้จะนำไปสู่อะไรกันแน่
The Graduate ออกฉายเมื่อตอนผู้เขียนเข้ามหาวิทยาลัยปีแรก ซึ่งเป็นประตูที่จะเปิดสู่ความเป็นบัณฑิต แต่ได้เห็นชีวิตของ “บัณฑิตหนุ่ม” ที่อ่อนโลกและเลือกจะเป็นขบถ ทว่ากำลังจ้องมองดูหนทางในโลกจริงข้างหน้าที่ไม่ให้ความอุ่นใจของเสถียรภาพเลย
เพราะงั้น Papillon ที่ออกฉายเมื่อสี่สิบห้าปีก่อน จึงอัดแน่นด้วยรัศมีดาราที่ทุกคนชื่นชอบ
แถมด้วยมีดาลตัน ทรัมโบ นักเขียนมือทองของฮอลลีวู้ด เป็นหนึ่งในทีมเขียนบท (เมื่อไม่กี่ปีมานี้ เราได้รู้จักชีวิตอันผันผวนขึ้น-ลงของดาลตัน ทรัมโบ คนนี้ในหนังชื่อ Trumbo)

ดังนั้น การย้อนกลับไปสู่เรื่องราวของ “ปาปิยง” จึงเหมือนกับย้อนเวลาหาอดีตแบบหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อบทหนังออกจะเดินเรื่องตามหนังสือและบทหนังเรื่องเดิม โดยไม่มีอะไรนอกทิศนอกทางมากนัก
ยังให้ความรู้สึกเดิมๆ โดยเฉพาะเมื่อนักแสดงนำทั้งสองคน มีหน้าตาและบุคลิกลักษณะที่ชวนให้นึกถึงนักแสดงนำในหนังปี 1973 ไม่น้อย ผิดกันก็แต่ว่ารัศมีดารายังไม่เรืองรองเท่า
ชาร์ลี ฮันนัม (King Arthur : Legend of the Sword) และเรมี มาเลก (Twilight Saga Part 2) น่าจะเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงต่อไป
นี่เป็นเรื่องราวอัตชีวประวัติของอองรี ชาร์ริแยร์ ซึ่งมีฉายาว่า “ปาปิยง” เนื่องจากรอยสักรูปผีเสื้อบนตัวเขา ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในทศวรรษ 1930 ในปารีสอันมีแสงสีเย้ายวน
อองรี “ปาปิยง” ชาร์ริแยร์ (ชาร์ลี ฮันนัม) เป็นหัวขโมยนักงัดแงะเซฟ ที่รับงานต่อจากอันธพาลตัวเบิ้มๆ ซึ่งห้ามการคดโกงจากตัวเขาเป็นอันขาด หาไม่จะต้องโดนดี
แต่ครั้นโดนจับได้ว่าแอบมุบมิบของเข้ากระเป๋าเอาไว้ไปปรนเปรอแฟนสาวสวย อองรีก็โดนดีเข้าจริงๆ นั่นคือโดนปรักปรำด้วยข้อหาฆาตกรรมที่เขาไม่ได้เป็นคนก่อ
เขาโดนตัดสินพิพากษา และถูกส่งตัวไปคุมขังตลอดชีวิตที่คุกกลางมหาสมุทรแอตแลนติกที่เป็นอาณานิคมกียานาของฝรั่งเศส ในทวีปอเมริกาใต้
นักโทษที่ถูกตัดสินจำคุกขั้นอุกฉกรรจ์ของฝรั่งเศสได้รับฟังคำพิพากษาเนรเทศชั่วชีวิต โดยบอกว่าไปแล้วจะไปลับ ไม่มีวันได้กลับมาเหยียบประเทศฝรั่งเศสอีกเลย ต่อให้ได้รับการปล่อยตัวระหว่างมีชีวิต แต่ก็ต้องกลายเป็นบุคคลผู้ที่ไม่พึงประสงค์ในบ้านเกิดเมืองนอนตลอดไป
นับเป็นการถูกตัดขาดจากประเทศฝรั่งเศสตลอดกาล

และแล้วการเดินทางทางทะเลไปสู่คุกถาวรก็เริ่มต้นขึ้น
อองรีเริ่มมองหาช่องทางจะแหกคุกสู่อิสรภาพตั้งแต่ยังไปไม่ถึง
ในการนี้เขารู้ว่าจะต้องใช้เงิน ถ้าไม่มีเงินไว้คอยหยอดน้ำมัน ติดสินบน หรือซื้อหาพาหนะ เขาจะไม่มีทางออกจากเกาะซึ่งเป็นอาณานิคมทัณฑสถานนั้นได้เลย
เขาสะดุดตากับหนุ่มร่างเล็กท่าทางสำอางสวมแว่นคนหนึ่งชื่อ ลุยส์ เดกา (รามี มาเลก) จึงเสนอข้อตกลงแลกเปลี่ยนโดยที่อองรีจะให้การพิทักษ์คุ้มครองลุยส์ให้อยู่รอดปลอดภัยในคุกแห่งนี้ แลกเปลี่ยนกับคำสัญญาว่าลุยส์จะให้เงินเขาในการหนีไปจากคุก
ลุยส์ เดกา เป็นอาชญากรคนละประเภท และมาจากโลกคนละใบกับอองรี นั่นคือ เดกาต้องโทษจากการปลอมแปลงเอกสาร จนมีเงินถุงเงินถังฝากไว้กับภรรยาที่ฝรั่งเศส และมีความหวังว่าภรรยาจะยื่นขออุทธรณ์ให้เขาพ้นโทษไปในไม่ช้าไม่นาน
เมื่อลุยส์ยอมรับข้อตกลงนี้ในที่สุด ทั้งคู่ก็กลายเป็นตัวติดกันเหมือนปาท่องโก๋ ไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนเงาตามตัว และซื้อความสะดวกสบายเล็กๆ น้อยๆ จากธนบัตรปึกที่ลุยส์ซ่อนมาในตัวในจุดที่จะไม่โดนค้นตัว

การรับนักโทษน้องใหม่จากพัศดี (โยริก แวน วาเกนิงเกน) โดยมีเครื่องกีโยตีนอันชวนสยองตั้งตระหง่านอยู่กลางลาน คือคำปราศรัยข่มขวัญ
การหลบหนีไปจากเกาะกลางทะเลนี้ ถ้าไม่โดนยิงจากผู้คุมที่เฝ้าระวังรายล้อมโดยทั่ว ก็ต้องไปเสี่ยงเอาชีวิตไปทิ้งไว้กลางทะเล ถ้าไม่ว่ายน้ำจนหมดแรง ก็ถูกฉลามเขมือบกินเสีย
นักโทษที่ลงมือจนถึงขั้นที่มีการตายเกิดขึ้น จะต้องถูกประหารชีวิตด้วยกีโยตีน ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์เพื่อการประหารชีวิตนักโทษตามแบบฝรั่งเศสที่โด่งดังไปทั่วโลกมาตั้งแต่สมัยการปฏิวัติฝรั่งเศสในคริสต์ศตวรรษที่สิบแปด
และแน่นอน เชื่อขนมกินได้ว่าการเชือดไก่ให้ลิงดูนี้ต้องใส่เข้ามาในหนังแน่ๆ
ส่วนนักโทษที่หลบหนีแล้วถูกจับได้ แต่ไม่ได้ทำให้ใครตาย จะโดนขังคุกเดี่ยวเป็นเวลาสองปี บางทีแถมด้วยคุกมืดที่ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย พัศดีขู่ไว้ว่าไม่มีใครรอดไปจากคุกเดี่ยวแบบนี้โดยไม่เสียสติไปก่อน
แถมเผื่อว่าหลังจากถูกขังคุกเดี่ยวสองปีแล้วยังไม่หลาบจำ นักโทษที่แหกคุกเป็นครั้งที่สองแล้วโดนจับได้อีก จะโดนโทษหนักขึ้นไปอีก คือการขังเดี่ยวห้าปี และตามมาด้วยการเนรเทศไปอยู่เกาะปีศาจที่ทุรกันดาร
การหลบหนีครั้งแรกของอองรีไม่ได้เกิดจากการวางแผน แต่เพราะเขาเห็นเพื่อนถูกทารุณกรรมจากผู้คุมจนทนไม่ได้ แทรกตัวเข้าไปช่วยเหลือ และต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนจนโดนจับได้ในที่สุด
มิตรภาพระหว่างอองรีกับลุยส์นั้นเหนียวแน่น จนเรียกว่าทั้งสองเป็นเพื่อนแท้ของกันและกันในที่ที่ไม่อาจหาเพื่อนแท้ได้ เมื่ออองรีถูกขังเดี่ยว อาหารปันส่วนแทบไม่เพียงพอจะหล่อเลี้ยงร่างกาย ลุยส์ติดสินบนผู้คุมให้จัดหามะพร้าวห้าวครึ่งลูกให้กินทุกวัน ซึ่งเป็นเหตุผลให้อองรียังแข็งแรงและแข็งแกร่งอดทนอยู่ได้
และเมื่อพัศดีจับได้ อองรีก็ไม่เคยปริปากทรยศต่อเพื่อน มิไยจะโดนทรมานยังไง

อองรี คือผีเสื้อ ตามฉายาที่ถูกเรียกขาน
ธรรมชาติของผีเสื้อคืออิสรภาพของการโบยบินในโลกกว้าง “ปาปิยง” จึงพยายามบินครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไม่หลาบจำจากการถูกจับกลับไป และโดนเพิ่มโทษด้วยการขังคุกเดี่ยวเป็นระยะเวลายาวนานถึงสองปี ห้าปี และจำกัดบริเวณไว้บนเกาะทุรกันดารที่มีแต่โขดหิน
ในที่สุดเขาก็ทำการบินเหมือนดังผีเสื้อ หนีจากเกาะปีศาจ ปล่อยให้กระแสน้ำพัดพาสู่ฝั่งใกล้ๆ รอดออกมาได้ แม้จะยังไม่ได้กลับฝรั่งเศสและต้องลี้ภัยอยู่ในอเมริกาใต้โดยได้รับสัญชาติเวเนซุเอลาจวบจนถึงบั้นปลายชีวิต
เขาบันทึกความทรงจำอันเลวร้ายในอาณานิคมทัณฑสถานของฝรั่งเศสแห่งนั้น และตีพิมพ์ให้โลกรับรู้ จนกลายเป็นนิยายอัตชีวประวัติที่ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอยู่ในฝรั่งเศสและทั่วโลก
หลังจากความสำเร็จของ Papillon อองรี ชาร์ริแยร์ เขียนหนังสืออีกเล่มชื่อ Banco ซึ่งทั้งสองเล่มเป็นที่มาของภาพยนตร์เรื่องนี้