วงค์ ตาวัน : รัฐประหารและกบฏเดือนกันยาฯ

วงค์ ตาวัน

ครบรอบเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นประเด็นร้อนๆ ขึ้นมา เมื่อทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เป็นเป้าหมายของการโค่นล้มในครั้งนั้น ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ตั้งคำถามว่า 12 ปีที่ผ่านมา จาก 19 กันยายน 2549 มาถึง 19 กันยายน 2561

“ท่านคิดว่าประเทศไทยเจริญขึ้นแล้วหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษา ระบบราชการบริการประชาชน ยาเสพติด การสาธารณสุข กระบวนการยุติธรรม เศรษฐกิจของท่านเอง รวมถึงความสุขของท่านและคนรอบตัวท่าน สุดท้ายคือศักดิ์ศรีประเทศและความภูมิใจของท่าน

เรามีการปฏิวัติ 2 ครั้งใน 12 ปี ปฏิวัตินายกฯ ที่เป็นพี่น้องกันและได้รับความนิยมสูงสุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย แน่นอนมีคนได้ดีและร่ำรวยจากการปฏิวัติทั้ง 2 ครั้ง แต่คนที่แย่ลงในหลายมิติมีมากกว่า และไม่สำคัญเท่ากับประเทศไทยที่เรารักถูกมองแย่ลงในสายตาคนทั้งโลก”

“จะว่าไปแล้ว สิ่งที่ทักษิณตั้งคำถามขึ้นมานี้ คนไทยส่วนใหญ่ก็ถามกันโดยถ้วนหน้าอยู่แล้ว”

เพราะทั่วทั้งสังคมไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองกว่า 10 ปีที่ผ่านมากันโดยถ้วนหน้า

“ล้วงกระเป๋าเงินของเราๆ ท่านๆ ดูกันเองก็รู้ได้ว่า บ้านเมืองเราเจริญขึ้น หรือเจริญลง!”

เรื่องความขัดแย้งแตกแยกของคนในสังคมไทยนั้นถือว่าน่ากลัว

แต่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ เมื่อเราใช้วิธีการรัฐประหารเข้ามาจัดการปัญหา

“อาจหยุดวิกฤตทะเลาะตีกันได้ แต่ก็คือกดเอาไว้ แล้วที่สำคัญคือ ทำให้ทุกอย่างถดถอยไปหมด!?”

ขณะเดียวกัน ฝ่ายที่ร่วมขบวนการรัฐประหาร มักออกมาตอบโต้ว่า ชนวนเหตุนั้นมาจากนักการเมืองเองที่ทำบ้านเมืองเละเทะ รวมทั้งสร้างม็อบมีสีขึ้นมา แล้วก็แยกข้างยกพวกตีกัน ส่งผลให้ทั้งสังคมตกอยู่ในความหวาดผวา

จึงเป็นเหตุให้กองทัพต้องออกมาเป็นผู้ยุติศึก และควบคุมสถานการณ์ให้กลับสู่ความสงบ

ถ้านักการเมืองไม่เหลวไหล ถ้ามวลชนของนักการเมืองไม่ใช้ความรุนแรงเข้าหากัน ฝ่ายทหารเขาก็ไม่ต้องออกมายุ่งด้วยหรอก

“นั่นคือเหตุผลของฝ่ายคนรักรัฐประหาร”

แต่คนจำนวนไม่น้อยกลับไม่มองเช่นนั้น เพราะเห็นว่านักการเมืองเหลวแหลกก็จริง ม็อบแบ่งสีตีกันก็จริง แต่ทั้งสองประเด็นนี้ยังถูกโหมสร้างกระแสโหมไฟให้เพิ่มความร้อนแรงเกินกว่าปกติ

เพื่อเป็นเงื่อนไขให้การรัฐประหารทำได้

จึงมีคำกล่าวที่ว่า ต้องไม่ยอมรับว่าการรัฐประหารมีเงื่อนไขทำได้ เพราะเงื่อนไขนั้นสามารถทำขึ้นมาได้ สร้างขึ้นมาได้

ประวัติศาสตร์การเมืองไทยบอกว่า ก่อนรัฐประหาร ต้องมีขบวนการสร้างสถานการณ์เพื่อปูทางไปสู่การเรียกให้ทหารออกมาแทบทุกครั้ง

จริงอยู่ที่ว่า นักการเมืองได้สร้างปัญหาให้กับบ้านเมืองไม่น้อย และกลุ่มมวลชนต่างๆ ก็สร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้นจริง แต่เรื่องแบบนี้ก็เป็นกันทั่วโลกในสังคมประชาธิปไตย แต่ประเทศที่เจริญเขาไม่เคยไปกวักมือเรียกรถถังออกมายุติปัญหา เพราะนั่นจะนำมาซึ่งความถอยหลังของการเมืองและการพัฒนาประเทศ

หลักการที่ว่า การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ไม่ใช่ด้วยการใช้อำนาจทางทหาร มีบทสรุปที่ชัดเจนไปแล้ว

“ขนาดสงครามแท้ๆ แต่เป็นสงครามความคิดอุดมการณ์ ดังเช่นสงครามคอมมิวนิสต์ในไทยในช่วงปี 2508-2523 ก็ได้บทสรุปไปแล้ว และใช้ไปแล้วอย่างได้ผล”

จากเดิมที่ใช้สงครามเข้าแก้สงคราม ทำให้สงครามยิ่งลุกลาม

จนกระทั่งกองทัพยุคใช้สมอง ผลักดันคำสั่งที่ 66/2523 ใช้หลักการเมืองนำการทหารออกมาใช้ สงครามก็เลยยุติลงได้อย่างราบคาบ

“เป็นเครื่องยืนยันว่าความขัดแย้งทางการเมืองต้องแก้ด้วยการเมืองจึงจะสำเร็จ”

ถ้ายืนหยัดในหลักประชาธิปไตย ความขัดแย้งระหว่างมวลชน 2 สี ที่เริ่มก่อตัวในปี 2548 อันปูทางไปสู่การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 นั้น

ถ้าเปลี่ยนไปใช้วิธีตัดสินกันในวันเลือกตั้งก็เป็นทางออกที่ทำได้ และไม่ทำให้บ้านเมืองเราถอยหลังไปอีกด้วย

“นักวิชาการจำนวนมากเคยชี้เอาไว้ว่า สถานการณ์ในช่วงปี 2548 ทักษิณเริ่มเสื่อมลงไปเรื่อยๆ ถ้าปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของปัญหา และไปใช้การเลือกตั้งเพื่อแก้ไขปัญหา ป่านนี้ทักษิณคงจะแพ้พ่ายทางการเมืองไปแล้ว”

แต่เพราะไปใช้การรัฐประหาร เลยทำให้ทักษิณกลายเป็นฮีโร่ทางการเมืองที่ถูกโค่นล้มด้วยวิธีนอกระบบ

จากนั้นมาเมื่อกลับสู่การเลือกตั้ง พรรคการเมืองฝ่ายทักษิณก็ชนะเหนือกว่าอีกฝ่ายทุกครั้งอย่างถล่มทลาย เป็นผลมาจากการจัดการกับทักษิณด้วยวิธีที่ผิดๆ นั่นเอง

ลงเอยเมื่อหยุดพรรคฝ่ายทักษิณไม่ได้ ก็เกิดม็อบแบบเดียวกับที่เคยเกิดในปี 2548 เรียกหาทหารจนปฏิวัติ 19 กันยายน 2549

“หนหลังเกิดม็อบในปี 2556 เขายุบสภาให้แล้วก็บอกไม่เอา จะปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง แปลว่าจะไม่ให้มีเลือกตั้ง ก็เท่ากับผลักทุกอย่างเข้าทางตัน ใครก็รู้ว่าการรัฐประหารต้องตามมา”

แล้วในที่สุดก็เกิดรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ล้มยิ่งลักษณ์ น้องสาวทักษิณ

ใช้วิธีที่ผิด เรื่องราวผิดๆ จะตามมาอีกมากมาย!

การรัฐประหารในไทยที่ทำสำเร็จเกิดขึ้นมาแล้ว 13 หน ส่วนที่ลงมือทำ ลากรถถังออกมาแล้วแต่ไม่สำเร็จก็มีอีกหลายหน โดยทั้งหมดนี้เป็นเครื่องบ่งชี้ความล้มเหลวของการเมืองไทย และอธิบายได้ว่าทำไมเราจึงนับว่าล้าหลังลงไปเรื่อยๆ จนบัดนี้กลายเป็นชาติที่ถดถอยที่สุดในอาเซียนเข้าไปแล้ว

นับเฉพาะตำนานการยึดอำนาจด้วยรถถังในเดือนกันยายน ก็เกิดมาแล้ว 2 ครั้ง

ครั้งหลังคือ 19 กันยายน 2549 ที่กำลังเป็นประเด็นทางการเมืองในวันนี้

“ส่วนก่อนหน้านั้นคือ การรัฐประหาร 9 กันยายน 2528 ซึ่งทำไม่สำเร็จ กลายเป็นการก่อกบฏ”

การรัฐประหารล้มเหลวในวันที่ 9 กันยายนดังกล่าว เป็นภาคต่อของการก่อกบฏ 1-3 เมษายน 2524 ของกลุ่มนายทหารยังเติร์ก ซึ่งพ่ายแพ้ต้องถูกจับกุมดำเนินคดีบ้าง ต้องหลบหนีออกนอกประเทศบ้าง

ถัดมาอีก 4 ปี พ.อ.มนูญ รูปขจร แกนนำกบฏ 1-3 เมษายน ได้กลับเข้ามาในไทยอีกครั้ง พร้อมกับนำกำลังทหารรถถังที่ตนเองเคยเป็นหัวหน้าหน่วย เคลื่อนออกมายึดสถานที่ราชการใน กทม.

พร้อมกับมีกองกำลังมวลชนอีกส่วนร่วมก่อการ

“ลงเอยที่เรียกกันว่าเหตุการณ์ “ไม่มาตามนัด” นั่นคือ กองกำลังหน่วยอื่นๆ ไม่ออกมาร่วม ทำให้กลุ่มก่อการอยู่ท่ามกลางความโดดเดี่ยว ต้องยอมวางอาวุธ แกนนำลี้ภัยไปต่างประเทศอีก”

แต่ทั้ง 2 เหตุการณ์คือกบฏยังเติร์ก เมษายน 2524 ต่อเนื่องเป็นภาค 2 ในเหตุการณ์ 9 กันยายน 2528

“เป็นปัญหาความขัดแย้งภายในกองทัพล้วนๆ”

ขณะที่รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ต่างออกไป โดยเป็นขบวนการโค่นล้มรัฐบาลทักษิณ ร่วมมือกันระหว่างกลุ่มอำนาจเก่าของสังคมไทย ขุนศึก ขุนนาง ที่ทนไม่ได้กับการเติบโตอย่างมากมายของกลุ่มนักการเมืองและกลุ่มทุนเสรี

โดยจุดเริ่มต้นมาจากความขัดแย้งจากมิตรกลายเป็นศัตรู ระหว่างหัวหน้าม็อบเสื้อเหลืองกับทักษิณ จนเกิดการเคลื่อนไหวชุมนุมมวลชน ที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการให้ใช้การรัฐประหารหยุดยั้งระบอบทักษิณ

แต่ก็เป็นการชุมนุมที่กลายเป็นการปูทางให้รถถัง

“ไม่ใช่การเคลื่อนไหวของมวลชนที่มีคนเข้าร่วมจนได้รับชัยชนะด้วยพลังมวลชนเอง ดังเช่น 14 ตุลาคม 2516 และพฤษภาคม 2523”

จากนั้นก็เกิดภาคต่อจาก 19 กันยายน 2549 เมื่อพบว่าการล้มรัฐบาลด้วยรถถัง ยิ่งทำให้ฝ่ายทักษิณได้รับคะแนนนิยม

ก็เลยเกิดม็อบในปลายปี 2556 มาแนวเดิมอีกคือเรียกหารัฐประหาร แล้วก็เกิดรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557

นำมาสู่ข้อความจากทักษิณที่ว่า

“เรามีการปฏิวัติ 2 ครั้งใน 12 ปี ปฏิวัตินายกฯ ที่เป็นพี่น้องกันและได้รับความนิยมสูงสุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย”

น่าสนใจว่าการเลือกตั้งในต้นปี 2562 ที่จะมาถึง

จะเกิดอะไรขึ้นกับผลเลือกตั้ง ด้วยผลพวงจากการรัฐประหาร!?!