แมลงวันในไร่ส้ม/บิ๊กตู่ลั่นสนใจการเมือง เล็งเฟ้นหา ‘พรรค’ สืบสานงาน ‘แม่น้ำ 5 สาย’

แมลงวันในไร่ส้ม

 

บิ๊กตู่ลั่นสนใจการเมือง

เล็งเฟ้นหา ‘พรรค’

สืบสานงาน ‘แม่น้ำ 5 สาย’

 

ข่าวใหญ่ตามหน้าสื่อต่างๆ ทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวออนไลน์ ในสัปดาห์นี้ คือข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศว่า สนใจงานการเมือง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวขึ้นมาเองที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 24 กันยายน ว่า ผมสนใจงานการเมือง แต่ผมจะตัดสินใจอย่างไร จะสนับสนุนใคร มันเป็นเรื่องอีกระยะหนึ่งซึ่งผมจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ผมสนใจในสิ่งที่ผมทำลงไปว่าไปถึงไหนอย่างไร วันข้างหน้าจะได้รับการสืบสานต่อไปหรือไม่ ผมจะติดตามรับฟังจากบรรดากลุ่มการเมือง พรรคการเมือง นักการเมืองต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เพราะฉะนั้น ผมขอใช้คำแรกนี้ได้ว่า ผมสนใจงานการเมือง เพราะผมรักประเทศชาติของผม ก็คงเป็นเช่นเดียวกับคนไทยทั้งประเทศ รวมทั้งสื่อมวลชนด้วยก็ต้องรักประเทศไทยของเรา ก็สุดแล้วแต่ประชาชนจะว่าอย่างไรในอนาคต

ประเด็นสำคัญจากคำให้สัมภาษณ์นี้คือ การประกาศท่าทีการเมืองอย่างเป็นทางการ และกำลังติดตามดูว่า พรรคไหนจะมาร่วม “สืบสาน” ผลงานที่ได้ทำมาในฐานะนายกรัฐมนตรี

 

และต่อมาวันที่ 25 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาลอีกเช่นกัน พล.อ.ประยุทธ์เผยว่า เช้าวันเดียวกันนี้มีการหารือกันในที่ประชุม คสช. ว่าเราจะทำอย่างไรให้การปฏิรูปประเทศและการปฏิบัติงานตามยุทธศาสตร์ชาติ ได้รับการสืบต่อในการทำงานวันข้างหน้าต่อไปได้

เพราะในวันข้างหน้าเราจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ตนก็ต้องพยายามทำให้สิ่งที่ทำวันนี้สามารถที่จะต่อเนื่องได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทนกับแรงเสียดทานจากนักการเมืองที่รุมโจมตีอย่างไร และจะควบคุมอารมณ์ตนเองเมื่อเข้าสู่การเมืองอย่างไรนั้น

คำตอบจาก พล.อ.ประยุทธ์คือ ผมยืนยันว่าผมไม่กลัว เพราะผมอยู่กับพวกท่านมา 4 ปีแล้ว ผมก็อดทนและพยายามทำความเข้าใจ

แต่บางครั้งก็มีนิดหน่อยหงุดหงิดบ้างอะไรบ้างก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ แต่ผมก็ปรับตัวมาโดยตลอด 4 ปีก็มีการพัฒนามากพอสมควร

จะเห็นได้ว่าเสียงของผมวันนี้นุ่มนวลขึ้นใช่หรือไม่ ไม่ดุเดือด ไม่อะไรทั้งนั้น พอแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นหรือไม่เป็นอะไรต่างๆ ผมก็จำเป็นต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องทางการเมือง

เพราะไม่เช่นนั้นเดี๋ยวผมตายก่อน ผมเครียดมากๆ ผมก็ตายเอง เพราะก็ไม่มีใครตายสักคน เพราะทุกคนมารุมผมอยู่คนเดียว แต่ผมก็รับได้

และกล่าวด้วยว่า คำที่ว่าสนใจงานการเมืองนั้น อย่าไปตีความกันให้มากนักเลย

คำพูดที่ตนพูดออกไปนั้นหมายความว่า สนใจว่ามันจะเดินหน้าไปอย่างไร มีความคืบหน้าอย่างไร โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นห่วงและกังวลก็คือ สิ่งที่ทำมาแล้ว การปฏิรูปขั้นที่ 1 ของเรา กฎระเบียบ กฎหมาย รวมทั้งยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทที่จะทำ จะได้รับการดำเนินการอย่างต่อเนื่องหรือไม่ สนใจตรงนี้มากกว่า

และถ้าผมสนใจที่จะเข้ามามีส่วนร่วมตรงนี้ ผมจะเข้าไปได้อย่างไร จะมาด้วยกลไกอะไร จะต้องดูทั้งรัฐธรรมนูญ กฎหมาย พ.ร.บ.การเลือกตั้ง และทุกๆ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องที่ออกมาในช่วงนี้

เมื่อถามว่านายกฯ จะไปสังกัดอยู่กับพรรคการเมืองใด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของอนาคต ตนยังไม่ได้ไปตรงไหนสักอันเลย ถ้าจะพิจารณาก็ต้องดูว่า จะต้องไปเป็นสมาชิกพรรคใดหรือไม่ และต้องพิจารณาว่าจะไปร่วมกับเขาได้แค่ไหนอย่างไร และสมมุติว่าตนจะไปเป็นนายกรัฐมนตรีจะมาได้อย่างไร เรื่องนี้ต้องดูใหม่ทั้งหมด ต้องศึกษา

 

ผลจากการแสดงท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้บรรดารัฐมนตรีต่างออกมาเปิดเผยท่าทีทางการเมือง อาทิ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า อาจจะรับเป็นโฆษกของพรรคการเมืองใหม่ คือพรรคพลังประชารัฐที่จะเปิดตัวในวันที่ 29 กันยายนนี้

ส่วนแกนนำพรรคอย่างนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์  ยังแบ่งรับแบ่งสู้ให้ดูการประชุมวันที่ 29 กันยายน

ในวันที่ 25 กันยายน ยังมีข่าวว่า นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ อดีต ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ตอบรับเข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐแล้ว และจะได้รับการเสนอเป็นรองเลขาธิการพรรคด้วย

นายสรวุฒิให้เหตุผลว่า มีโอกาสได้คุยกับผู้ใหญ่ในรัฐบาล รวมทั้งรัฐมนตรีหลายคนก่อนตัดสินใจ เพราะต้องการให้โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เดินหน้า และแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนในพื้นที่ ยืนยันว่าจะไปร่วมเปิดตัวพรรค พปชร. ในวันที่ 29 กันยายนนี้ด้วย ส่วนจะได้รับการเสนอชื่อเป็นรองเลขาธิการพรรคหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของที่ประชุม

และยังกล่าวด้วยว่า สถานการณ์ตอนนี้ต้องการความสงบเรียบร้อยในการบริหารบ้านเมือง เชื่อว่าพลังของกลุ่มสามมิตรจะช่วยให้ประเทศชาติเดินหน้าแก้ปัญหาต่างๆ ที่สั่งสมมาในเวลาอันสั้น ทั้งนี้ เมื่อได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ถ้าจะทำการเมืองต่อ ก็ต้องเลือกจะอยู่กับกลุ่มที่มีศักยภาพ มีพลังในการเปลี่ยนแปลงประเทศ เพื่อที่จะได้สิทธิ์ได้เสียงเข้าไปทำงานต่อไป

โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตร กล่าวชื่นชมยินดีว่า ซึ่งหนึ่งในนั้นคือนายสรวุฒิ โดยเห็นว่าเป็นคนหนุ่มไฟแรง มีความคิดสร้างสรรค์ ทำงานเชิงรุก มีความคิดที่จะผลักดันสินค้าเกษตรหลายชนิด ซึ่งจะทำให้กลุ่มสามมิตรมีศักยภาพมากขึ้น

ทำให้เห็นภาพชัดขึ้นถึงบุคคลที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค รองเลขาธิการพรรค ของพรรคใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากการผนึกกันของพรรคพลังประชารัฐ และกลุ่มสามมิตร

 

ที่เป็นข่าวคู่ขนานกัน ได้แก่ การเตรียมตั้ง ส.ว. ตามบทเฉพาะกาล 250 คน จากปกติ 200 คน มีวาระ 5 ปี จากปกติ 4 ปี

วิธีการได้มา จะเป็นเรื่องของกลุ่มวิชาชีพ เสนอชื่อ และยื่นสมัคร เลือกกันเองในระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ เพื่อให้ได้ 200 คน

แล้วให้ คสช. เลือกให้เหลือ 50 คน ส่วนอีก 194 คน เป็นเรื่องของ คสช.ที่ต้องตั้งคณะกรรมการสรรหา 9 หรือไม่เกิน 12 คนไปสรรหามาให้ คสช.เลือก

ซึ่งจะต้องตั้ง 50 คนมาก่อน เพราะจะทำให้รู้สาขาอาชีพที่ยังขาดอยู่ เพื่อจะได้ตั้งเติมไปให้เต็ม ไม่ใช่ไปตั้งซ้อนกัน

ภาระหน้าที่ของ ส.ว.ชัดเจน คือ เพื่อเข้าไปสนับสนุน “นายกฯ” ในฐานะส่วนหนึ่งของรัฐสภา ที่จะมี 750 คน

เป็น “งานการเมือง” ระดับชาติ  ที่ออกแบบกฎกติกามาอย่างดี แต่จะเรียบร้อยตามแผนหรือไม่ ยังเป็นข้อเท็จจริงในอนาคต