เกม “เกาะโต๊ะ”

“ท่าทีและน้ำเสียงขึงขังน่ากลัวจัง ไม่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนตอนมาเกาะโต๊ะขอเป็น ผบ.ทบ.เลย”

เป็นข้อความที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ทวีตตอบโต้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ก่อนหน้านี้ “ทักษิณ” โพสต์ข้อความรำลึก 12 ปีเหตุการณ์ยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549

ตั้งคำถามว่า 12 ปีที่ผ่านมาไทยเจริญขึ้นหรือไม่

พล.อ.ประวิตรก็ออกมาชนทันที

“เอาเรื่องกฎหมายที่ผิด เคลียร์ให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

เท่านั้นเอง ขีปนาวุธลูกใหญ่ก็ส่งตรงมาจากต่างแดน

การเปิดเกม “เกาะโต๊ะ” ของ “ทักษิณ ชินวัตร” ครั้งนี้

ด้านหนึ่ง เหมือนเป็นอารมณ์ “สวน” ทุกดอกตามสไตล์ “ทักษิณ” ที่ทนไม่ได้ถ้ามีใครวิพากษ์วิจารณ์

แต่อีกมุมหนึ่ง นี่คือกลยุทธ์ “กำหนดเกม”

ไม่ปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดพื้นที่สื่อหาเสียงไปเรื่อยๆ

“ทักษิณ” เลือกถล่ม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์

เพราะเขารู้ว่าใครเป็น “จุดอ่อน” ของ คสช.

“ลุงตู่” แม้จะเจ้าอารมณ์ โกรธง่าย แต่มี “จุดแข็ง” เรื่องความสะอาดส่วนตัว

ในขณะที่ “ลุงป้อม” นั้นเรื่อง “นาฬิกา” ยืมเพื่อนยังเป็น “โจ๊ก” ที่ทุกคนนำมาล้อเลียนจนถึงทุกวันนี้

ดูจากวันที่ข่าวเรื่องคณิตศาสตร์ชวนฉงนของ “โจ้” กับ “จอย”

คนก็นำมาล้อเลียนเรื่อง “นาฬิกา”

ท่าดีใจปิดตาของ “เฟอร์มิโน่” ศูนย์หน้าทีมลิเวอร์พูล ที่เล่นกับเรื่องบาดเจ็บเพราะโดนจิ้มตา

โซเชียลมีเดียก็นำมาโยงกับท่ายก “แหวนเพชร” กันแดดของ พล.อ.ประวิตร

หรือแม้แต่เรื่อง “เกาะโต๊ะ”

คนก็ยังล้อว่า ตอนยืมนาฬิกาเพื่อน

“เกาะโต๊ะ” หรือเปล่า

“ทักษิณ” มองออกว่า “ลุงป้อม” เป็น “จุดอ่อน” ในเรื่องภาพลักษณ์

แต่ก็เป็น “จุดแข็ง” เรื่องการดึง ส.ส.มาหนุน พล.อ.ประยุทธ์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ไม่ใช่ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”

เพราะ “กล้าได้-กล้าเสีย” มากกว่า

“ทักษิณ” รู้ดีว่าความเป็น “แม่เหล็ก” ของเขาไม่แตกต่างจาก พล.อ.ประยุทธ์

พูดอะไรก็เป็นข่าว

นับจากวันนี้เป็นต้นไป คาดว่า “ทักษิณ” จะเคลื่อนไหวมากขึ้นเรื่อยๆ

เพื่อกำหนดทิศทางข่าวในสื่อ

และดึงให้ คสช.เข้ามาอยู่ในเกมที่เขาได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ

จนถึงวันเลือกตั้ง