รู้ชีวิต…ด้วยดวงดาว / “ศ. ดุสิต”/เล่นนวางศ์-เล่นยังไง? (ต่อ)

รู้ชีวิต…ด้วยดวงดาว  / “ศ. ดุสิต”

อ่านอนาคตของคุณไม่ยากหรอก…แค่รู้จักดาว 10 ดวงเท่านั้น!

เรื่องลึกในโหราศาสตร์ไทยชุด ‘คลังโหร’

 

เล่นนวางศ์-เล่นยังไง? (ต่อ)

 

เวลาห้าสิบกว่าปีที่ผ่านไปนี่ ก็นับว่าพอเป็นสถิติที่เอามาใช้ได้แล้ว ผิดถูกยังไงของพรรค์นี้มันสามารถพิสูจน์กันได้ ก็ผลพยากรณ์นั่นแหละที่มันจะบอกเราเองว่า สูตรที่เราใช้มันผิดหรือถูก ใช้ได้หรือไม่ มีส่วนที่ใช้ได้มากกว่าใช้ไม่ได้หรือเปล่า ก็ลองดูเอาก็แล้วกัน

แล้วผมเอามาเปิดเผยที่นี่ทำไม?

คำตอบก็คือ ผมรู้ตัวว่าแก่แล้ว อายุล่วงเข้ามาระดับไม้ใกล้ฝั่งเต็มทีแล้ว โลกนี้มันอนิจจังเสียด้วย จะตายวันตายพรุ่งมิรู้ที ขืนเก็บหวงเอาไว้มันก็จะตายตามผมไปเสียเปล่า

ก็เลยตัดสินใจเขียนบอกต่อกันเอาไว้ เผื่อใครเกิดชอบเอาไปใช้ได้ผล ก็จะเป็นกุศลแก่ผมเอง

ตายไปแล้วเกิดชาติหน้าอาจจะได้เป็นโหรใหญ่มีชื่อมีเสียงกับเขาบ้างก็ได้นะ

ผมคุยให้ฟังอย่างนี้ โปรดอย่าถือสาหาความผมว่ามีความรู้แค่หางอึ่ง แต่ทำอวดเขียน “ตำราอ่านนวางศ์” ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่านวางศ์นี้เป็นเรื่องที่โหรเก่าๆ ท่านเก็บไว้ลึกลับนัก

เมื่อท่านไม่เผยแพร่ออกมาผมก็ต้องคิดเอง คิดได้มายังงี้ใครเห็นด้วยก็เอา ไม่เห็นด้วยก็ไม่ว่าอะไร

แต่โปรดอย่านึกว่านี่เป็น “ตำรา” นะ ไม่ใช่ตำราแน่นอน เป็นแค่เพียงความรู้ที่คิดได้ก็ถ่ายทอดออกมาให้พิจารณากันเท่านั้น

ผมไม่อาจเอื้อมถึงกับจะเป็นนักวิชาการทางโหราศาสตร์นี่หรอก สาบานก็ได้

ผมต้องการเพียงแค่นี้จริงๆ

เอาละ, ต่อไปนี้คือวิธี “เล่น” นวางศ์ของผม กรุณาติดตามต่อไป

 

วิธีถอดนวางศ์

 

เรารู้กันมาแล้วว่า หนึ่งนวางศ์นั้นเท่ากับสามองศายี่สิบลิปดา ฉะนั้นเราจึงต้องหาสมผุสของลัคนาและของดาวทุกดวงเสียก่อนว่า แต่ละดวงนั้นมีสมผุสกี่องศากี่ลิปดา แต่วิธีหาองศาลิปดาที่ถูกต้องนั้น จะต้องหาให้ถึง เวลาเกิด ของเจ้าชาตานั้น ไม่ใช่ดูเอาตามตัวเลขที่ปรากฏอยู่ในปฏิทิน

หมายความว่า เราต้องรู้ว่าตัวเลขที่ปรากฏอยู่ในปฏิทินโหรนั้น เป็นตัวเลขสมผุสของเวลา 24.00 น. ซึ่งอาจไม่ใช่เวลาเกิดของเจ้าชาตา เว้นแต่เจ้าชาตานั้นจะเกิดในเวลาสองยามตรงนั่นแหละจึงจะใช้ตัวเลขในปฏิทินได้

แต่ถ้าเกิดในเวลาอื่นแล้ว จะต้องนับเพิ่มเวลาที่เกิดนั้นออกไปอีกตามความเป็นจริง เช่น ถ้าเกิดในเวลา 12.00 น. ก็ต้องเพิ่มองศาอีก 12 ชั่วโมง เพื่อให้ครบถ้วนตามกำหนด ก็จะได้สมผุสองศาที่แท้จริงของนวางศ์นั้นๆ

วิธีหาสมผุสให้ถึงเวลาเกิดนั้น กระทำได้ดังนี้

ขั้นแรกก็ต้องรู้เสียก่อนว่า ดาวแต่ละดวงนั้นเดินหรือโคจรในวันหนึ่งๆ ได้องศากี่องศา วิธีหาก็คือ เปิดปฏิทินดูว่า องศาของดาวที่ประสงค์ในวันเกิดของเขานั้นมีอยู่เท่าใด แล้วตรวจดูใน วันก่อน หรือวันวานของวันนั้นอีกด้วยว่า มีองศาเท่าใด

เอาจำนวนองศาของวันเกิดตั้ง แล้วเอาจำนวนองศาของวันวานมาลบ (ในกรณีที่ดาวเดินหน้าปกติ) ได้ลัพธ์เท่าใด นั่นคือ ผลต่าง ซึ่งหมายถึงจำนวนองศาลิปดาที่ดาวนั้นโคจรใน 1 วัน (หรือ 24 ชั่วโมง)

นำผลลัพธ์ 24 ชั่วโมงนั้นมาแตกเป็นลิปดา (เพื่อให้ง่ายในการคำนวณ) ได้เท่าใดเอา 24 หาร ลัพธ์ที่ได้คือจำนวนลิปดาที่ดาวนั้นเดินใน 1 ช.ม.

ดูว่าเวลาเกิดของเจ้าชาตานั้นเกิดเกินสองยามไปกี่ชั่วโมง เอาจำนวนที่เกินนั้นไปคูณกับจำนวนลิปดาที่ได้ 1 ช.ม.นั้น เราก็จะได้จำนวนลิปดาอีกจำนวนหนึ่ง เอาลิปดาจำนวนนี้ไปบวกกับ สมผุสองศา ที่ได้จากปฏิทินในวันก่อนวันเกิดของเจ้าชาตา (เช่น เจ้าชาตาเกิดวันที่ 2 ให้บวกกับสมผุสในปฏิทินของวันที่ 1 เป็นต้น) ลัพธ์ที่ได้คือสมผุสที่ตรงกับเวลาเกิดของเจ้าชาตาอย่างแท้จริง แล้วนำสมผุสนี้หาว่าดาวนั้นจะตกอยู่ในนวางศ์ใด ทำอย่างนี้ทุกดาว

เมื่อได้สมผุสเป็นที่แน่นอนแล้ว เราก็จะได้ “ดวง นวางศ์” ขึ้นมาอีกดวงหนึ่ง

 

แต่ไม่ได้เอาดวงนี้มาพยากรณ์เหมือนอย่างที่บางคนเขาใช้กันหรอก ผมไม่เห็นด้วยที่จะนำเอาดวงนวางศ์จักรมาใช้พยากรณ์เหมือนกับดวงราศีจักร

ผมถือว่า ดวงนวางศ์จักรเป็นเพียง “ตัวประกอบ” เท่านั้น ดวงราศีจักรต่างหากที่เป็น “พระเอก” เพราะดวงราศีจักรนั้นจะต้อง “ออกหน้า” ส่วนดวงนวางศ์จักรนั้นเป็นเพียง “เบื้องหลัง” หรือเป็นแค่หลังฉากเท่านั้นเอง หรืออย่างมากก็ให้เป็น “ผู้ช่วยพระเอก” คือเป็น “พระรอง” ก็ได้

คือใช้อ่านรองลงมาจากการอ่านดวงราศีจักรนั่นเอง โดยใช้ดวง “ราศีจักร” เป็นตัวหลัก

เช่นดวงตัวอย่างที่นำมาให้ดูนี้

 

เมื่อผูกดวงชาตาสมมติขึ้นมาดังรูปที่เห็นนี้ และหาสมผุสดาวตามวิธีการถอดดาวเข้าสู่นวางศ์แล้ว เราก็จะได้ดวงนวางศ์จักรอีกดวงหนึ่งดังนี้

 

เราเอาดวงนวางศ์จักรมาทำไม? ดวงนวางศ์จักรมีประโยชน์อะไร?

นอกจากการที่เราจะรู้จักแก่นแท้ของดาวว่าดีเด่นสมจริง (ตามดวงราศีจักร) หรือไม่แล้ว เรายังมีประโยชน์ในการที่จะได้รู้ว่า ดาวในดวงนวางศ์จักรนั้นจะให้ผลลัพธ์กับหน้าที่ของเขาในดวงราศีจักรแค่ไหน

และนี่แหละที่เป็น “ไม้เด็ดเคล็ดลับ” ของเกจิอาจารย์ทั้งหลายที่ท่านไม่ยอมบอกให้ใครรู้

และทำให้ผมต้องมานั่งคิดนั่งค้นเอาเอง จนออกมาเป็นสูตร (สำหรับผม) ดังที่จะกล่าวให้ฟังต่อไป ซึ่งใครจะเห็นด้วยหรือไม่ก็แล้วแต่เถอะ ผมใช้ของผมมาแบบนี้นับสิบๆ ปีแล้ว

และขอยืนยันว่า เป็นการใช้ที่ได้ผลดี ถูกต้องแม่นยำไม่น้อยกว่า 75% อีกด้วย และผมไม่กลัวที่จะถูกกล่าวหาว่าเป็นคน “นอกครู” จากเหตุผลที่ได้กล่าวไว้แล้ว

 

วิธี “อ่าน” ดาวในนวางศ์

 

ตามวิธีของผม ก่อนจะอ่านดาวในดวงนวางศ์นั้น เราจะต้องอ่านจากดวงราศีจักรให้แน่นอนเสียก่อนว่า ดาวในดวงราศีจักรของเขาเป็นอย่างไร มีคุณภาพแค่ไหน เข้มแข็งหรืออ่อนแออย่างไร การอ่านนั้นจะจับเอามาดูทีละดาวก็ได้

เช่นในดวงตัวอย่างนี้ ดาวอาทิตย์เป็นอุจจ์ สูงส่งและเข้มแข็งมาก ก็ดูอีกว่าดาวอาทิตย์ทำหน้าที่อะไรในดวงราศีจักร

ปรากฏว่าดาวอาทิตย์ทำหน้าที่ ลาภะ ซึ่งหมายถึงผลประโยชน์และลาภสักการต่างๆ เมื่อเป็นอุจจ์ก็หมายถึงว่า เจ้าชาตานี้จะมีลาภผลที่โอ่อ่าใหญ่โตยิ่ง

ดาวอาทิตย์สถิตอยู่ในภพ ปัตนิ ซึ่งแปลว่า การร่วม ความหมายก็คือ เขาจะได้รับความร่วมมือในการหาลาภผลเป็นอย่างดีนั่นเอง และเมื่อตามดาวอังคารซึ่งเป็นเจ้าเรือนราศีเมษที่ดาวอาทิตย์สถิตอยู่ ก็ได้ผลว่าดาวอังคารมาสถิตที่ราศีมิถุนภพ ศุภะ ก็เป็นการเพิ่มความหมายขึ้นมาอีกว่า ลาภผลที่ได้มานั้นจะสร้างความเจริญงอกงามให้กับเจ้าชาตาอย่างดียิ่ง

นี่เป็นการอ่านกันอย่างง่ายๆ อ่านอย่างกำปั้นทุบดิน และอ่านที่ดาวอาทิตย์ดวงเดียว

ทีนี้เราก็มาดูดาวอาทิตย์ในดวงนวางศ์ของเขาบ้าง ปรากฏว่าอาทิตย์ได้นวางศ์พุธที่ราศีมิถุน ได้มาตรฐานราชาโชค จัดว่าอาทิตย์ไม่เสียแน่นอน นอกจากไม่เสียแล้วยังจะหมายถึงความรุ่งเรืองของเจ้าชาตาด้วย เพราะอะไร?

เพราะอะไรล่ะ? …อยากรู้ใช่ไหมครับ ก็ต้องติดตามกันต่อฉบับหน้านะครับ