ทวีปที่สาบสูญ : หรือความรักของฉัน ก็จะเหมือนความรักของแม่

“ยังจะถามอีก” เสียงแผ่วๆ กรอกหู “นี่ไม่ใช่สิ่งที่อยากได้หรือคะ?”

คงไม่แปลกหรอกใช่ไหม ถ้าฉันจะหอบหายใจแรง หลับตาแล้วลืมตา ต้องพยายามเพ่งมองไปบนฝ้าเพดาน เพื่อให้พ้นจากใบหน้ายั่วยิ้มนั่น

“เดี๋ยวพี่เปิดเพลงด้วยดีกว่า”

ร่างเล็กผละออกชั่วครู่ ฉันจะรีบลุกขึ้น แต่จอมฝันกลับมาอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงจากวิทยุกังวาน

…จูบลมหลงชมแต่เพียงเงา (1)

สุดแสนโศกเศร้าเปลี่ยวใจให้เหงาอารมณ์

เศร้าใจ เหลียวไปด้วยใจใคร่ชม

ไขว่คว้าลมลม เฝ้าโลมภิรมย์เงาเจ้า

ได้กอดยอดขวัญรัญจวน ในความฝันชวนให้เศร้า

รักเพียงลมชมแต่เงา หลงมัวเมาจนเศร้าใจ

จูบลม หลงชมแต่เงาไป

อ้างว้างห่างไกล คร่ำครวญฤทัยรอนรอน…

“ดูซิ เพลงยังเป็นใจ”

…จูบลม ระทมข่มอาวรณ์

พรากรักจากจรได้แต่สะท้อนอารมณ์

อกเอย ขอเพียงได้เชยได้ชม

ใฝ่ฝันลมลม ตื่นขึ้นระทมตรมใจ…

“น้องอยากให้เป็นแค่ฝันหรือเปล่าล่ะ” เสียงของจอมฝันกระซิบข้างหูอีกหน

“มะ…ไม่รู้”

“งั้นพี่ขอได้มั้ย”

“…ขออะไร”

มีคำพูดเข้ามาอีกประโยคหนึ่ง ฉันแทบสะดุ้ง เหมือนมีใครรัวกลองอยู่ในหัวอก

 

[…ฉันต้อยตามเสียงกลองซึ่งดังอย่างลับเร้นเป็นจังหวะเร้าใจ จากความมืด สุมทุมพุ่มไม้ ไปเร็วขึ้น เร็วขึ้น จนถึงแสงไฟที่สาดส่องทั่วบริเวณ บางเสี้ยวของกระจกหน้าพระวิหารต้องแสงดาว กระทบตา

“สมัยนั้นแม่เป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่ไม่ยอมเป็นช่างฟ้อน”

กลองรัวกระชั้น เสียงโห่ฮิ้วสนุกสนาน แกมการหัวเราะของหมู่คนหนุ่มล้อมวงตีกลองยาว ผู้หญิงหลายคนเอียงอาย เพราะรู้ว่าถึงเวลาต้องย่ำวนเข้าในวงล้อมผู้ชาย

ตอนนั้นเขากำลังสนุกกับการพลิกแพลงใหม่ๆ มีการต่อตัวสองชั้นสามชั้น คนเฒ่าคนแก่พากันไปดูทุกคืน ไฟฟ้ายังไม่มีนะ ต้องจุดตะเกียงน้ำมันก๊าดเดินไปกันเป็นเส้นเป็นสาย”

“แม่ล่ะ”

“แม่ไปกับยาย ตอนนั้นยายเพิ่งเป็นหม้ายรอบใหม่ แต่ชอบนักละ ความบันเทิงแบบนั้น”

แม่ผมยาวถึงกลางหลัง สระด้วยมะกรูด มะเฟือง ตามแต่ฤดูกาล นุ่งผ้าซิ่นเหมือนคนอื่นๆ เสื้อแขนกระบอกสีพื้น หิ้วโคมตะเกียงตีหน้าบอกบุญไม่รับ

“ดูอะไรกันนักหนา ก็แค่ฟ้อนกลองยาว”

“มันม่วน” ยายตอบเป็นถ้อยพื้นถิ่น “กลางค่ำกลางคืนนอนอยู่บ้านเฉยๆ ไปเปิดหูเปิดตา เก็บความรู้ใส่ตัว”

“จะรู้อะไรได้” แม่ว่า “มีแต่ช่างฟ้อน ช่างกลอง กับพระเณรน่ารำคาญ”

ฉันหัวเราะ…เมื่อฟังคำเล่าของแม่

“แม่รำคาญพระเณรด้วยเหรอ คนอื่นเค้ามีแต่เคารพนับถือ”

“ก็ถ้าเป็นประเภทพระเณรส่องตาหาแม่ญิง ไม่น่ารำคาญหรือไง” แม่ตอบ]

 

จอมฝันป่ายมือเข้ามาหาซอกขาของฉัน เจ้าหล่อนทำอย่างนั้น ทั้งที่ตอนแรกนึกว่าจะหยุดแค่กระดุมเสื้อเสียอีก

กางเกงคับแน่น แต่ความแข็งแรงของท่อนแขนกับวิธีบังคับ…จอมฝันทำอย่างไรไม่รู้ได้ ฉันรู้สึกตัวอีกครั้ง ผ้าอีกชิ้นก็หลุดจากตัวไป

[“…แม่ก็ต้องไปกับยายทุกคืน ไม่ไปก็ห่วง ขากลับค่ำๆ มืดๆ เจองูเงี้ยวเขี้ยวขอจะได้ช่วยกัน ทีนี้ มีอยู่คืนหนึ่ง แม่ไปรอยายตามปกติ”

“รอ…?”

“แม่ไม่ค่อยชอบดูการแสดงนัก จริงๆ ตอนนั้นกลัวด้วยว่าเห็นหน้ากันบ่อยๆ คนเขาจะเซ้าซี้ให้เป็นช่างฟ้อน อ้อ! สมัยนั้นที่วัดบ้านเราจะมีมะปรางใหญ่ต้นหนึ่ง เป็นมะปรางเปรี้ยว ทั้งสูงทั้งใหญ่ หลวงพ่อให้พระน้อยทำม้านั่งไว้รอบต้น แม่ก็จะถือตะเกียงไปนั่งรออยู่ตรงนั้น…

“คืนนั้นแม่รอยายตามปกติ ก็มีคนเดินเข้ามา….”]

 

“ชอบมั้ย…”

จอมฝันเสียงพร่า และฉันยิ่งรู้สึกมากกว่า

ฉัน…จะต้องพลิกตัวออก แต่ยิ่งดิ้นรนกลับเหมือนอีกฝ่ายจะเพิ่มความหนักหน่วงเท่าทวี และในที่สุดฉันก็ไม่อาจจะขัดขืนอะไรได้

“บอกแล้วว่าให้นิ่งๆ”

ปากร้อนผ่าวนาบเข้ามา ฉันสะดุ้ง สองมือจิกลงบนเส้นผมเรียบลื่นดังเส้นไหม ผมสั้น…จนแทบจะคว้าไม่ได้ แต่คงไม่อาจจะวางมือไว้ที่อื่น

 

[“อุ้ย!”

แม่อุทาน รีบผุดลุก แต่ก่อนเปล่งเสียง ก็มีมือยื่นมาจับข้อแขน

“…เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป”

แม่อ้าปากค้าง ยิ่งมองมือที่จับข้อแขนไว้มั่น สมัยนั้น การแตะเนื้อต้องตัวระหว่างชายหญิงถือเป็นการผิดผีอย่างยิ่งใหญ่ แต่เมื่อร่างสูงนั้นเคลื่อนจากเงามืด เห็นหน้าตาชัดขึ้น จึงค่อยระบายลมหายใจ

“นึกว่าใคร เกือบโดนด่าแล้วไหมล่ะ”

แม่สลัดมือออก คนคนนั้นกลับยิ้มพราย

“นึกอยู่ว่าจะมาที่นี่หรือเปล่า”

“ทำไม ฉันจะมาไม่มาไม่เห็นแปลก คุณสิ มาทำไมบ้านนอกบ้านนา”

เสียงหัวเราะขบขัน

“อ้าว แล้วทำไมจะมาไม่ได้” เสียงเรียกชื่อแม่อย่างรู้จักกันดี “รู้ไหม กว่าจะหาหมู่บ้านเจอ นั่งรถตั้งสามสี่ชั่วโมง มาถึงก็มืดค่ำ…ช่างมันเถอะ ไม่อยากรู้บ้างหรือ พี่มาทำไม”

“เรื่องของคุณ”

เสียงเรียกชื่อแม่อีกครั้ง

“ไม่กลับไปทำงานอีกแล้วหรือ…คิดถึง”

แม่ชะงักค้าง…ไม่เคยเลย จะเคยยินเสียงที่ทอดเอื้ออ่อนเพียงนั้น เสียงกลองยังดังเป็นจังหวะ เหมือนจะดึงเอาหัวใจให้เต้นตามด้วย แก้มร้อนซู่

“พูดออกมาได้ ระวังเถอะ ขึดบ้านขึดเมือง”

“พี่ไม่ใช่คนทางนี้นี่…เดี๋ยว!”

“โกรธอะไรพี่หรือ จู่ๆ ก็เลิกทำงานกลับมาบ้าน”

“คนอะไรหลงตัวเอง!” แม่สลัดมือออก “ฉันจะทำหรือไม่ทำอะไร เกี่ยวอะไรกับคุณ!”]

 

เกือบหายใจไม่ทันอีกแล้ว ฉันต้องรีบพยายามสลัดตัวออกจากพันธนาการ แต่กว่าจอมฝันจะเงยหน้าขึ้น และกระถดตัวกลับมาจ้องหน้า

“…น้องทำให้พี่บ้างสิ”

ฉันควรจะทำหน้ายังไง

“…พะ พี่”

“น้องไม่รู้วิธีจริงหรือ…เอาสิ…เอาพี่”

ฉันต้องตายดับลงแน่ๆ กับคำพูดแบบนั้น และเป็นมีดคมๆ อีกเถี่ยนที่จะตัดทุกความยับยั้งชั่งใจ

ได้สิ…ได้

ฉันต้องพลิกตัวขึ้นอย่างรวดเร็วบ้าง ด้วยตั้งใจในตอนนั้นว่า จะต้องทำให้ผู้หญิงคนนี้มีความรู้สึก…เท่าๆ กับฉัน

 

[“…แม่คะ” แต่ฉันยังสงสัยไม่วาย

“…คนคนนั้น ผู้ชายหรือผู้หญิงคะ?”

 

“ดีค่ะ ดี! น้องทำดีมากค่ะ!”

จอมฝันเริ่มเสียงสูงขึ้นเป็นช่วงๆ ก่อนจะหายใจเสียงดัง แอ่นหลังยกขึ้น เช่นเดียวกับสะโพกกลมกลึงแน่นหนั่น

“ระ…เร็วขึ้นเลยค่ะ น้อง! เร็วๆ!”

ฉันจะใช้ทุกส่วนของร่างกายฉัน เพื่อมอบความสุขให้กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งเช่นกัน

ฉันจะไม่มีวันต้องรู้สึกผิดอะไร

[คนคนนั้นของแม่ ก็เป็นผู้หญิงใช่มั้ย…

แม่คะ ใช่มั้ย]

 

“น้า! ได้หมากฝรั่งแล้ว!!”

เสียงตะโกนดังจากหน้าประตู ตามด้วยการเคาะถี่ๆ

จอมฝันผุดลุกขึ้น ตายังมองฉันอยู่ ด้วยรอยยิ้มสีน้ำผึ้งเช่นนั้น

ฉันกะพริบตา…ทั้งหมดนั้นล้วนแต่เป็นเพียงความฝัน มีเพียงประโยคเดียวที่จอมฝันพูดกับฉัน

…มาเพราะคิดถึงพี่ใช่หรือเปล่า…

เท่านั้นเอง ที่ทำให้ฉันเกิดภาพจินตนาการมากมายในหัว…คิดไปเป็นตุเป็นตะว่าเหตุการณ์ต่อไปข้างหน้าจะเป็นยังไง

ทั้งที่ในความจริง เป็นเวลาเพียงไม่กี่นาที ที่ร่างกายแสนอุ่นของผู้หญิงผมสั้นแนบชิดกับร่างกายของฉัน เราใกล้กันสุดเท่านั้น

เท่านั้น…

หรือความรักของฉัน ก็จะเหมือนความรักของแม่

[แม่

คนที่แม่รัก คือผู้หญิงใช่มั้ย]

————————————————————————————————————————–
(1) เพลง จูบลมชมเงา, สุนทราภรณ์ ขับร้อง, แก้ว อัจฉริยะกุล คำร้อง, เอื้อ สุนทรสนาน ทำนอง