เกิดคำถาม ? โพลหนุน-แห่เชียร์! “บิ๊กตู่”

เมื่อผลสำรวจของ “สวนดุสิตโพล” ล่าสุดออกมาว่า ผู้ที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้งมากที่สุดมากถึงร้อยละ 24.72 คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เหนือกว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ร้อยละ 17.57 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ได้ร้อยละ 16.53 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ได้ร้อยละ 14.63 นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งได้ร้อยละ 13.50

ซึ่งก็เหมือนกับการสำรวจหลายครั้งที่ผ่าน หรือถ้าจะว่าไปแทบจะไปในทางเดียวกันของทุกสำนัก

เพียงแต่ก่อนหน้านั้นผลโพลที่ออกมาในแบบนี้ จะถูกตั้งคำถามจากคนในวงการต่างๆ โดยเฉพาะแวดวงการเมือง เป็นผลโพลที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในคุณภาพของการทำโพล

แต่ครั้งนี้ไม่เป็นเช่นนั้น คนแทบจะทุกวงการ โดยเฉพาะนักการเมือง ยิ่งเน้นไปในกลุ่มพรรคเพื่อไทย ซึ่งยืนอยู่ตรงกันข้ามกับ พล.อ.ประยุทธ์ยิ่งชัดว่า “ส่งเสียงเชียร์โพลที่ออกมาเช่นนี้แบบเต็มเสียง”

แทบไม่มีใครบ่นถึงความน่าเชื่อถือของโพลอีกแล้ว

ที่เป็นเช่นนี้ เพราะทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะนักการเมือง ยังมีความรู้สึกไม่แน่ใจว่า “การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นหรือไม่”

แม้ว่าล่าสุดผู้มีอำนาจจะกำหนดชัดว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 หมายถึงอีกประมาณ 6 เดือนหลังจากนี้ และดูว่าจะยอมรับร่วมกันว่าประเทศจำเป็นต้องมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

ทว่าแม้จะตระหนักเช่นนี้ กลับไม่มีใครเชื่อมั่นว่า “24 กุมภาพันธ์ 2562” จะได้เลือกตั้งจริง แม้ไม่มีสัญญาณว่าจะเลื่อนออกไปอีกเหมือนที่เคยเป็นมาหลายครั้งแม้จะประกาศกันเป็นมั่นเป็นเหมาะ

ภาพของ “ความเชื่อไม่ได้” ยังกินพื้นที่ความรู้สึกนึกคิดของประชาชนอยู่ค่อนข้างสูง

ที่เป็นเช่นนี้เพราะเกือบทุกคนแทบจะเชื่อไปในทางเดียวกันว่า หากสถานการณ์ทั้งหลายยังไม่ทำให้มั่นใจได้ว่า “พล.อ.ประยุทธ์” จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอย่างลอยลำ

การเลือกตั้งจะยังไม่เกิด จนกว่าจะทำให้เกิดความมั่นใจเต็มร้อยว่าจะ “ไม่เสียของ”

ด้วยเหตุนี้เอง ทุกคนต่างที่จะพยายามแสดงออกไปในทางเดียวกันคือ “เชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปหลังการเลือกตั้ง” อย่างน้อยเพื่อปลุกขวัญและกำลังใจให้ พล.อ.ประยุทธ์มีความเชื่อมั่นในตัวเอง

เพราะการทำให้ “คสช.” มีความมั่นใจว่าจะครองอำนาจต่อไปเท่านั้นที่จะเป็นทางออกให้ “ผู้มีอำนาจ” กล้าพอที่จะจัดให้มีการเลือกตั้ง

เพราะความคิดเช่นนี้ทำให้ท่าทีต่อผลโพลเปลี่ยนไป ทุกคนดีอกดีใจ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์มีความมั่นใจ จนปล่อยให้มีการเลือกตั้งไปตามครรลองที่ควรจะเป็น ไม่ยื้อยุดให้ยืดออกไปเพราะห่วงว่าผลการเลือกตั้งจะไม่เป็นอย่างที่คิด

ทุกคนทุกฝ่ายต่างยอมที่จะวางความต้องการให้มีกลไกที่จะควบคุมให้การเลือกตั้งมีความยุติธรรม มีสิทธิที่เท่าเทียมกันในการแสวงหาความนิยมจากประชาชน มาเป็นควรจะทำอะไรก็ทำไป แม้ว่าจะรู้สึกว่าฝ่ายหนึ่งมุ่งเอาเปรียบคนอื่นอย่างไม่มีความละอาย ก็ยังยอมให้เป็นไป

คงไม่ใช่เรื่องของความมั่นใจว่าสามารถสู้ได้กับพรรคที่ใช้อำนาจหาคะแนนจากประชาชนมีความได้เปรียบเท่านั้น แม้ไม่มีความมั่นใจ หรือกระทั่งเชื่อว่าฝ่ายผู้มีอำนาจจะสามารถสืบทอดอาจต่อไปได้ ด้วยองค์ประกอบทุกด้านเอื้อความได้เปรียบทุกประตูก็ตาม ก็ยังต้องการให้มีการเลือกตั้ง

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอุดมการณ์อะไร แต่ถึงที่สุดแล้วนับวันทุกฝ่ายจะยิ่งตระหนักว่า “เลือกตั้ง” เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

เพราะหลังจากนั้นไม่ว่าจะใช้อำนาจมากมายแค่ไหน ก็ยังต้องเป็น “รัฐบาล” ที่อยู่ในการควบคุมของรัฐสภา ที่มีผู้แทนประชาชนเข้าไปทำหน้าที่ ซึ่งถึงอย่างไรย่อมมีประสิทธิภาพมากกว่า “สภาฝักถั่ว” ที่ยกมือโหวตตามโพยคำสั่งที่ได้รับ

ไม่ว่าจะได้รัฐบาลอย่างไร และโครงสร้างอำนาจตามกติกาใหม่จะห่างไกลประชาธิปไตยแค่ไหน

แต่ที่สุดแล้ว หลังเลือกตั้ง ก็ยังดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน