อะไร(แม่ง)ก็เป็นศิลปะ : Parallel ช่องว่างระหว่างเส้นขนาน ของศิลปะรูปธรรมและนามธรรม ที่ใกล้ชิดกันจนแยกไม่ออก

ภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์

เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมามีโอกาสได้ไปดูนิทรรศการศิลปะในหอศิลป์แห่งใหม่มา เราเห็นว่าน่าสนใจเลยหยิบยกเอามาเล่าสู่ให้อ่านกันตามเคย

นิทรรศการนั้นมีชื่อว่า

Parallel หรือในชื่อภาษาไทยว่า คู่ขนาน

เป็นนิทรรศการแสดงเดี่ยวของปิติเกษม นิลวงศ์ ศิลปินไทยที่อาศัยและทำงานที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ปี 2005 จนถึงปัจจุบัน

เดิมทีเขาเกิดที่กรุงเทพฯ และเข้าเรียนที่วิทยาลัยช่างศิลป และคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในระดับปริญญาตรี

ต่อมาเขาเข้าเรียนระดับปริญญาตรีในสาขา Fine Art ที่ Manchester School of Art ก่อนจะเรียนต่อจนจบปริญญาโทในสาขาเดียวกันที่นั่น

ในช่วงที่อาศัยอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เขาประกอบอาชีพมาแล้วหลายรูปแบบ ตั้งแต่เป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหาร, คนขับแท็กซี่ ไปจนถึงเป็นพ่อค้าวัตถุโบราณในย่านเบย์สวอเตอร์ (Bayswater) กรุงลอนดอน

ผลงานศิลปะของปิติเกษมได้รับแรงบันดาลใจมาจากความทรงจำก่อนเดินทางไปใช้ชีวิตในต่างแดน

เขาสนใจผลงานจิตรกรรมทั้งในแบบร่วมสมัยและแบบโบราณ

โดยนำกลวิธีจากสองยุคสมัยมาผสมผสานกับเทคนิคการวาดภาพ

เขาพัฒนารูปแบบและเทคนิคการวาดที่ได้แรงบันดาลใจจากการใช้สีแบบโบราณที่มีลักษณะเฉพาะ ซึ่งสีที่เขาใช้วาดภาพนั้นเกิดจากการผสมกันของแม่สีเพียง 3 สีเท่านั้น

“เรื่องของเรื่องก็คือ สมัยจบใหม่ๆ ผมไปอยู่อิตาลี ไปช่วยเพื่อนผมทำงานประติมากรรมดินเผารูปพระเยซู แม่พระ นักบุญ แล้วก็ทำงานวาดภาพไปด้วย มีอยู่วันหนึ่งสีหมด ร้านก็ปิด ก็คิดว่าจะทำยังไงดี เพื่อนผมก็บอกว่า ผสมเอาเองเลย แม่สีพื้นฐานก็ใช้ได้แล้ว ไม่ต้องไปซื้อหรอก ตั้งแต่นั้นมาผมก็เลยใช้แค่สามสีผสมไล่เฉดในการวาดภาพ”

งานหลายชิ้นของปิติเกษมเกิดจากความพยายามตัดทอนความทรงจำและเรื่องราวรอบตัวเพื่อสร้างบริบทใหม่ ไม่ว่าจะเป็นภาพจากปกนิตยสาร, โปสเตอร์โฆษณาเก่ากรุ และหนังสารคดีเก่าๆ

ผลงานของเขาเป็นการหลอมรวมของธรรมชาติของงานจิตรกรรม ระนาบและความลึกของทัศนียภาพลวงตา และพื้นที่ของการต่อรองระหว่างวัฒนธรรมการจ้องมอง และความทรงจำส่วนตัวของศิลปิน

สิ่งที่น่าสนใจในงานของเขาอีกประการก็คือ โดยปกติแล้วศิลปินที่ทำงานในแนวรูปลักษณ์ที่เป็นรูปธรรม (Figurative Painting) มักจะไม่ทำงานวาดภาพแบบนามธรรม (Abstract Painting) หรือศิลปินที่ทำงานแนวนามธรรมก็จะไม่ทำงานแบบรูปธรรม แต่ปิติเกษมกลับทำงานในทั้งสองรูปแบบ

ไม่ว่าจะเป็นภาพรูปลักษณ์ของคน, สัตว์, สิ่งของ หรือสถานที่ที่ดูคล้ายกับภาพจากสารคดีข่าวสงคราม หรือภาพนิ่งจากหนังฮอลลีวู้ด โดยมีจุดเด่นคือการใส่ถ้อยคำหรือประโยคที่แฝงความหมายต่างๆ ลงไปบนภาพเหล่านั้น

อย่างเช่น ในภาพวาดภาพหนึ่งของเขา ที่เป็นรูปทหารถือปืนยาวโบราณกำลังล้มลงบนพื้นที่ที่ดูแห้งแล้งกันดาร

บนภาพมีคำว่า LIFE ซึ่งผู้ชมจะตีความว่าเป็นหัวหนังสือของนิตยสาร LIFE หรือหมายความถึง “ชีวิต” ก็ได้

“ผลงานชุดนี้ผมทำขึ้นเมื่อสองปีที่แล้ว หลังจากที่ผมหยุดวาดภาพไปแล้วกลับมาวาดใหม่ ผมก็เริ่มโดยการกลับมาวาดภาพแบบ Figurative โดยได้แบบมาจากภาพที่เราเก็บรวบรวมมาจากนิตยสาร, โปสเตอร์เก่าๆ หรือจากหนังสารคดี เราก็เอามาแปลเป็นภาษาจิตรกรรม ซึ่งบางภาพมันก็จะมีความเป็นกวีซ่อนอยู่ ก็แล้วแต่ว่าคนจะรู้สึกถึงมันได้หรือเปล่า”

หรือในผลงานภาพวาดรูปปั้นที่ดูคล้ายกับอนุสาวรีย์ของนักบุญในศาสนาคริสต์ที่มีอีกากำลังบินมาเกาะมือ ซึ่งให้อารมณ์หดหู่สิ้นหวังราวกับจะเป็นลางบอกเหตุร้ายอะไรบางอย่าง

“ภาพวาดนี้มีที่มาจากการที่ครั้งหนึ่งผมกลับไปดูหนังสารคดีสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่นาซีเยอรมนีโดนทิ้งระเบิดโดยสัมพันธมิตร รูปปั้นนี้ตั้งอยู่บนโบสถ์เยซูอิดในเมืองเดรสเดิน ซึ่งเป็นเมืองแห่งศิลปะยุคบาโร้กที่ทรงคุณค่ามากของเยอรมนี ในเวลานั้น วินสตัน เชอร์ชิล นายกรัฐมนตรีอังกฤษสั่งให้ทิ้งระเบิดใส่เมืองในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ อุณหภูมิของระเบิดสูงถึงกว่าหมื่นฟาเรนไฮต์ ทำให้คนตายหมดทั้งเมือง มีแต่รูปปั้นนี้เหลือรอดอยู่ สำหรับผม การทิ้งระเบิดในวันแห่งความรักมันเป็นอะไรที่ย้อนแย้งสิ้นดี ผมเลยหยิบเอาวาทะของเชอร์ชิลมาใช้เป็นอุปมาอุปไมยเสียดเย้ยเกี่ยวกับการเริ่มต้นและการสิ้นสุดของเหตุการณ์นี้”

“หรือภาพวาดตุ๊กตาที่มีตัวหนังสือ sand man เขียนอยู่ ก็มีที่มาจากหนังสารคดีเช่นกัน ที่เมื่อหลังจากโดนทิ้งระเบิด เยอรมนีก็แบ่งออกเป็นสองฝั่งการเมืองคือตะวันออกกับตะวันตก ฝั่งเสรีนิยมกับคอมมิวนิสต์ ซึ่งตัว sand man เนี่ยจะเป็นนิทานก่อนนอนเป็นแคแร็กเตอร์ยอดนิยมของฝ่ายสังคมนิยม แบบเดียวกับมิกกี้เม้าส์ของโลกเสรีนิยมนั่นแหละ”

“หรือภาพที่เป็นรูปหมีขาว ก็มีที่มาจากหนังสือเก่าชื่อ Beautiful London ประมาณ ปี 1930-1940 ด้วยความที่ผมสะสมหนังสือเก่า ซึ่งมันเยอะมากที่โน่น หาได้ตามร้านมือสอง ผมชอบหน้าปกที่มันเป็นหมีในสวนสัตว์ลอนดอน แล้วพอดีช่วงเวลาสองสามปีที่ผ่านมา ผมได้ยินคำว่า Brexit จากข่าว จากสื่อต่างๆ ทุกวัน เราก็เลยเล่นกับคำว่า Brexit กับคำว่า Bear (หมี) เป็นคำว่า Bearxit เสียเลย ซึ่งหมีตัวนี้มันอยู่ในกรงขังในสวนสัตว์มานาน มันก็คงอยาก Bearxit แหกกรงหนีออกไปน่ะนะ”

นอกจากภาพวาดแบบรูปธรรมแล้ว ผลงานของปิติเกษมก็ยังมีภาพวาดนามธรรม ที่ตรึงความรู้สึกของผู้ชมเอาไว้ด้วยเส้นสีที่เรียบง่าย แต่ในความเรียบง่ายนั้นก็แฝงความรู้สึกอันซับซ้อนและกระตุ้นความคิดอยู่ภายใน ดังเช่นในภาพวาดภาพหนึ่ง ที่ถึงจะเป็นภาพวาดนามธรรม แต่เส้นสายและองค์ประกอบก็ให้ความรู้สึกหรูหราอลังการ จนดูคล้ายกับภาพวาดบนเพดานโบสถ์ของยุโรปยังไงยังงั้น

“ผมค่อนข้างสนใจงานศิลปะที่มีความงามแบบคลาสสิค อย่างพวกงานอิตาเลียนบาโร้ก (Italian Baroque) อย่างภาพวาดภาพหนึ่ง ผมหยิบเอาโครงสร้างของงานจิตรกรรมฝาผนังแบบบาโร้กมาจับอารมณ์ความรู้สึก, รายละเอียด และบุคลิกของเขามาแปลเป็นภาษาของเราในแบบของภาพวาดนามธรรม ซึ่งมีกฎเกณฑ์ มีบุคลิกลักษณะของมันด้วยเหมือนกัน มันก็เลยเป็นภาพวาดที่ผสมผสานทั้งความรู้สึกของงานจิตรกรรมแบบบาโร้กและจิตรกรรมแบบนามธรรมเข้าไว้ด้วยกัน”

ถึงแม้ปลายของเส้นคู่ขนานระหว่างรูปธรรมและนามธรรมมักไม่อาจมาบรรจบกัน แต่ในทางกลับกัน ความเป็นรูปธรรมในงานจิตรกรรม ก็อาจมีความเป็นนามธรรมในอีกรูปแบบหนึ่งได้ และในความเป็นนามธรรม ก็อาจมีความเป็นรูปธรรมแฝงอยู่ และในผลงานของปิติเกษม ระยะห่างของช่องว่างระหว่างเส้นขนานทั้งสองเส้นนั้นช่างใกล้กันจนเราอาจจะแยกไม่ออก

“ผมรู้สึกว่า ผมสนใจในบุคลิกและธรรมชาติของงานแต่ละประเภท ทั้งบุคลิกของความเป็นรูปธรรมในงานแบบ Figurative และบุคลิกของความเป็นนามธรรมในงานแบบ Abstract”

“มันก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาว่าช่วงไหนเราอยากทำงานแบบไหนมากกว่า คือโดยประวัติของผม ผมค่อนข้างทำงานหลากหลาย ทั้งงานจิตรกรรม ประติมากรรม ศิลปะจัดวาง งานแบบ Site Specific แต่ท้ายที่สุดแล้วผมก็กลับมาทำงานจิตรกรรม เพราะผมคิดว่ามันเป็นเทคนิคที่มันซื่อสัตย์น่ะ”

นิทรรศการ Parallel จัดแสดงที่ ARTIST+FUN พื้นที่หอศิลป์ใหม่ที่ตั้งอยู่บนชั้น 3 ของอาคาร เลขที่ 11 ถนนเจริญกรุง ซอย 24 แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม ถึงวันที่ 10 กันยายน 2018

น่าเสียดายว่ากว่านิตยสารจะวางแผง นิทรรศการนี้ก็น่าจะจบลงไปแล้ว

ถ้าหากมีข่าวคราวคืบหน้าเกี่ยวกับนิทรรศการของเขาอีกเมื่อไหร่ เราจะรีบนำมาแจ้งให้ทราบโดยพลันนะครับท่านผู้อ่าน