ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14 - 20 กันยายน 2561 |
---|---|
ผู้เขียน | นพมาส แววหงส์ |
เผยแพร่ |
ภาพยนตร์ / นพมาส แววหงส์
PEPPERMINT ‘ศาลเตี้ย’
กำกับการแสดง Pierre Morel
นำแสดง Jennifer Garner John Gallagher Jr. John Ortiz Juan Pablo Raba Annie Ilenzeh Jeff Hephner Calley Fleming
หนังมีผู้อำนวยการสร้างเป็นชาวจีนและชาวฝรั่งเศส และให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังฮ่องกงและหนังฝรั่งเศสประเภทบู๊แหลกลาญ แอ๊กชั่นมันส์หยดอะไรทำนองนั้น
เฉินหลง หรือ ฌอง-คล็อด แวน แดม ลงมือเตะก้นเหล่าร้ายและคนชั่วแบบถึงพริกถึงขิง ตัวเองบอบช้ำเท่าไรไม่ว่า โดนอัดโดนมีดเชือดเนื้อเอาไม่เท่าไรก็กลับแข็งแกร่งแรงม้าเต็มสตีมได้ เนื่องจากพลังใจเกินร้อย
ไม่ว่าจะเป็นเลียม นีสัน ใน Taken
หรือ คีอานู รีฟส์ ใน John Wick
หรือ บรู๊ซ วิลลิส ใน Die Hard
ฯลฯ ฯลฯ
ชายอกสามศอกตัวโตเท่าไรก็ดาหน้าเข้ามาเถอะน่า สาวน้อยอรชรอ้อนแอ้นอย่างเจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ เธอไม่พรั่น ใช้วิชา “ข้ามาคนเดียว” ลุยเดี่ยวบุกรังแก๊งค้ายาเสพติดที่แทบจะมีเมืองทั้งเมืองอยู่ในกำมือด้วยอำนาจเงินตรา
แต่นี่เป็นหนังของเจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ แท้ๆ
เรื่องของเรื่องคือ ไรลีย์ นอร์ธ (เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์) เป็นพนักงานธนาคารซึ่งมีครอบครัวอบอุ่น อันประกอบด้วยสามีสุดที่รักและลูกสาววัยกำลังน่ารัก
เจ้านายเธอก็ช่างไร้หัวจิตหัวใจ ใช้งานเธอนอกเวลาในวันเกิดลูกสาว ซึ่งเป็นช่วงเวลาไม่กี่วันก่อนคริสต์มาส
แม่ผู้ร่ำรวยและหัวสูงของเพื่อนลูกสาวสั่งสอนไรลีย์จากการทำตัวเท่าเทียมและไม่ยอม “ลง” ให้ ด้วยการแย่งแขกที่จะมาร่วมงานวันเกิดลูกสาวไปหมด ทิ้งให้หนูน้อยโศกเศร้าเสียใจที่ไม่มีเพื่อนสักคนมาร่วมงาน
จนไรลีย์กับสามีต้องปลอบใจลูกด้วยการพาไปเที่ยวงานคาร์นิวัลลำพังสามคนพ่อ-แม่-ลูก
และนั่นคือเวลาสุดท้ายที่ไรลีย์จะได้อยู่กันพร้อมหน้ากับครอบครัวสุดที่รัก
ในพริบตาเดียว บุคคลอันเป็นที่รักยิ่งในชีวิตถูกพรากไปต่อหน้าต่อตา
ด้วยอาการบาดเจ็บจากสมองได้รับความกระทบกระเทือน เธอไม่ได้รับความยุติธรรมจากผู้พิทักษ์สันติราษฎร์และผู้รักษากฎหมาย
และนั่นเองเป็นที่มาของสาวแกร่งผู้ตั้งตนเป็น “ศาลเตี้ย” ฉวยเอาความยุติธรรมมาไว้ในมือตัวเอง
ภายในช่วงเวลาไม่กี่เดือน ไรลีย์ผันตัวเองจากคนทำงานนั่งโต๊ะในตำแหน่งพนักงานธนาคารมาเป็นผู้หญิงที่ฮึดสู้ต่อกรกับโลกทั้งโลก ไม่ว่าฝ่ายกฎหมายหรือฝ่ายอาชญากร จนทำให้ตัวเองกลายเป็นผู้ร้ายที่ตำรวจหมายหัวและตามล่าอย่างไม่ลดละ
และขณะเดียวกันก็กลายเป็นนางฟ้าแห่งการแก้แค้น ขวัญใจคนยากและคนที่ถูกรังแก ไม่ว่าโดยสังคมหรือโดยคนในครอบครัว
นั่นคือภาพที่เราเห็นในโปสเตอร์ เป็นรูปเจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ ในเสื้อแขนกุดขาว กางเกงยีนส์ธรรมดาอย่างทะมัดทะแมง ยืนก้มหน้าน้อยๆ โดยทาบกับกำแพงเบื้องหลัง เป็นกำแพงที่เขียนด้วยสีแดงสลับดำ ทำให้เห็นเสมือนว่าเธอมีปีกสยายกว้างที่กำลังบินอยู่
ชื่อ “เปปเปอร์มินต์” แทบไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องของหนังเลย นอกจากว่าเป็นไอศกรีมรสโปรดของลูกสาวนางเอก และเป็นไอศกรีมก้อนสุดท้ายที่ได้ลิ้มรส ซึ่งก็น่าจะให้ความหมายว่าทั้งหอมหวาน เย็นชื่นใจ และทั้งเผ็ดทั้งมันอยู่ในตัว
เหล่าร้ายที่ไรลีย์ต่อกรด้วยคือแก๊งยาเสพติดที่ทรงอิทธิพลในท้องถิ่น ซึ่งมีดิเอโก การ์เซีย (ฮวน ปาโบล ราบา) เป็นหัวหน้าแก๊งผู้โหดเหี้ยม
ความผิดที่ทำให้ครอบครัวของไรลีย์โดนสั่งฆ่าล้างโคตร คือความพยายามปล้นจากแก๊งค้ายานี้ โดยที่หนังสร้างความถูกต้องให้แก่ฝ่ายนางเอกยิ่งขึ้น ด้วยการที่สามีเปลี่ยนใจไม่ยอมเข้าร่วมลงมือเกือบจะในนาทีสุดท้าย ซึ่งทำให้เขาและครอบครัวพลอยถูกครอบคลุมด้วยคำสั่งฆ่าไปด้วย
เมื่อไรลีย์ชี้ตัวมือปืนสามคนที่เธอจำหน้าได้แม่นยำ ทนายความฝ่ายจำเลยและผู้พิพากษาที่รับสินบนก็ช่วยกันปล่อยให้คนชั่วหนีรอดไปได้สบายๆ
ทิ้งให้ไรลีย์คั่งแค้นแน่นอก แถมยังจะจับตัวเธอไปขังในโรงพยาบาลบ้าเสียอีก
ไรลีย์จึงต้องลุกขึ้นต่อกรกับความอยุติธรรมโดยลำพังคนเดียว
และในการนี้ ไม่เพียงแต่ตั้ง “ศาลเตี้ย” ขึ้นพิพากษาและลงโทษคนที่กระทำผิดต่อเธอเท่านั้น การแก้แค้นของเธอยังรวมไปถึงการแก้เผ็ดเรียกคืนจากธนาคารที่เคยทำงานอยู่ การสั่งสอนผู้หญิงหัวสูงที่เคยดูถูกดูแคลนและกลั่นแกล้งครอบครัวเธอ
รวมทั้งการสร้างความยุติธรรมให้แก่คนอ่อนแอที่ถูกผู้เหนือกว่ารังแก
เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ ผู้มีทรวดทรงอ้อนแอ้นอรชร เล่นบทบู๊ได้อย่างถึงพริกถึงขิง แม้จะบอบช้ำบาดเจ็บแค่ไหน แต่เธอก็กลับฮึดลุกขึ้นใหม่ได้ทุกครั้ง โดยเฉพาะด้วยกำลังใจที่ได้จากลูกสาว “เปปเปอร์มินต์” ที่คอยปลุกปลอบประโลมใจให้
นี่เราคงไม่ต้องพูดถึงความสมจริงใดๆ เลย ถึงแม้ไรลีย์จะไม่ได้รับการฝึกอบรมมาให้เป็นนักฆ่าและนักวางแผนจากหน่วยงานใดๆ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเธอถึงได้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธหนัก-เบาทุกชนิด แถมสามารถสะสมและสร้างคลังอาวุธได้ในช่วงเวลาแสนสั้น
ทำไมผู้หญิงตัวเล็กๆ อ้อนแอ้นคนนี้จึงได้เก่งกาจฉกาจฉกรรจ์ขนาดนี้
สิ่งเดียวที่เป็นแรงจูงใจที่หนังใช้อธิบายอะไรต่อมิอะไรทั้งหลายทั้งปวงคือ “แรงแค้น” อย่างเดียวล้วนๆ
เช่นเดียวกับหนังในกระแสที่ต้องการกระจายไปฉายทั่วโลก หนังเรื่องนี้ใช้นักแสดงจากหลากหลายเชื้อชาติ ไม่ว่าผิวขาว ผิวดำ ผิวเหลือง เลือดผสม ชาวละติน ฯลฯ
เดี๋ยวนี้การตีตรา หรือ stereotype สำหรับภาพลักษณ์ของเชื้อชาติชนชาติเริ่มหมดไปแล้ว เราจึงเดาไม่ถูกว่าใครเป็นฝ่ายดี ใครเป็นฝ่ายชั่ว
และหนังก็มีจุดหักเหบิดผันเล็กๆ ในช่วงหลังด้วย
แถมตอนจบยังทิ้งเรื่องไว้เผื่อจะมีการสร้างภาคต่อไปสำหรับนางเอกบู๊ล้างผลาญประเภทเตะก้นชายอกสามศอกอย่างไม่พรั่น โดยอาศัยความถูกต้องของการตั้งตนเป็น “ศาลเตี้ย” คอยปกปักรักษาสร้างความยุติธรรมแก่คนยากไร้ คนอ่อนแอ และคนด้อยโอกาส…
…ในโลกที่อำนาจเงินตราส่งเสียงดังก้องฟ้า กลบเสียงแผ่วเบาของการพิทักษ์สันติราษฎร์และการผดุงความยุติธรรม อย่างที่คนตัวเล็กๆ ในสังคมไม่สามารถหันหน้าไปพึ่งพาได้…
…สงสัยว่าวัฒนธรรมมวลชนในภาพยนตร์กระแสจะยังต้องพึ่งพาสาวแกร่ง “ไรลีย์ นอร์ธ” คนนี้คอยยืนผงาดในฐานะนักต่อสู้บู๊ล้างผลาญในฐานะ “นางฟ้าสำหรับคนยากไร้”…
คอยเฝ้าระวังเรียกคืนความยุติธรรมให้แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม…
…ในฐานะ “ศาลเตี้ย” ต่อไปอีกหลายภาคกระมัง