บทเรียนชีวิต “โอ วรุฒ” จากดาวค้างฟ้า สู่ตกอับสุดขีด กลางผองเพื่อนและน้ำเมา

เป็นข่าวเศร้าสะเทือนวงการบันเทิงในรอบสัปดาห์นี้

สำหรับข่าวการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของอดีตพระเอกชื่อดัง “โอ-วรุฒ วรธรรม” อดีตนักแสดง พิธีกร นายแบบผู้มีชื่อเสียงในยุค 90 ที่มีใบหน้าหล่อเหลาโดยปราศจากการศัลยกรรมเสริมแต่ง ประหนึ่งเทพบุตรของแฟนๆ ในยุคนั้น

สายเลือดคนบันเทิงของนักแสดงอาวุโส “แรม วรธรรม”

วรุฒถูกนำส่งโรงพยาบาลจากอาการช็อกหมดสติภายในบ้านพัก เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลนครพิงค์ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2561

ก่อนจะเสียชีวิตอย่างสงบเมื่อช่วงเช้ามืด เวลา 02.40 น. ของวันที่ 11 กันยายน 2561 ด้วยวัยเพียง 49 ปี

สร้างความโศกเศร้าให้กับคนในครอบครัว เพื่อนพ้องร่วมวงการ ตลอดจนแฟนหนังแฟนละครทั้งประเทศ

หากมองย้อนกลับไปดูเรื่องราวชีวิตของอดีตพระเอกหน้ามนรายนี้ ผ่านมาทั้งจุดสูงสุดและจุดตกต่ำของชีวิตเลยก็ว่าได้

จากคนที่ไม่เคยคิดจะเข้าวงการบันเทิง เพราะมุ่งมั่นอยากเป็นนักบินตามรอยคุณพ่อที่เป็นอดีตสจ๊วต คุณแม่ที่เป็นแอร์โฮสเตส กลายมาเป็นซุป”ตาร์ที่ดังถึงขีดสุดของยุค

“โอ วรุฒ” โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมากว่า 30 ปี ผ่านงานมาแล้วทุกรูปแบบ ทั้งภาพยนตร์ ละคร พิธีกร ถ่ายแบบ ฯลฯ

ด้วยใบหน้าหล่อเหลา นัยน์ตากลมใส หล่อหาตัวจับยากราวกับเทพบุตรกรีกในตอนนั้น เบนเข็มจากนักเรียนการบินสู่วงการบันเทิงโดยการชักชวนของ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ” มาถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสาร

ความหล่อพุ่งแรงเตะตาใครต่อใคร จนถูกทาบทามขอตัวมาร่วมงานด้วยไม่เว้นวัน

ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจหยุดเรียน มาทำงานในวงการบันเทิงอย่างเต็มตัว

ผลงานเรื่องแรกที่แจ้งเกิดพระเอกหน้ามนคนนี้ให้โด่งดังเป็นพลุแตกคือภาพยนตร์เรื่อง “คู่กรรม” ในปี พ.ศ.2531 จากการชักชวนของ “รุจน์ รณภพ” อดีตดารารุ่นใหญ่ผู้ล่วงลับให้มารับบท “โกโบริ” ทหารญี่ปุ่นสุดหล่อ ประกบคู่กับ “แหม่ม-จินตหรา สุขพัฒน์” นางเอกดังในยุคนั้น

ทำให้ชื่อของ “วรุฒ วรธรรม” เป็นที่พูดถึงเพียงชั่วข้ามคืน

และสามารถคว้ารางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี “ตุ๊กตาเงิน” นักแสดงดาวรุ่งฝ่ายชาย ในงานประกาศรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ครั้งที่ 12 ประจำปี พ.ศ.2531 มาครองได้สำเร็จ

เรียกได้ว่าเป็นใบเบิกทางเข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างสวยงาม ในขณะที่เจ้าตัวอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น

ก่อนจะหันมาเอาดีทางด้านงานละครต่อ โดยผลงานละครเรื่องแรกคือ “ละอองดาว” ประกบคู่กับ “แอน-สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์”

ต่อด้วย “ในฝัน” คู่กับ “หมิว-ลลิตา ปัญโญภาส”

และจากละครเรื่องนี้ทำให้โอ วรุฒ ได้รับรางวัลนักแสดงนำชายดีเด่น ในงานประกาศรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 7 ประจำปี พ.ศ.2535 มาครองได้อีกรางวัล

ชื่อเสียง เงินทอง เริ่มหลั่งไหลมาตามความฮ็อต

ต่อด้วยงานพิธีกรในอีกหลายรายการ โดยเฉพาะ “โอโน่โชว์” ที่ทำคู่กับ “นีโน่-เมทนี บุรณศิริ” พี่ชายร่วมวงการที่โอ วรุฒ รักและเคารพมากที่สุด

จนกลายเป็นพิธีกรคู่หูดูโอ้สุดฮ็อตในตอนนั้นก็ว่าได้

แต่ทว่าเส้นทางในวงการบันเทิงของโอ วรุฒ กลับไม่ได้ราบรื่นและสวยหรูนัก หลังประสบปัญหาชีวิตครอบครัว จึงใช้เหล้าในการแก้ปัญหา เสพติดการดื่มอย่างไม่ลืมหูลืมตา

งานที่เคยมีตลอด 7 วัน หดหายไม่มีใครจ้าง

แถมยังได้รับฉายา “เจ้าชายสายเสมอ” จากกิตติศัพท์ที่รับรู้กันดีว่ามักมาทำงานสาย

ไหนจะอาการเมาค้างจากการดื่มอย่างหนักขณะมาทำงาน ทำกองถ่ายวุ่นวาย

จนถูกเจ้านายตัดหางปล่อยวัดไร้การเหลียวแล

ส่วนชีวิตครอบครัว อดีตพระเอกหนุ่มเคยใช้ชีวิตคู่อยู่กับ “เก๋-เจษฎาวัลย์ จันทร์แตง” และมีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคนคือ “น้องแอร์บัส-อาณาจักร วรธรรม” ก่อนจะเลิกรากันไป

และออกมาเปิดเผยในภายหลังว่ายังมีบุตรชายที่เกิดจากภรรยาคนแรกอีกหนึ่งคน อยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์ด้วย

พองานหด เงินก็หาย อีกทั้งสุขภาพร่างกายเริ่มทรุดโทรมจากพิษของการดื่มเหล้ามาอย่างหนัก ทรัพย์สินที่เคยหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองเมื่อครั้งยังโลดแล่นอย่างสง่างามในวงการบันเทิง ทั้งบ้าน เงิน ทอง ที่ดิน ตลอดจนเรือยอชต์ถูกขายเพื่อนำเงินมาใช้ จนแทบไม่เหลือสมบัติพัสถานที่เคยมี

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไม่หยุด ผลจากการติดเหล้าจนไม่สามารถทำงานได้ จนเริ่มป่วยต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลบ่อยครั้ง

โอ วรุฒ ต้องออกจากวงการบันเทิง กลับไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ที่ จ.เชียงใหม่

และเข้ารับการบำบัดอาการติดเหล้าอย่างจริงจังจนอาการเริ่มดีขึ้น

ปี 2558 โอ วรุฒ ตัดสินใจบวชเพื่อทดแทนพระคุณพ่อแม่อย่างเงียบๆ ในวัดที่ จ.เชียงใหม่

มีเพียงครอบครัวและคนใกล้ชิดร่วมอนุโมทนาบุญ

ภายหลังจากสึกออกมา อดีตพระเอกผู้โด่งดังได้เริ่มต้นชีวิตใหม่หลังผ่านมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ ด้วยการเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ภายในบริเวณบ้านพักที่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ชื่อร้าน “บ้านวรุฒ”

ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ล้วนเป็นแฟนละคร แฟนหนัง ที่แวะเวียนมาอุดหนุนและให้กำลังใจการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของอดีตพระเอกดัง

ก่อนปิดกิจการในภายหลังเพราะขาดทุน

จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทำชีวิตที่เคยรุ่งโรจน์ต้องมาตกอับสุดขีด ไม่มีเงินติดตัวแม้กระทั่งบาทเดียว

ทั้งหมดเกิดจากการติดเหล้า “โอ วรุฒ” จึงรับเป็นวิทยากรบรรยายพิษภัยจากการดื่มสุรา เพื่อรณรงค์และเตือนสติให้คนเลิกดื่มเหล้า จากประสบการณ์ตรงของตัวเอง

ขณะเดียวกันก็เริ่มได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ในวงการ ให้หวนกลับมารับงานเป็นครั้งคราว

โดยผลงานละครล่าสุดที่ปรากฏตัวในฐานะแขกรับเชิญคือเรื่อง “สัมผัสพิศวง” ตอนพระเอกที่หายไป ทางช่อง 3 นั่นเอง

แต่ในที่สุด…เรื่องราวที่หลายคนคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น พระเอกชื่อดังยุค 90 ได้จากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร สาเหตุจากสารพัดโรครุมเร้าจนไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้

ขณะที่ในโลกโซเชียล เพื่อนพี่น้องร่วมวงการ ต่างโพสต์แสดงความเสียใจต่อการจากไปของโอ วรุฒ กันถ้วนหน้า

“แอน-สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์” นางเอกละครคนแรกของ “โอ วรุฒ” จากละคร “ละอองดาว” ในปี พ.ศ.2534 ได้โพสต์ข้อความแสดงความเสียใจถึงอดีตพระเอกคู่ขวัญผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว ระบุว่า

“จะเก็บความทรงจำดีๆ ไว้ พระเอกอีกคนที่เคยเล่นละครด้วยกันมา ละอองดาว หลับให้สบายนะพี่โอ วรุฒ ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวด้วยนะคะ”

“หลับให้สบายค่ะพี่ พระเอกในหัวใจกิ๊กตลอดกาล รักพี่โอเสมอค่ะ”

ข้อความแสดงความอาลัยจาก “กิ๊ก สุวัจนี” นางเอกจากเรื่องหน้ากากดอกซ่อนกลิ่น

“ต้อม รชนีกร” นางเอกคู่ขวัญจากละคร “พี่เลี้ยง” อีกหนึ่งละครดังสร้างชื่อให้กับโอ วรุฒ ระบุ

“พี่เลี้ยง เป็นละครเรื่องแรกที่เล่นกับพี่โอ จะว่าไปแล้ว ถ้าไม่มีพระเอกสุดฮ็อตในช่วงนั้นมาเล่นประกบด้วยก็อาจจะไม่มีรชนีกรในวันนี้ก็ได้ พี่โอเป็นพี่ที่น่ารัก ทุกครั้งที่เข้ากองถ่ายจะมีแต่เสียงหัวเราะและมีขนมมาฝากน้องคนนี้เสมอ ขอให้พี่หลับให้สบายนะคะ รักและระลึกถึงพี่ชายของน้องเสมอ”

นักแสดงสาว “จ๊ะจ๋า พริมรตา” ที่เคยร่วมงานกันในละครสัมผัสพิศวง ผลงานละครเรื่องล่าสุดและเรื่องสุดท้ายของโอ วรุฒ โพสต์ข้อความแสดงความเสียใจต่อการจากไปของนักแสดงรุ่นพี่ ระบุว่า

“พี่ชายที่แสนดี หลังจากจบละครสัมผัสพิศวงเรายังได้พูดคุยกันหลายครั้ง จ๊ะจ๋าเองยังหวังว่าเราจะได้กลับมาทำงานสนุกๆ ด้วยกันอีก ยังมีท่าเต้นตลกๆ อีกหลายท่าที่เตรียมไว้ให้พี่ขำ แต่มาวันนี้ ขอให้พี่หลับพักผ่อนให้สบายนะคะ ด้วยรัก อาลัยและเคารพเสมอ”

เรื่องราวชีวิตของโอ วรุฒ ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีตัวอย่างให้กับหลายๆ คน ที่กำลังหลงระเริงไปกับสิ่งมัวเมา ให้หวนกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ในวงการบันเทิง ที่ควรนำมาเป็นบทเรียนในการใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท

แม้วันนี้ โอ วรุฒ จะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ชื่อและผลงาน ตลอดจนคุณงามความดีของโอ วรุฒ ที่เคยสร้างไว้ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะที่เคยมอบให้กับทุกคน จะยังตราตรึงอยู่ในใจไปอีกแสนนาน…