วิเคราะห์ : โยกนายพลสีกากี 2561 สารพัดยุทธวิธี ดีล “ชิงดำ” “36” แรง “32” สู้!!

วงในสีกากีกระซิบกระซาบ สัปดาห์นี้สัญญาณจากบ้านใหญ่ชัด ทีมงานจัดบัญชีร่อนตะแกรงนายพลสีกากี ใครเข้าวิน ใครวืดได้รู้กัน

วัฏจักรแต่งตั้งสีกากียังวนเวียนที่เดิม จุดตั้งต้นวางขุมกำลังยังปักหมุดโลเกชั่นเดิมมาหลายปีไม่เปลี่ยน สีกากีน้อยใหญ่วนเวียนไปแสดงตนจนหัวกระไดไม่แห้ง สับเปลี่ยนตัวคนตามวาระแต่งตั้ง ช่วงนี้คั่วบัญชีนายพลเหล่าบิ๊กๆ สีกากีจึงตบเท้ากันพร้อมหน้าที่แหล่งขุมพลังโดยมิได้นัดหมาย แต่จุดประสงค์เดียวกัน!!??

เรื่องอย่างว่าเกิดขึ้นที่ไหน ไม่พูดให้พาดพิง แต่เหล่าสีกากีทราบดี อำนาจ บารมี คนมีเพาเวอร์ต้องที่นี่เท่านั้นในยุคนี้ ใครไม่ไหว รับไม่ได้ก็ออกไปรอพลังอาวุโส 33 เปอร์เซ็นต์ดันขึ้นไปแล้วกัน!!

แม้จะมีพลังบันดาลบัญชาบัญชีโยกย้ายสีกากีอย่างไร ต้องยกนิ้วชื่นชม “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ใน 2 วาระแต่งตั้งสีกากีที่ผ่านมา ยังคุมหน้าตาจัดทัพบิ๊กสีกากีออกมาดูดี

วางตัวคนทำงานได้ในสัดส่วนที่สมศักดิ์ศรีไม่ขี้เหร่

แต่งตั้งนายพลสีกากี วาระปี 2561 “รอง ผบ.ตร. ลงมาถึงผู้บังคับการ” ยังต้องรอเวลาที่เหมาะสม เมื่อการแต่งตั้งวาระเมษายนที่ผ่านมาในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผลบริบูรณ์เมื่อไหร่ การแต่งตั้งวาระประจำปี 2561 เริ่มต่ออย่างเป็นทางการเมื่อนั้น

การแต่งตั้งโยกย้ายเมื่อวาระเมษายนที่ผ่านมา เป็นผลต่อเนื่องกับวาระประจำปี เพราะต้องรอ “เก้าอี้ว่าง” โดยโฟกัสที่ “ผู้ช่วย ผบ.ตร.” ทั้งนี้หากว่ากันแบบซื่อๆ ตามกติกา สิ้นเดือนกันยายน 2561 ไม่มีผู้ช่วย ผบ.ตร.เกษียณอายุราชการเลยสักคนเดียว

ว่ากันภาษาแต่งตั้งนี่คือเดดล็อก เก้าอี้ข้างบนไม่เปิด กระทบเก้าอี้ข้างล่างขยับยาก

แต่การแต่งตั้งสีกากีไม่เคยไร้ทางออก เมื่อวาระเมษายนที่ผ่านมา ตามกติกาที่เขียนในกฎหมายตำรวจ การแต่งตั้งขยับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาพิเศษ ตำรวจยศ พล.ต.อ. เทียบรอง ผบ.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตำรวจยศ พล.ต.ท. เทียบผู้บัญชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ ตำรวจยศ พล.ต.ต. เทียบผู้บังคับการ พิจารณาเลื่อนขึ้นตำแหน่งสูงขึ้นได้เฉพาะผู้ที่อายุราชการเหลืออีก 6 เดือนเท่านั้น

จุดประสงค์เพื่อให้กำลังใจสีกากีใกล้เกษียณได้ขยับเพิ่มยศเป็นเกียรติวงศ์ตระกูล

แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ออกแบบให้เหล่าที่ปรึกษาพิเศษและกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทำหน้าที่หัวหน้าศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมพิเศษต่างๆ ที่มีมากกว่า 10 ศูนย์

เมื่อย้อนไปตั้งแต่เปิดเก้าอี้ที่ปรึกษาปีแรกเมษายน 2560 มีการขอยกเว้นให้ผู้ที่คุณสมบัติไม่ตรง คือยังไม่เกษียณในอีก 6 เดือนข้างหน้า (นับจากวันแต่งตั้ง) ให้เลื่อนยศ ขยับเก้าอี้ แต่ส่วนใหญ่แต่งตั้งให้ผู้ที่จะเกษียณในปีงบฯ 2561 แทนที่จะเป็นวาระ 2560 ล้วนๆ ครั้งนั้นขยับขึ้นเก้าอี้มียศเพิ่มกันพึ่บพั่บ เช็กสายไล่รายชื่อดูก็ได้

ในแวดวงสีกากีวิจารณ์กันเงียบๆ เป็นแท็กติกแบบประสาน 10 ทิศ บิ๊กสีกากีคนไหนที่รู้ตัวดี พลังอำนาจบันดาลไม่ถึงเก้าอี้หลัก รอง ผบ.ตร. ผบช.หน่วย ผบก.หลัก สู้ขยับเปิดทางเก้าอี้ว่างให้เกิดหลุมได้แต่งตั้งแทน พี่น้องปรองดองลงตัวกว่าไหนๆ ซึ่งการแต่งตั้งกลุ่มที่ปรึกษาเมื่อเมษายน 2561 ก็คล้ายๆ กัน แต่ไม่พึ่บพั่บคนไร้สเป๊กขยับขึ้นกันยกแผงเหมือนครั้งก่อน แรกๆ ก็คล้ายๆ ไฟเขียวกันไปแล้ว

แต่เมื่อตรวจสอบใหม่พบมีการถอนชื่อกลุ่มคุณสมบัติไม่ครบ ยังไม่เกษียณปี 2561 ออกอย่างน้อย 2 คน จริงเท็จอย่างไรลองเปรียบเทียบ!!

ย้อนไปที่ตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. สำหรับการแต่งตั้งนายพลประจำปี 2561 เมื่อการแต่งตั้งเมษายนคลายล็อก ก.ตร.ไฟเขียวยกเว้นหลักเกณฑ์ ดัน 4 ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งเกษียณปี 2562 ขึ้นที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ประกอบด้วย พล.ต.ท.ดุสิต สังขะเมฆะ พล.ต.ท.เดชา บุตรน้ำเพชร พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สอาดพรรค และ พล.ต.ท.ธเนตร์ พิณเมืองงาม ทั้งนี้หากมีผลเรียบร้อย เก้าอี้ผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่จะไม่ว่างเลย จะว่าง 4 เก้าอี้ และหากมีผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้ขยับขึ้นตำแหน่งรอง ผบ.ตร. หรือจเรตำรวจแห่งชาติ เก้าอี้ผู้ช่วย ผบ.ตร. ก็จะว่างลงอีก 1 เก้าอี้ รวมเป็น 5 เก้าอี้

ว่ากันตามเนื้อผ้า เก้าอี้ผู้ช่วย ผบ.ตร. ตัวที่ 5 ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะปีนี้ พล.ต.อ. ตำแหน่งหลัก “รอง ผบ.ตร.” ว่างเพียง 1 เก้าอี้เท่านั้น จากการเกษียณอายุราชการของ “เดอะเปี๊ยก” พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รอง ผบ.ตร.

และหากพูดกันตามกติกาและกฎหมาย ตำแหน่งนี้ต้องเป็นของ “บิ๊กโอ๋” พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ ที่ปรึกษา (สบ 10) นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 32 พี่ใหญ่ นรต.ในราชการยังอยู่ทั้งคนและยังไม่เกษียณ สไลด์เข้าเก้าอี้หลัก

เมื่อครั้งเปิดเก้าอี้ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ทำให้เก้าอี้ที่ปรึกษา (สบ 10) ยศ พล.ต.อ.เท่ากัน กลายเป็นเก้าอี้เฉพาะตัว ไม่สามารถแต่งตั้งทดแทนได้ ครองเก้าอี้ไปจนกว่าเจ้าตัวจะได้ขยับตำแหน่งใหม่ สำหรับ พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ นั่งเก้าอี้ที่ปรึกษา (สบ 10) มาหลายปี เทียบอาวุโสเรียกว่าล้ำหน้ากว่าผู้ช่วย ผบ.ตร.เบอร์ 1 เพราะเป็น พล.ต.อ. รอท่าอยู่แล้ว แต่งตั้งวาระ 2560 ก็ชวด มาวาระนี้ได้ลุ้นเต็มๆ

สำหรับบิ๊กโอ๋ ดูผลงานเรียกว่าโบแดง เพราะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังงานป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและรัฐบาล จนสามารถขยับเกรดจากเทียร์ 2.5 มาถึงเทียร์ 2 สถานการณ์ปัญหาด้านการค้ามนุษย์ไทยดีขึ้น อย่างนี้เกินกว่าผลงานเข้าตา ในด้านคอนเน็กชั่นเป็นหนึ่งในนายตำรวจที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีวางใจใช้งาน

ด้วยกติกา คุณสมบัติ ผลงาน และโปรไฟล์ “บิ๊กโอ๋” ต้องได้ไปครอง แต่อยู่ที่บิ๊กโอ๋สู้หรือไม่!!

ตามสูตรแต่งตั้งสีกากีที่ถูกต้อง พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ ต้องขยับเข้าไลน์หลักเป็นรอง ผบ.ตร.

แต่สูตรที่ถูกใจ ต้องวัดดวงและพลัง

ในแวดวงสีกากีผู้ใกล้ชิดฝ่ายมีอำนาจวิจารณ์กันทั่ว เก้าอี้รอง ผบ.ตร. ตัวเดียวที่ว่าง ถูกหมายให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ หรือบิ๊กใหม่ ขยับเป็นรอง ผบ.ตร. แล้วเปิดที่นั่งจเรตำรวจแห่งชาติ ตำแหน่งหลัก จองไว้ให้ “บิ๊กช้าง” พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร. นรต.36 อาวุโสเบอร์ 5 คู่บัดดี้ “บิ๊กแป๊ะ” ที่ตอนนี้เป็นขวัญใจหมายเลข 1 ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผู้กุมบังเหียนใหญ่ ตร. และเหล่าทัพ

เสียงกระซิบจากบ้านใหญ่ทรงพลัง ดังเล็ดลอดว่าเก้าอี้จเรใหญ่ถูกจองปักหมุดให้ “บิ๊กช้าง” เท่านั้น

แต่เพราะการแต่งตั้งสีกากีมีกติกา ต้องใช้อาวุโส 33 เปอร์เซ็นต์ หากผ่าน “บิ๊กโอ๋” ไปได้ ยังมี พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ รองจเรตำรวจแห่งชาติ อาวุโสเบอร์ 1 อีกคนขวางทาง ศึกชิงดำ พล.ต.อ. เก้าอี้หลัก จึงไม่ใช่เรื่องง่าย

จึงมีกระแสข่าวสะพัดเบาๆ มีดีลขยับรอง ผบ.ตร.บางคนไปนั่งหัวในหน่วยงานอื่นเปิดเก้าอี้ (เพิ่ม)!!

แต่งตั้งนายพลตำรวจประจำปี 2561 นี้ แค่ล็อกแรก เลเวลตำแหน่งบิ๊ก ตร. “รอง ผบ.ตร.-ผู้ช่วย ผบ.ตร.” ก็ขับเคี่ยวงัดวิทยายุทธ์กันแพรวพราว!!