ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 กันยายน 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | เครื่องเสียง |
ผู้เขียน | พิพัฒน์ คคะนาท [email protected] |
เผยแพร่ |
พิพัฒน์ คคะนาท : Panasonic OLED TV นำเสนอภาพระดับฮอลลีวู้ดส่งถึงบ้านผู้บริโภคโดยตรง
ระยะหลังๆ นี่ไม่ได้คุยกันเรื่องจอภาพรุ่นใหม่ๆ เลยนะครับ
ล่าสุดก็ดูเหมือนจะเป็นช่วงต้นปี ที่ Sony Thai ได้นำเข้าหน้าจอ OLED ขนาดใหญ่สุดของเขาคือ 77 นิ้วเข้ามา จากนั้นก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่ “เข้าตา” ผมอีกเลย
กระทั่งราวๆ กลางเดือนค่อนมาข้างปลายของเดือนที่ผ่านมา Panasonic ได้นำจอภาพหรือทีวีรุ่นใหม่ของเขา ขนาด 65 นิ้ว ในตระกูล FZ1000-Series มาให้ชมกันนั้น
เห็นภาพปุ๊บ ดูราคาปั๊บ ผมกับน้องนุ่งสองสามคนที่อยู่ในงานลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นทีวีที่เวลานี้ “คุ้มสุด” แล้ว คือคุณภาพคุ้ม และราคาที่ตั้งไว้แสนต้นๆ ก็คุ้มมากครับ
ทีวีหรือเครื่องรับโทรทัศน์ตัวที่ว่านั้นคือ Panasonic TH-65FZ1000T เป็นทีวีที่ใช้จอภาพแบบ OLED : Organic Light Emitting Diode ที่มีพัฒนาการล่าสุดทางด้านเทคโนโลยีด้านภาพผนวกเข้าไว้มากมาย รวมทั้งมีหลากหลายเทคโนโลยีที่เป็นสิทธิบัตรเฉพาะ ซึ่งพัฒนาขึ้นมาโดยทีมวิศวกรของตนเอง
รวมทั้งยังมีทีมงานที่ได้ทำงานกับทีมช่างเทคนิคที่ควบคุมระบบสีสันของภาพในสตูดิโอที่ฮอลลีวู้ดอีกด้วย
กล่าวคือ พานาโซนิคได้ก่อตั้งห้องปฏิบัติการ Panasonic Hollywood Lab ในนครลอสแองเจลิสมาตั้งแต่ปี ค.ศ.2001 ที่ Universal Studio Lot ในฮอลลีวู้ด โดยเริ่มจากการเป็นสำนักงานพัฒนาและวิจัยทางด้านการออกอากาศ
ต่อมาในปี ค.ศ.2006 ได้เริ่มให้บริการด้านการออกแบบและผลิตเทคโนโลยีเกี่ยวกับ Blu-ray ซึ่งทำให้พานาโซนิคได้รับรางวัล Emmy Award ที่เปรียบได้กับรางวัล Oscar ของวงการโทรทัศน์ ในปี ค.ศ.2008 สาขาวิศวกรรมยอดเยี่ยม หรือ Engineering Award ในปี ค.ศ.2008
อีกทั้งในช่วงปี ค.ศ.2006 ที่บรรดาสตูดิโอในฮอลลีวู้ดได้เริ่มนำจอพลาสม่า (Plasma Panel) ของพานาโซนิคออกไปนำเสนอรูปแบบการใช้งานในฟังก์ชั่นต่างๆ ต่อผู้บริโภค และยังได้ทดลองใช้แทนจอมอนิเตอร์สำหรับลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมในพื้นที่จัดแสดง จนได้รับความนิยมอย่างสูง จึงถือเป็นก้าวแรกครั้งสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิตและผู้ให้บริการด้านภาพและจอภาพ
และเมื่อปีที่ผ่านมา พานาโซนิคได้จับมือกับอีกพันธมิตรที่เป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการฮอลลีวู้ด นั่นคือ Deluxe โดยได้ร่วมกันพัฒนาทีวีจอภาพแบบ OLED จนได้รับรางวัลในการให้สีสันที่ถูกต้อง สามารถตอบสนองฟังก์ชั่นการทำงานได้ตรงตามความต้องการของผู้รังสรรค์ภาพยนตร์เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีวิศวกรระบบภาพในกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการผลิต หรือกลุ่มบริษัท Post-Production ชั้นนำอย่าง Deluxe”s Company 3, Encore และ EFLIM ได้เข้ามาร่วมทีมวิจัยกับพานาโซนิคในขั้นตอนการทดสอบ รวมทั้งการตั้งค่าต่างๆ ให้กับ OLED TV ของพานาโซนิค ซึ่งเป็น 4K Pro ในตระกูล FZ1000-Series รวมทั้งทีวีรุ่นใหม่ๆ ที่อยู่ในสายการผลิตของปี ค.ศ.2018 นี้ด้วย
นั้นเอง, จึงทำให้เกิดแนวคิดในการนำเสนอภาพระดับฮอลลีวู้ดส่งถึงบ้านผู้บริโภคโดยตรง ดังที่ได้จ่าหัวเอาไว้นั่นแหละครับ
คุณสมบัติเด่นประการหนึ่งของจอภาพแบบ OLED ก็คือ ความสามารถในการปรับระดับความสว่างได้ด้วยตัวเองในทุกพิกเซล ทำให้การแสดงภาพที่มีความสว่างและความมืดได้อย่างมีประสิทธิภาพ การไล่ Shade สีใน Tone เดียวกันจึงสามารถทำได้อย่างละเอียดและมีความต่อเนื่องที่กลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน ตั้งแต่จุดที่มืดสุดไปยังจุดที่สว่างสุดของภาพ ซึ่งเป็นประสิทธิภาพการแสดงผลที่จอภาพแบบอื่นๆ ไม่สามารถให้ออกมาได้ละเอียดเท่า ยิ่งได้เสริมการทำงานด้วย Chip ประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูง ก็จะทำให้การแสดงผลภาพนั้นโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก
Panasonic TH-65FZ1000T ใช้เทคโนโลยีการประมวลผลภาพด้วยชิปที่เป็นพัฒนาการล่าสุด และเป็นสิทธิบัตรเฉพาะ คือ 4K Hexa Chroma Drive Pro ที่สามารถรังสรรค์สีสันของภาพออกมาได้อย่างสวยงามเสมอธรรมชาติของภาพนั้นๆ อย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะผ่านกระบวนการประมวลผลด้วยแม่สีแสงหลักทั้งสาม คือ R, G, B (แดง – Red, เขียว – Green, น้ำเงิน – Blue) แล้ว ยังเสริมด้วยแม่สีหลักที่ปกติใช้ในมาตรฐานทางด้านการพิมพ์อีกสามสีคือ M, Y, C (แดง – Magenta, เหลือง – Yellow, ฟ้า – Cyan) ซึ่งทำให้สามารถถ่ายทอดไปยังจอภาพแบบ OLED ที่ให้การตอบสนองการแสดงผลภาพได้กว้างและแม่นยำกว่าจอภาพทั่วๆ ไป โดยให้ประสิทธิภาพการแสดงผลภาพตามมาตรฐาน DCI : Digital Cinema Initiatives ได้สูงถึง 98%
ภาพที่ปรากฏจึงมีความเสมือนจริงใกล้เคียงความเป็นธรรมชาติได้มากที่สุด โดยสามารถให้รายละเอียดภาพและความคมชัดของภาพสูงถึงระดับ 4K Pro HDR
ทีวีขนาด 65 นิ้วเครื่องนี้ยังใช้เทคโนโลยี HDR : High Dynamic Range ที่เป็นมาตรฐานล่าสุด คือ HDR 10+ ที่ให้ความสมบูรณ์ของภาพได้มากขึ้นทั้งในบริเวณที่สว่างมากๆ และมืดมากๆ จึงสามารถแสดงสีสันและแสงเงาให้ผู้ชม “เห็น” รายละเอียดของแต่ละเฉดสีในโทนเดียวกันของภาพ ได้ใกล้เคียงกับการเห็นภาพนั้นในสภาวะความเป็นจริง จากการมองด้วยสายตาเปล่าตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ยังได้เสริมให้ภาพมีความสมจริงมากยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยี Dynamic Tone Mapping ผนวกการใช้ฟิลเตอร์สีดำชนิดพิเศษ Absolute Black Filter ที่สอดประสานการทำงานร่วมกัน ในการนำเสนอภาพที่มีความแตกต่างกันระหว่างส่วนที่มืดที่สุดและสว่างที่สุดออกมาได้ด้วยความคมชัดอย่างสมจริงยิ่งขึ้น
และจากภาพที่เห็นซึ่งทางพานาโซนิคได้นำมา Demo” ในงานนั้น ต้องยอมรับครับ ว่ามัน “เข้าตา” ในทุกๆ ด้าน จริงๆ นอกจากจะให้คอนทราสต์ออกมาได้อย่างน่าทึ่งด้วยความมืดดำที่เนียนตามากแล้ว ยังให้มิติภาพที่ดูเป็นธรรมชาติมากอีกด้วย
นอกจากความโดดเด่นทางด้านภาพแล้ว ระบบเสียงของทีวีเครื่องนี้ยังให้พลังเสียงออกมาอย่างไม่น่าเชื่อว่าเป็นเสียงจากทีวี ทั้งนี้ด้วยชุดตัวขับเสียงแบบ Dynamic Blade Speaker ที่ประกอบไปด้วยทวิตเตอร์, มิดเรนจ์, วูฟเฟอร์ และแผง Dual Passive Radiator รวมทั้งหมด 12 ตัว ได้ร่วมกันรังสรรค์เสียงออกมาได้ราวกับชุดลำโพงในโฮมเธียเตอร์นั่นเทียว
อีกทั้งยังได้ผนวกระบบ Bluetooth Audio Link ไว้ในชุดลำโพงด้วย จึงสามารถใช้เป็นลำโพงอิสระในการเล่นเพลงแบบไร้สายจากอุปกรณ์สมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตได้อย่างสะดวกอีกด้วย
จึงดังที่ได้บอกแต่ต้นว่า ด้วยจอภาพขนาดใหญ่เต็มตาถึง 65 นิ้ว กับคุณภาพที่คับแน่นในทุกๆ ด้าน ทำให้ราคา 126,000.- มีทอน 10.- บาทนั้น, นับว่าคุ้มมากครับ