วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/ เสถียร จันทิมาธร/ถึงยอมแพ้ ก็ไม่ยอมให้แพ้ (154)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย
เสถียร จันทิมาธร

ถึงยอมแพ้ ก็ไม่ยอมให้แพ้ (154)

พลันที่เอี้ยก่วยร้องบอกว่า “กระบวนท่าต่อไปเรียกว่า ‘ยืดเย้อชวนรำคาญ’ (ทัวนี้ตั่วจุ้ย)” ทั้งจิวแป๊ะทง ทั้งก๊วยเชียง ต่างส่งเสียงหัวร่อโดยพร้อมเพรียง โห้ร้องชมเชย
“กระบวนท่าอันยอดเยี่ยม”
ได้ยินดังนั้น เอี้ยก่วยร้องเตือนว่า “อย่าเพิ่งร้องชมเชย รับกระบวนท่า”
บัดดลนั้น แขนเสื้อข้างขวาก็โบกสะบัดดำเนินไปราวกับสายน้ำไหลหลั่ง ขณะที่มือซ้ายสำแดงออกในแบบสะดุด ลากถ่วง คล้ายกำลังลากดึงดินโคลนหนักหลายพันชั่ง
เห็นดังนี้จิวแป๊ะทงบังเกิดนัยประหวัด
ครั้งกระโน้น เคยได้ยินเฮ้งเต้งเอี้ยง ผู้เป็นซือเฮียบอกว่า อึ้งเอี๊ยะซือสันทัดจัดเจนเพลงฝีมือ 5 ธาตุชุดหนึ่ง ในท่าฝ่ามือแฝงหลักการของธาตุทั้ง 5
ยามนี้แขนเสื้อข้างขวาของเอี้ยก่วยเป็นภาพลักษณ์แห่งคุ้ยจุ้ย ทิศเหนือ มือซ้ายเป็นภาพลักษณ์แห่งสุกโท่ว ที่กึ่งกลางประกอบด้วยความแคล่วคล่องหนักหน่วง เมื่อเห็นเช่นนั้นย่อมไม่กล้าชะล่าเลินเล่อ มือซ้ายจึงใช้ออกด้วยกระบวนท่าในเพลงหมัดสูญจำรัส มือขวาใช้ออกด้วยกระบวนท่าในเพลงหมัดกำราบมาร
เท่ากับใช้ความหนักหน่วงสู้กับความหนักหน่วง
ผลของการปะทะระหว่างเอี้ยก่วยกับจิวแป๊ะทง ทั้ง 2 ส่งเสียงตวาดขึ้นโดยพร้อมเพรียง ถอยกายไปคนละหลายก้าว
ผ่านพ้นแต่ละกระบวนท่าไปแล้วเป็นอย่างไร

แม้จะเป็นการต่อกรหวังเอาชนะ แต่ 1 ชรา 1 เยาว์วัย ต่างนับถือเลื่อมใสต่อกันและกัน อาจเพราะว่าโดยพื้นฐานแล้วมิได้เป็นศัตรูกันและกัน
ภายในความคำนึงคิดของเอี้ยก่วย
“นับตั้งแต่ฝึกปรือ ‘ฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลาย’ เป็นต้นมา ศัตรูเข้มแข็งที่เผชิญพบพานนับว่าผู้เฒ่าท่านนี้ตึงมือที่สุด คิดหมายเอาชัยไม่ง่ายดายจริงๆ หากแม้นต้องการพิสูจน์ผลแพ้ชนะมิอาจไม่หักล้างกำลังภายในกัน
เมื่อถึงเวลานั้น หากมิใช่ปรากฏเป็นสภาพ 1 ตกตาย 1 บาดเจ็บ
จะเป็นเช่นเดียวกับอั้งชิดกงประลองยุทธ์กับบี่แป๋ อาวเอี้ยงฮงเรา ที่ในที่สุดตกตายตามกัน นั่นไยเราจะต้องเป็นเช่นนั้น”
ดังนั้น ข่มความเย่อหยิ่งยโสลง ยกมือคารวะจรดพื้น
“ผู้อาวุโสแซ่จิว เลื่อมใส เลื่อมใส ผู้เยาว์ยอมศิโรราบแล้ว” พลางหันไปกล่าวกับก๊วยเซียง “เซียวม่วยม่วย เชื้อเชิญผู้อาวุโสแซ่จิวไม่สำเร็จแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”
“ช้าก่อน ช้าก่อน” เป็นเสียงทักท้วงจากจิวแป๊ะทง
“เจ้าบอกว่า ฝ่ามือ ‘กำสรดวิญญาณสลาย’ อะไรนั่นมีทั้งสิ้น 17 ท่า ยังมีอีก 13 กระบวนท่ายังไม่ได้ใช้ออก ไฉนคิดจากไปแล้ว”
สะท้อนว่าเอี้ยก่วยยังไม่ “รู้จัก” จิวแป๊ะทงอย่างลึกซึ้ง

เห็นได้จากคำกล่าวจากเอี้ยก่วย “พวกเราไม่มีความแค้นต่อกันไยต้องหักหาญเสี่ยงชีวิต ที่แล้วมาท่านดีต่อข้าพเจ้า ทั้งยังดีต่อภรรยาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าสำนึกขอบคุณตลอดมา ท่านมีพลังฝีมือสูงเยี่ยม ผู้เยาว์ยอมรับการพ่ายแพ้ก็แล้วกัน”
ได้ยินดังนั้นจิวแป๊ะทงโบกมือเป็นพัลวัน
“ไม่ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง เจ้าไม่ได้พ่ายแพ้ เราก็ไม่ได้พ่ายแพ้ เจ้าคิดออกจากหุบเขาร้อยบุปผาแห่งนี้ นอกจากใช้เพลงฝ่ามือ 17 ท่าออกมาให้หมดสิ้น”
นี่ย่อมเป็นตัวตนที่แท้ของจิวแป๊ะทง
นับตั้งแต่จิวแป๊ะทงได้ยินเอี้ยก่วยเอ่ยชื่อเพลงฝ่ามือทั้ง 4 กรบวนท่าอันประกอบด้วย 1 ท่าเนื้อเต้นใจสะท้าน 2 ท่าวิตกทุกข์ร้อนเกินเหตุ 3 ท่าเสกสรรปั้นเรื่องราว และ 4 ท่ายืดเย้อชวนรำคาญ
เห็นว่าชื่อกระบวนท่าสนุกสนาน
และรับรู้ว่าแต่ละเพลงฝ่ามือประหลาดยิ่งกว่า แม้แต่คนทั่วไปก็ต้องการรับรู้ทั้งสิ้น อย่าว่าแต่จิวแป๊ะทง ซึ่ง 1 นั้นชมชอบวิชาบุ๊อย่างชนิดหลงใหลตั้งแต่เยาว์วัย และ 2 มีนิสัยสงสัยอยากรู้ เมื่อสงสัยก็ต้องการทำความกระจ่าง
การปล่อยออกมาเพียง 4 กระบวนท่าจากทั้งหมด 17 กระบวนท่า ย่อมเป็นการยั่วต่อมแห่งความอยากรู้ของจิวแป๊ะทงเป็นอย่างสูง

คนในแบบของจิวแป๊ะทงถือว่าเป็น “บรรทัดฐาน” พื้นฐานของยุทธนิยามกำลังภายใน นั่นก็คือ ดำรงอยู่อย่างตัวประหลาด ไม่เหมือนจอมยุทธ์โดยทั่วไป
มิเช่นนั้นคงไม่มีฉายาว่า “เฒ่าทารก”
ลักษณะโดดเด่นเป็นอย่างมากก็คือ ความหลงใหลในวิชาฝีมือ ทั้งยังเป็นความหลงใหลที่ไม่ธรรมดา หากแต่เป็นความหลงใหลอย่างคลั่งไคล้ และภายในความหลงใหลนั้นเปี่ยมด้วยความบริสุทธิ์จริงใจเยี่ยงทารก
การรับมือกับคนอย่างจิวแป๊ะทงจึงไม่ดำเนินไปตามระเบียบแบบแผนโดยทั่วไป และนี่คือสิ่งที่เอี้ยก่วยจักต้องเรียนรู้