รู้ชีวิต…ด้วยดวงดาว / “ศ. ดุสิต”/ลัคนานักษัตร

รู้ชีวิต…ด้วยดวงดาว  / “ศ. ดุสิต”

อ่านอนาคตของคุณไม่ยากหรอก…แค่รู้จักดาว 10 ดวงเท่านั้น!

เรื่องลึกในโหราศาสตร์ไทยชุด ‘คลังโหร’

ลัคนานักษัตร

เรารู้กันอยู่แล้วว่า ลัคนาคือจุดตั้งภพของชีวิตในดวงชาตา ซึ่งจะเป็นที่ปรากฏอยู่ในดวงเดิมของทุกคน อันลัคนานี้จะได้มาจาก “เวลาตกฟาก” ของเจ้าชาตาทั้งสิ้น จึงเป็นจุดสำคัญที่สุดของดวงชาตาทุกดวงที่จะละเลยไม่ได้
การกำหนดภพของลัคนากำเนิดจึงสำคัญที่สุดเช่นเดียวกัน
ด้วยเหตุนี้ภพจากลัคนากำเนิดจึงเป็นภพหลักในการพยากรณ์ แม้ว่าในวิธีพยากรณ์จะมีการพยากรณ์จรขึ้นอีก ซึ่งจะต้องมีลัคนาตัวจรขึ้นกำหนดภพใหม่ด้วย
แต่ภพใหม่ที่ได้มานั้นก็เป็นเพียงภพ “ชั่วคราว” ที่กำหนดขึ้นใช้ตามเวลาที่ต้องการเท่านั้น
ซึ่งภพหลักของดวงชาตาก็ยังคงอยู่ มิได้หายไปไหนเลย เพียงแต่จะซ่อนอยู่เบื้องหลังของภพใหม่ที่ตั้งขึ้นมาแค่นั้นเอง
การอ่านภพที่ซ้อนกันอยู่เช่นนี้ ผู้อ่านจึงจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีอ่านให้ถูกต้องด้วย คือต้องสามารถที่จะ “ผสม” ความหมายของทั้งสองภพให้สอดคล้องและได้ความตรงตามจุดประสงค์ในการพยากรณ์ การพยากรณ์จึงจะได้ผลดี คือมีความแม่นยำและให้ประโยชน์สูงสุดแก่ผู้มารับการพยากรณ์ได้เต็มที่ทุกประการ
แต่…
แต่การพยากรณ์จรนั้นมีหลากหลายวิธี และมีการใช้ที่หลากหลายด้วย
แต่ละวิธีก็มีจุดมุ่งหมายที่ไม่เหมือนกัน ใช้ในกรณีที่ต่างกัน เรื่องสามัญก็ใช้อย่างหนึ่ง เรื่องที่มีจุดพิเศษก็ใช้อีกอย่างหนึ่ง เรื่องที่ใช้ในการมงคลก็แบบหนึ่ง เรื่องที่ใช้ในการอัปมงคลก็อีกแบบหนึ่ง ฯลฯ
ซึ่งการจรทุกแบบก็ล้วนแต่ต้องมีลัคนาจรกำกับด้วยทั้งนั้น ดังนั้น จึงมีวิธีสร้างลัคนาจรแบบต่างๆ ขึ้นหลายแบบ เพื่อใช้ในกรณีต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้วนี่แหละ

ลัคนานักษัตรนี้ก็เป็นอีกแบบหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้พยากรณ์ในกรณีที่มีความสำคัญเกิดขึ้นแก่เจ้าชาตา (คือไม่ใช่เรื่องธรรมดาทั่วไป) หรือจะเรียกว่าเป็นเรื่องพิเศษก็ได้ เช่น เจ้าชาตาป่วยและมีแนวโน้มจะถูกสั่งผ่าตัด ซึ่งเจ้าชาตากลัวการผ่าตัดเป็นอย่างยิ่งจึงมาหาหมอดูเพื่อจะได้รู้ว่าตัวเองจะโดนผ่าตัดหรือไม่ อย่างนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องพิเศษที่จะใช้ลัคนานักษัตรนี้ได้เช่นกัน
เอาละ เมื่อรู้ถึงต้นเหตุหรือที่มาของการสร้างลัคนาตัวนี้แล้ว เราก็มาเรียนวิธีสร้างลัคนาซึ่งไม่ยากอะไรเลย (ถ้ารู้แล้ว) กันเถอะ วิธีสร้างทำดังนี้
๑. ถ้าเจ้าชาตายังไม่เคยผูกดวงมาก่อน ก็ให้ผูกดวงกำเนิดตามวิธีปกติเพื่อให้เป็น “ดวงเดิม” ขึ้นมาสำหรับใช้เป็นองค์หลักในการพยากรณ์จร
๒. การสร้างลัคนานักษัตร
ก. นับอายุย่างจากลัคนาไปปีละราศี ครบอายุย่างที่ราศีใดกาไว้เป็น “ราศีอายุจร”
ข. ขึ้นปีชวดที่ราศีเมษ แล้วนับไล่ปีละราศีมาถึงปีเกิดของเจ้าชาตา ตกราศีใดให้ขึ้นปีชวดที่ราศีนั้นอีก แล้วนับไล่ไปจนถึงปีปัจจุบัน (ที่ต้องการพยากรณ์) ตกที่ราศีใด วาง “ลัคนานักษัตร” หรือ “ลัคนาจร” ลงที่ราศีนั้น
แค่นี้ก็เสร็จแล้ว ได้ลัคนานักษัตรที่วางอยู่ในดวงเดิมของเจ้าชาตานั่นแหละ ทีนี้ก็มาถึงวิธีอ่าน ซึ่งจะยากกว่าการสร้างลัคนาเสียอีก แต่ก็ไม่ยากเกินไปหรอก อย่าตกใจไปเลย

วิธีอ่านดวง

ใช้ลัคนานักษัตรกำหนดภพจรขึ้นใหม่ แล้วตรวจไปยังภพที่ต้องการจะพยากรณ์ว่าเป็นภพอะไร วางซ้อนอยู่กับภพอะไรของดวงเดิม ดาวเกษตรของภพจรนั้นคือดาวใด และไปสถิตอยู่ที่ราศีใดภพใดในดวงนั้น ราศีนั้นเป็นภพจรอะไรภพเดิมอะไร
นำความหมายของทั้งสองภพนั้นมาประยุกต์กัน ตรวจอีกว่ามีดาวในภพอื่นเข้ามาสัมพันธ์กับดาวตัวเรื่องหรือไม่
ถ้ามีให้ดูว่าสัมพันธ์กันแล้วให้คุณโทษแก่ดวงชาตาอย่างไร แล้วจึงมาตรวจอีกจุดหนึ่ง
จุดสำคัญอีกจุดหนึ่งที่คุณจะลืมไม่ได้เลยก็คือ ราศีอายุจรที่เรากาไว้ในราศีใดราศีหนึ่งนั่นแหละ คุณจะต้องสร้างภพจากจุดนี้ขึ้นมาอีก (สร้างไว้ในใจ) แล้วตรวจดูว่าผลของการพยากรณ์ของลัคนานักษัตรบวกกับลัคนาเดิมที่ทำมาแล้วนั้น เข้ากับอายุจรของเจ้าชาตาไหม ถ้ามีการขัดกันก็แสดงว่าชาตาในเรื่องนั้นยังไม่สมบูรณ์ (ขึ้นอยู่กับว่าการขัดกันนั้นขัดในแบบไหน-อย่างไร) แต่ถ้าเข้ากันได้ดี ก็ออกเป็นคำพยากรณ์ได้เลย
ถ้าผู้พยากรณ์มีความสามารถดี เข้าใจในบทสัมพันธ์ของดาวดี บวกความหมายของภพซ้อน-ดาวซ้อนได้ดี รับรองว่าจะพยากรณ์ได้ถูกต้องไม่น้อยกว่า 80% ทีเดียว
นี่คือคุณค่าของลัคนานักษัตรละ
จะทำดวงตัวอย่างให้ดูดวงหนึ่งตามเคย จะได้ซึ้งกับการใช้ลัคนานี้ไงล่ะ
ดวงเป็นยังงี้

สมมติว่าเจ้าชาตาเกิดปีขาล มีอายุย่าง 64 ปี และมีเรื่องสำคัญมากในชีวิตของเขาคือ เขาถูกบริษัทที่เขาทำงานอยู่ตั้งกรรมการสอบสวนว่ายักยอกเงินของบริษัท เพราะเงินของบริษัทขาดหายไปจากบัญชีที่เขาควบคุมดูแลอยู่
และมีแนวโน้มว่าเขาจะถูกไล่ออกหรือถูกดำเนินคดีถ้าหากผลสอบสวนออกมาว่าเขาผิดจริง
ทั้งๆ ที่เขาสาบานว่าเขาบริสุทธิ์ เงินที่หายไปอาจมีผู้ลักลอบเข้ามาถ่ายโอนออกไปโดยที่เขาไม่เคยคาดคิด (เพราะใช้คอมพิวเตอร์ทำบัญชี)
ถ้าเขาผิดก็น่าจะผิดโดยประมาททำให้เงินบริษัทหาย ไม่ใช่ความผิดฐานยักยอก
เรื่องอย่างนี้แหละที่ถือว่าเป็นเรื่องพิเศษที่ควรจะใช้ลัคนานักษัตรตรวจสอบชาตา
วิธีตรวจก็คือ สร้างดวงจรขึ้นตามที่ได้แนะนำไว้แล้ว โดยสมมติอีกว่ามาดูชาตาในปีมะเส็ง ธันวาคม 2556 ซึ่งเมื่อสร้างแล้วจะมีรูปดวงดังนี้

ในการพิจารณาอ่านดวงนี้ เมื่อการงานของเจ้าชาตามีปัญหาใหญ่เช่นนี้ ถ้าจะดูด้วย “ลัคนามักง่าย” ก็ยังพอจะเห็นได้ว่า ดาวพุธเจ้าเรือนกัมมะในดวงนั้นสถิตที่ราศีเมษซึ่งปีนี้เป็นภพมรณะของอายุจร และดาวพุธนั้นก็เป็นตนุลัคน์ตัวจรของอายุจรด้วย (อายุจรสถิตราศีกันย์) จึงต้องทายว่าเจ้าชาตาจะถูกไล่ออกแน่นอน เพราะพุธอยู่ในเรือนอังคารมรณะซึ่งกุมอายุจรอยู่ด้วย จึงต้องถูกไล่ออกจากงานอย่างหนีไม่พ้น
แต่ในกรณีเรื่องพิเศษอย่างนี้ เราควรดูด้วยลัคนานักษัตรอย่างที่บอกไว้แล้ว ในดวงตัวอย่างนี้ลัคนานักษัตรตกที่ราศีพิจิก (ตามที่มีรูปดอกจันวางไว้)
ภพกัมมะในปีนี้จึงตกที่ราศีสิงห์ มีอาทิตย์ (อุจจ์) สถิตที่ราศีเมษ
ซึ่งในปีนี้ถูกกำหนดให้เป็นภพอริ (อุปสรรค) บ่งว่าการงานปีนี้จะพบกับอุปสรรค และขณะที่มาดูนี้ดาวอาทิตย์ตัวจรก็จรสถิตที่ราศีพิจิกอีกด้วย แม้จะเป็น “อาทิตย์ตกน้ำ” ซึ่งหมายถึงภาวะการงานที่ไม่แจ่มใส
แต่ก็ยังอ่านได้ว่า “งานยังอยู่กับตัว” และอาทิตย์ในดวงสถิตราศีเมษ มีอังคารเป็นเกษตรภพอริในปีนี้
แต่ดาวอังคารในดวงและอังคารที่เป็นดาวจรก็จรอยู่ที่ราศีกันย์ได้มาตรฐานมหาจักร และราศีกันย์ก็เป็นภพ “ลาภะ” ของลัคนานักษัตรด้วย ลาภะแปลว่า “ความหวัง” อันจะอ่านได้ว่า “ยังมีหวังที่งานยังอยู่กับตัว” คือไม่ถึงกับถูกไล่ออกจากงาน แต่อาจจะต้องถูกบังคับให้นำเงินที่ขาดบัญชีไปมาชดใช้คืนแก่บริษัท
ซึ่งกรณีนี้ก็อ่านได้จากราศีเมษที่เป็นอริในปีนี้นั้นเป็นภพลาภะของลัคนาเดิม จึงเท่ากับ “อริ-ลาภะ” คือมีอริเป็นลาภ
อรินั้นสามารถแปลว่า “หนี้สิน” ได้ จึงอ่านให้เข้าใจได้เลยว่า เจ้าชาตามีหนี้สินเป็นลาภะ และถ้าเอาจุดอายุจรอ่านไปที่ลัคนานักษัตร ก็จะเห็นได้ว่าปีนี้ตัวลัคนานักษัตรนั้นเป็น “สหัชชะ” กับอายุจรอยู่
สหัชชะแปลว่า “เพื่อน” ดังนั้น ปีนักษัตรกับอายุจรซึ่งก็เท่ากับตัวเจ้าชาตานั่นเองยังเป็นมิตรกันอยู่
เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นนี้จึงไม่น่าจะถึงขั้นแตกหักกันอย่างแน่นอน

ผมอ่านมาอย่างค่อนข้างละเอียด เพื่อให้คุณๆ ได้เกิดความเข้าใจในวิธีอ่าน ซึ่งจะต้องใช้ความชำนาญในการอ่านดวงอยู่มากพอควร โดยเฉพาะความรอบรู้ในความหมายของภพต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกัน ผู้ที่ด้อยในพื้นฐานจึงยังไม่ควรใช้สูตรนี้ในการพยากรณ์เรื่องสำคัญอย่างนี้ ควรต้องฝึกฝนวิชาการให้ช่ำชองขึ้นอีกแล้วก็จะใช้สูตรนี้ทำการได้ ซึ่งผมก็ทำให้คุณเห็นแล้วว่า สูตรนี้ให้ประโยชน์ในการทำนายเรื่องสำคัญขนาดนี้ได้แค่ไหน สมควรที่คุณจะฝึกนำไปใช้ในการทำงานโหรหรือไม่?
ผมได้อ่านและแนะวิธีในการอ่านให้ดูอย่างนี้ ก็หวังว่าจะทำให้คุณๆ ที่สนใจศึกษาจะได้เข้าใจในสูตรนี้มากขึ้นอีก และจะได้นำสูตรนี้ไปใช้ได้อย่างถูกต้อง แม้จะเป็นการอ่านอย่างสังเขป แต่ก็ชัดเจนพอที่จะเข้าใจในวิธีการอ่านได้แน่ จึงขอเบรกเอาไว้เพียงนี้ก่อนนะครับ
สรุปสุดท้ายก็คือ การใช้สูตรนี้ต้องจำให้ดีว่าจะต้องทำตามกฎในการสร้างดวงให้ถูกต้อง (ถ้ายังจำไม่ได้ให้ย้อนกลับไปอ่านตอนต้นอีกที) อย่าลืมว่าจุดสำคัญของสูตรนี้อยู่ที่ “นักษัตร” ประจำปีปัจจุบัน เพราะนักษัตรแห่งปีนั้นจะส่งอิทธิพลให้แก่ชีวิตทุกชีวิตทั้งสิ้น ตัวใครตัวมัน แล้วแต่ชาตาของใครจะเป็นอย่างไร
นักษัตรจะเป็นตัวชี้ชาตาที่เด็ดขาดเสมอ ดังนั้น การอ่านดวงในสูตรนี้จึงต้องใช้ภพของนักษัตรเป็นจุดอ่านหลัก ลัคนาเดิมเป็นภพพื้นฐานที่จะนำมาประยุกต์กับภพของนักษัตร เมื่อได้คำตอบที่สมบูรณ์แล้วก็นำเอาจุดอายุจรมาอ่านเป็นตัวสรุปอีกครั้ง ผลของงานก็จะสมบูรณ์ครบถ้วนเป็นอย่างดีและถูกต้อง
เป็นอันว่าคุณก็ได้บทเรียนหรือสูตรพยากรณ์ที่นับว่ายอดเยี่ยมอีกสูตรหนึ่งไปครอบครองแล้ว ก็ขอให้รักษาเอาไว้ให้ดี จะได้เป็นประโยชน์แก่การพยากรณ์ด้วยหลักวิชาโหราศาสตร์นี้สืบไปชั่วกาลนาน