บทวิเคราะห์ : โพล “ทักษิณ ชินวัตร” เพื่อไทย 260/อนาคตใหม่ 40 ปรากฏการณ์หิมะถล่ม? เขย่าขวัญ คสช.-พลังดูด

ในประเทศ / เปิดโพล “ทักษิณ ชินวัตร” เพื่อไทย 260-อนาคตใหม่ 40 ปรากฏการณ์หิมะถล่ม? เขย่าขวัญ คสช.-พลังดูด

ภายหลังสัญญาณคมชัดจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และแกนนำรัฐบาล ถึงแนวโน้มจัดการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2562

ตามด้วยกรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เห็นชอบให้ใช้อำนาจมาตรา 44 คลายล็อก 6 ข้อ 9 เรื่อง ก็ส่งผลให้บรรยากาศการเมืองที่เคยซบเซา

แปรเปลี่ยนเป็นคึกคักขึ้นทันที

พรรคเพื่อไทยได้ชื่อว่าเป็นพรรค “ฆ่าไม่ตาย” เฝ้ารอโอกาสนี้มานาน ด้วยความกระตือรือร้นว่าหากเลือกตั้งเมื่อใดจะเป็นโอกาสของพรรค “ฟื้นคืนชีพ”

ฟื้นคืนชีพเช่นเดียวกับพรรคพลังประชาชน ในการเลือกตั้งเดือนธันวาคม 2550 หลังการรัฐประหารของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เดือนกันยายน 2549

ฟื้นคืนชีพเช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม 2554 หลังคำสั่งยุบพรรคพลังประชาชนเดือนธันวาคม 2551 และเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่ม นปช.คนเสื้อแดง เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553

ในสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้มีอำนาจจากการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 มีความต้องการสืบทอดอำนาจต่อไป ภายใต้กฎกติการัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกที่เขียนกำหนดขึ้นเอง

รวมถึงการตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ ส่งนักการเมืองระดับ “บิ๊กเนม” ออกตระเวนเดินสายไปทั่วทุกสารทิศ “ดูด” อดีต ส.ส.จากพรรคอื่น เข้าร่วมกับพรรคตนเอง

เป็นฐานรองรับการสืบทอดอำนาจ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ทำให้การเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 แม้ภาพใหญ่จะถูกวาดขึ้นให้เป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคการเมือง 2 ขั้วค่าย

ประชาธิปไตย กับไม่ใช่ประชาธิปไตย

ขณะเดียวกันหากมองในภาพย่อขนาดลงมาก็จะเห็นถึงการต่อสู้ขับเคี่ยวระหว่าง

พรรค “คสช.” กับพรรค “เพื่อไทย”

ภายใต้สงครามช่วงชิงอำนาจในรูปแบบการเลือกตั้ง

ความมั่นใจในชัยชนะของพรรคเพื่อไทย จากการประเมินของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดได้ทะยานไปยังจำนวน ส.ส. 260 ที่นั่ง

รายงานข่าวเผยว่า ทักษิณได้กล่าวกับอดีตรัฐมนตรี และอดีต ส.ส.เพื่อไทย ซึ่งบินไปพบปะเยี่ยมเยียนระหว่างมาพำนักที่สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นน้องสาว

แสดงความมั่นใจจากผลสำรวจโพลภายในต่อการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยยังได้รับความนิยมจากชาวบ้านท่วมท้น น่าจะกวาดที่นั่ง ส.ส.กลับมาได้มากถึง 260

ส่วนการจัดการเลือกตั้ง ทักษิณเชื่อว่าจะมีการเลือกตั้งวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ตามปฏิทินของ กกต.ชุดใหม่ เพราะกำหนดขึ้นตามกรอบกฎหมาย

การสร้างเงื่อนไขให้โรดแม็ปเลือกตั้งขยับเลื่อนออกไป จะยิ่งก่อผลเสียต่อรัฐบาลและ คสช.

ขณะที่ผลดีกลับตกอยู่กับพรรคเพื่อไทย ทำให้หาเสียงได้ง่าย

เนื่องจากปัจจุบันประชาชนระดับล่างกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจปากท้องอันเนื่องมาจากการบริหารงานของรัฐบาลทหาร ที่ขาดความเชี่ยวชาญและมืออาชีพ

ทักษิณยังกล่าวถึงการทำงานของรัฐบาล คสช. ว่า ก๊อบปี้ตนเองทุกอย่าง ไม่ใช่ของแท้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ คิดว่าตัวเองเป็น”หมอใหญ่” แต่ความจริงไม่ใช่

“ผมต่างหากเป็นหมอใหญ่ วันนี้เขาไล่หมอใหญ่ออกไป แล้วยึดคลินิก ส่วนนายกฯ เห็นผมสอนหนังสือก็อยากสอนบ้าง เห็นขับรถก็ขับบ้าง แม้แต่การประชุม ครม.สัญจร ก็ก๊อบปี้”

และว่า

รัฐบาล คสช.ทำทุกอย่างภายใต้กรอบปรัชญาของพรรคเพื่อไทยที่ว่า “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” ทั้งสิ้น ไม่ใช่ของก๊อบเกรดเอ แต่เป็นของก๊อบไร้เกรด

งานที่ออกมาจึงหยาบมาก

ส่วนความเสี่ยงที่พรรคเพื่อไทยอาจโดน “ยุบพรรค”

อดีตนายกฯ เชื่อว่าหากมีการยุบพรรคจริง โดยอ้างกรณี 8 แกนนำพรรคแถลงข่าวครบรอบ 4 ปี คสช. ก็จะเป็นเรื่องค้านต่อสายตาประชาชน ชี้แจงต่อสังคมได้ยาก

เนื่องจากกลุ่มสามมิตร หรือกลุ่มการเมืองที่สนับสนุนรัฐบาล คสช. ก็เคลื่อนไหวแถลงข่าวทุกวัน

ยังได้วิเคราะห์โอกาสของพรรคอนาคตใหม่ ที่มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นหัวหน้าพรรค นายปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นเลขาธิการพรรค ในการลงสนามครั้งแรก

น่าจะได้ ส.ส.ประมาณ 40 ที่นั่ง

เนื่องจากฐานคะแนนเสียงของพรรคอนาคตใหม่จะมาจาก “คนเมือง” และ “คนรุ่นใหม่” รวมถึงคนอยากเลือกพรรคเพื่อไทย แต่ทำใจไม่ได้ เนื่องจาก “แรง” เกินไป จะหันไปลงคะแนนให้พรรคอนาคตใหม่

กระนั้นก็ตาม พรรคเพื่อไทยไม่ได้รับผลสะเทือนจากการ “แจ้งเกิด” พรรคอนาคตใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ต่างหากน่าจะลำบาก เพราะฐานเสียงคนเมืองที่เคยได้

จะถูกพรรคอนาคตใหม่แบ่งเอาไป

ส่วนการ “แบ่งเขต” และการทำ “ไพรมารีโหวต” ที่อาจถูกออกแบบเพื่อ”ตัดกำลัง”พรรคเพื่อไทย พร้อมกับเอื้อประโยชน์ให้พรรคสนับสนุนผู้มีอำนาจ เป็นฝ่ายชนะเลือกตั้ง

ทักษิณวิเคราะห์ว่า เป็นเรื่องทำได้ยากมาก อีกทั้งพรรคเพื่อไทยเองก็ต้องการให้มีการทำไพรมารีโหวต “ถ้าออกคำสั่งมาตรา 44 ยกเลิกทำไพรมารีโหวต เราจะร้องเสียดาย”

สำหรับกติกาใหม่ ที่ผู้คิดค้นต้องการให้พรรคเพื่อไทยเสียเปรียบ ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น

เพราะที่ผ่านมาหากดูคะแนนจริงๆ แม้แต่ในพื้นที่ที่อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้ แต่คะแนนพรรคก็ยังชนะ และในหลายๆ เขต คะแนนพรรคก็มากกว่าคะแนน ส.ส.

ดังนั้น ยิ่งมีบัตรเลือกตั้งใบเดียว คนอยากเลือกพรรคเพื่อไทยยิ่งจำเป็นต้องลงคะแนนให้ ส.ส.ของพรรค เพราะไม่มีบัตรลงคะแนนพรรคให้เลือก

ถ้าอยากได้พรรคเพื่อไทย ก็ต้องกาให้ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย

ย้อนกลับไปปลายเดือนมีนาคม

นายทักษิณ ชินวัตร เคยให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่น ถึงการเลือกตั้งในไทยที่กำลังจะมีขึ้นว่า

พรรคเพื่อไทยจะชนะแบบ “แลนด์สไลด์”

ในงานเลี้ยงวันเกิดครบ 51 ปี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ร้านอาหารอีสานเขียว กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน

ทักษิณก็ได้กล่าวถึงการเลือกตั้งว่า พรรคเพื่อไทยมีโอกาส “เขียวทั้งอีสาน”

ต่อมายังกล่าวในงานเลี้ยงวันเกิดของตนเอง ในกรุงลอนดอน ปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาต่อหน้าผู้มาร่วมงาน ซึ่งนอกจากครอบครัว คนสนิท ยังมีนักการเมือง อดีตรัฐมนตรี อดีต ส.ส. และผู้สื่อข่าวต่างประเทศ

ทักษิณกล่าวตอนหนึ่งว่า

ตอนนี้คนไทยชนชั้นกลางและชั้นล่างเริ่มไม่แน่ใจในอนาคตของตัวเอง เพราะค่าครองชีพสูงขึ้น แต่รายได้ในอนาคตอยู่ที่เดิม คนกลุ่มนี้จึงมองหาวิธีการของพรรคการเมือง

ซึ่งวิธีการของพรรคเพื่อไทยคือ ทางออกของประเทศ

และนั่นอาจทำให้พรรคชนะเลือกตั้งถล่มทลายแบบแอวะแลนช์ (Avalanche) หรือหิมะถล่ม ซึ่งรุนแรงกว่าแลนด์สไลด์ (Land Slide) หรือดินถล่ม

ด้านพรรคการเมืองคู่แข่ง มองถึงสาเหตุแท้จริงที่ทักษิณออกมาแสดงความมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งได้ ส.ส.มากถึง 260 เสียง

เป็นเพียงการปลุกขวัญไพร่พล หวังผลในทางจิตวิทยา ให้เกิดความฮึกเหิมต้านกระแส “พลังดูด”

ก็อาจจริงส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยวิเคราะห์ไว้ว่า

หากรัฐบาล คสช.ไม่คิดสืบต่ออำนาจ ก็เชื่อว่าทักษิณต้องพ่ายแพ้ แต่พอรัฐบาล คสช.คิดอยู่ต่อ ทักษิณก็กลับมาชนะ

ต้องโทษทหารที่ทำ “เสียของ”

เป็นเรื่องยากจะตอบในตอนนี้ว่า

ชัยชนะแบบ “แลนด์สไลด์” หรือชัยชนะแบบ “แอวะแลนช์” แม้กระทั่งตัวเลข ส.ส. 260 ที่นั่ง

“ชัวร์” หรือ “มั่วนิ่ม”

แต่ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า 260 ส.ส.เป็นตัวเลขที่เขย่าขวัญสั่นประสาทรัฐบาล คสช.ไม่น้อย

เป็นเช่นนั้นก็เพราะไม่เพียงจำนวนอดีต ส.ส. นักการเมืองที่กลุ่มสามมิตรเดินสายดูด เพื่อมาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ

ถึงตอนนี้ยังเป็นเพียงแค่ราคาคุย เกทับบลั๊ฟฟ์กันไปมาทางหน้าสื่อ มากกว่าจะเป็นความจริงจับต้องได้

ยิ่งหากมองย้อนกลับไปยังการเลือกตั้งเดือนธันวาคม 2550 และการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม 2554 ก็ยิ่งเขย่าขวัญการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 มากขึ้นเป็นทวีคูณ

เขย่าขวัญ สั่นประสาท

ภายใต้ความไม่มั่นใจว่าแผนสืบทอดอำนาจจะประสบความสำเร็จ

หรือ “เสียของ” ในที่สุด