แม่หวาน ละมุนมัม : บ้านตั้งอยู่บนดิน

วันที่ 17 สิงหาคม

ครูคะ

เช้าวันนี้อากาศหม่นๆ เมฆหมอกบดบังพระอาทิตย์ไม่ให้ส่องแสงลงสู่ชาวเพิร์ธเอาเสียเลย

แต่พระอาทิตย์ก็หาได้ยอมแพ้ไม่ พยายามส่องแสงเล็ดลอดผ่านเหล่ามวลเมฆมาให้เห็นบ้างเป็นระยะๆ

หลังจากหวานขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียนแล้วใจก็ยังไม่อยากกลับบ้าน

อย่างที่บอกครูไปค่ะอากาศวันนี้หม่นหมองเต็มไปด้วยเมฆที่คลุกเคล้ากับแสงริบหรี่จนดูเหมือนอาหารจานที่ยังปรุงไม่เสร็จสมบูรณ์อย่างไรอย่างนั้น

หวานจึงขับรถลงไปทางใต้เพื่อลองเลียบแนวมหาสมุทรอินเดียดู

ระหว่างทางหวานก็แอบเมียงมองเมฆสลับกับแสงแดดที่ส่องลงมากระทบผิวน้ำทะเลไปมาอย่างสนุกสนาน

จนสุดท้าย ครูทราบไหมคะ พระอาทิตย์คือผู้ชนะค่ะ

หวานยังไม่ถึงเมืองท่าที่ชื่อ Fremantle ดี แสงแดดก็เจิดจ้า สว่างไสวไปรอบด้าน

ทันใดนั้นจิตใจหวานก็สว่างไสวเจิดจ้าเพลิดเพลินไปกับแสงอุ่นๆ ในทันที

 

ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเป็นคนที่ชอบขับรถเช่นนี้ หวานขับรถได้นานและไกลด้วยความบันเทิงใจเสมอ

หวานชอบมองบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของคนที่นี่อย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย บ้านเรือนส่วนมากจะเป็นบ้านชั้นเดียว มีสนามหญ้า และจะมีสวนสาธารณะ สนามเด็กเล่นกว้างขวางให้เด็กๆ มาวิ่งเล่นอย่างเบิกบานใจ

คนที่นี่เขาบอกว่าเขาชอบบ้านที่ตั้งอยู่บนดินมากกว่าบ้านที่เป็นกล่องสูง

–ถ้าเธอต้องซื้อบ้านอย่าซื้อแมนชั่น หรืออพาร์ตเมนต์นะ เพราะเวลาขายราคาจะไม่ดีเท่าบ้านที่ติดพื้นดิน คนที่นี่เขาให้ราคา ให้ความสำคัญกับบ้านที่อยู่ติดดินมากกว่า

อืม…พอเข้าใจเลยค่ะเมื่อเพื่อนชาวออสซี่พูดมาเช่นนี้ ซึ่งก็ตรงกับใจหวานนะ หวานเองก็ชอบพื้นดิน ชอบต้นไม้ใบหญ้า

แต่ตอนนี้หวานคือคนต่างถิ่นที่ต้องนำเงินมาอาศัยอยู่ในประเทศที่ค่าครองชีพสูง แน่นอนค่ะ หวานเลือกมากไม่ได้ แค่พออยู่อาศัยได้ก็ดีแล้ว

–แม่จ๋าหนูอยากได้ห้องส่วนตัวค่ะ

ลูกสาวออดอ้อนขึ้นมาทันทีเมื่อเริ่มหาบ้านเช่า ตัวหวานเองผ่านการเช่าบ้าน และอยู่ต่างประเทศมานักต่อนักก็เลยค่อนข้างเลือกมากๆ กับการเช่าบ้านสักหลัง เวลาผ่านไปเกือบเดือนหวานก็ยังตามดูบ้านเช่าไม่จบสิ้นจนอาการท้อ

อาการเบื่อเซ็งเริ่มเข้ามาครอบงำ

 

–จะหาบ้านเช่าต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ หาไปเรื่อยๆ เอาให้ถูกใจนะ

เพื่อนหลายคนที่อยู่ที่เพิร์ธพูดขึ้นมาเป็นเสียงเดียวกัน

ก็จริงนะ แต่เวลาของหวานน้อย หวานคงต้องรีบตัดสินใจเลือกบ้านเช่าก่อนโรงเรียนลูกเปิดเทอม

บ้านเดี่ยวติดดินพร้อมเฟอร์นิเจอร์บริเวณสนามกว้างมาก และคิดว่าน่าจะสามารถเลี้ยงหมาหรือแมวได้ เพราะมีกรงหมาขนาดย่อมวางอยู่ตรงมุมของสนามหญ้าหลังบ้าน สถานที่หรือก็ใกล้โรงเรียนลูกมากจนคิดว่าเธอสามารถเดินไปโรงเรียนเองได้แน่นอน

แต่…บ้านทั้งหลัง ห้องทุกห้อง เก่า เหม็นอับ และมืดหม่น หาที่ให้แสงแดดสอดส่องเข้ามาภายในบ้านยากมาก

หวานจินตนาการตัวเองในบ้านหลังนี้ไม่ออกเลย นอกเสียจากว่าหวานเห็นตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า (ฮา) ในบ้านหลังนี้

แมนชั่นราคาสูงมีห้องครัว ห้องนั่งเล่น และห้องนอนสองห้อง ช่างเป็นที่ปรารถนาของเราแม่ลูกมากค่ะ

แต่เมื่อได้เข้าไปดู ไปสัมผัสแล้ว โอ้ ภายในช่างเล็กและโทรมมาก

เป็นโชคดีหรือเปล่าไม่ทราบที่บังเอิญได้มาประสบพบหน้ากับคนเช่าเดิมที่ยังทิ้งของไว้สะเปะสะปะ เดินหน้าบอกบุญไม่รับมาแต่ไกลจนหวานได้แค่ยิ้มให้ ไม่กล้าแม้แต่จะ say hello

โอ้…การหาบ้านเช่า ทำไมมันยากเย็นเช่นนี้?

ไม่ว่าบ้านเดี่ยว อพาร์ตเมนต์ หรือแมนชั่น เอาจริงๆ ที่คนเช่าสามารถอยู่ได้จริงอย่างสุขสบายนั้นน้อยมากจนแทบจะไม่มีเลย

หวานคิดถึงบริสเบนขึ้นมาทันที

 

ที่บริสเบนเมื่อ 18 ปีก่อนบ้านเช่าราคาไม่ได้แพงเช่นนี้ และผู้เช่าก็อยู่อย่างสบายในบ้านที่สะอาดสะอ้านที่เจ้าของบ้านให้การดูแล พร้อมแก้ไขทุกอย่างให้อย่างดีเยี่ยม

โอ้ หนอ อดีตที่แสนหวานชื่น

เอาละ! เป็นไงเป็นกันเมื่อเราตัดสินใจเลือกมาอยู่ที่เพิร์ธแล้ว เราก็ต้องมุ่งหน้าเดินหาบ้านเช่าที่เราพอใจให้ได้

Nedland คือความหวังของหวาน

เพราะแถวนี้เรียกว่าเป็นเขตผู้ดีเลยก็ว่าได้

ห้องเช่าก็ต้องแพงตามศักดิ์ศรีของสถานที่ ห้องสี่เหลี่ยมที่มีหนึ่งห้องนอน เปิดประตูเข้ามาก็เจอโต๊ะกินข้าวกับครัวจิ๋วกะทัดรัด เดินไปอีกหน่อยก็เป็นห้องนั่งเล่นที่เปิดประตูออกไปเจอก็สนามหญ้าสี่เหลี่ยมที่อนุญาตให้ผู้เช่าสามารถปลูกผัก ปลูกหญ้าได้

ห้องทั้งห้องถูกปรับปรุง ทาสีใหม่ เฟอร์นิเจอร์ทั้งหลายก็ใหม่ถอดด้าม

ใช่แล้วหวานจะเป็นเจ้าแรกที่ได้ใช้อุปกรณ์ในห้องนี้

หวานชอบห้องนี้ทันที ถึงแม้ว่าห้องน้ำกับห้องส้วมจะมารวมกันอยู่ในที่เล็กๆ ที่ยังไม่ทราบว่าจะอาบน้ำเช่นไร? ไม่มีเครื่องซักผ้า และห้องนอนก็ต้องแชร์กับลูก

แต่…แค่เดินออกไปไม่ถึงนาทีก็จะเจอสวนสาธารณะสีเขียวที่อยู่ติดริมแม่น้ำสวอนที่หวานสามารถไปออกกำลังกาย ไปวิ่งเล่นได้อย่างง่ายดาย

ที่ดีกว่านั้นคือเขตนี้เป็นเขตมหาวิทยาลัย WA ความปลอดภัย ความเข้าใจชีวิตนักเรียนต่างชาติของชาวบ้านในแถบนี้น่าจะดี

และการเช่าบ้านหลังนี้ก็เป็นไปอย่างง่ายดาย ไม่ต้องวุ่นวายกับเอกสารมากมายเหมือนการไปเช่าบ้านในเขตอื่นๆ

–แม่จ๋า เราไปดูห้องนี้กันนะหนูชอบค่ะแม่ ราคา 390 AUD ต่ออาทิตย์ค่ะ

–ราคาสูงไปไหมลูก ตอนแรกเราดูที่ 250-350 AUD นะคะ

–แต่ตอนนี้เราสามารถดูที่ 350-400 AUD ได้นี่คะแม่ แล้วห้องนี้ก็อยู่ในเงื่อนไขนะคะ ยังไม่เกิน 400 เลยค่ะ

ก็จริงของเธอนะ เพราะว่าถ้าเป็นราคาแรก ห้องส่วนมากก็จะเน่าไม่น่าอยู่ ต้องทำใจมากมายเกินเหตุ เราจึงเพิ่มเงินขึ้นมาอีกหน่อยเพื่อหนีความเน่า ความโทรมของห้องเช่า

–ได้ค่ะ งั้นเราไปดูกันนะคะ

 

วันที่เราไปดูกัน หวานเพิ่งส่งบทความให้มติชนสุดสัปดาห์เสร็จสดๆ ร้อนๆ ด้วยความรื่นเริงบันเทิงใจ หวานจึงนัดเพื่อนคนไทยไปดูด้วยกัน

นายหน้าสาวสวยคุณเคียร่า ยืนคอยด้วยรอยยิ้มที่สดใส แน่นอนทุกเสียงชอบห้องนี้มาก

จริงๆ หวานดูแค่ผิวเผิน หวานไม่ได้ดูอะไรละเอียดมากมาย เพราะก่อนมาเราทุกคนดูรูปในอินเตอร์เน็ตที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์นำมาแปะโฆษณากันแล้วชอบ

ส่วนลูกสาวหวานนี่ไม่ต้องพูดถึงเธอแอบกรี๊ดมากมาย เธอทั้งชอบ ทั้งหลงเสน่ห์ของบ้านในทันที

แต่ใจหวานยังติดอยู่ที่บ้านใน Nedland ที่ทุกอย่างเรียบร้อย สะอาดสะอ้านพร้อมเข้าอยู่ได้ทันที

แต่…ความยากในการตัดสินใจก็มาตกอยู่ตรงที่บ้านหลังนี้พร้อมลดราคาให้เป็น 350 AUD เท่ากัน และจะเหลือตู้เย็น เครื่องซักผ้า เก้าอี้โซฟา เตาไมโครเวฟไว้ให้อีกด้วย

ลูกสาวกระโดดสูงสุดตัว ยิ้มแย้มแจ่มใสที่บ้านเช่าที่ตัวเองเลือกมาค่อนข้างสมบูรณ์แบบที่สุด เพื่อนคนไทยต่างก็ช่วยกันคุยกับหวานให้ยอมจำนนเลือกบ้านเช่าหลังนี้ว่า

–น้องแตมโตแล้ว เธอต้องมีห้องส่วนตัวนะ

หรือ

–ที่นี่สะดวกนะ ใกล้โรงเรียน น้องแตมสามารถนั่งรถบัสไปโรงเรียนได้

หรือ

–หวานชอบซักผ้านะ ไม่มีเครื่องซักผ้า หรือที่ซักผ้าให้ หวานจะอึดอัดตายเอา

เอาละเมื่อทุกคนพยายามช่วยสาวแตมกันขนาดนี้ หวานก็ต้องโอนอ่อนผ่อนตามหาจุดดีของบ้านหลังนี้ให้ได้

บ้านตั้งอยู่บนพื้นดิน (ฮา)

 

ความสว่างไสวของห้อง ที่มีหน้าต่างกว้างรอบห้องนั่งเล่น และห้องนอน

สวนหลังบ้าน ถึงแม้ต้องแชร์กับบ้านหลังอื่นแต่ก็มีสีเขียวงดงาม ดอกไม้ ดอกหญ้าให้เห็นตอนเดินไปตากผ้า หรือเราจะลงมือปลูกต้นไม้บ้างเล็กน้อยก็สามารถทำได้

เหล่านี้เป็นเสน่ห์ให้ใจหวานเปลี่ยนมาเลือกบ้านเช่าหลังนี้ ภายใต้เงื่อนไข

หวานและลูกต้องคอยไปอีกสองอาทิตย์ถึงจะย้ายเข้าได้ และโรงเรียนลูกก็จะเปิดพร้อมกับการย้ายบ้าน (คงวุ่นน่าดู) หวานก็จะไม่มีที่อยู่ไปอีกสองอาทิตย์พร้อมด้วยข้าวของพะรุงพะรัง

บ้านไม่มีเฟอร์นิเจอร์ เอาละสิ…ทำไมมันช่างต่างกับที่โฆษณาไว้มากมายอย่างนี้นะ

–ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ก็ดีแล้วละ ไปนอนเตียงคนอื่นก็คงนอนไม่ลงนะ

หรือ

–ดีเลยจะได้ซื้อของใช้ที่ถูกใจที่เป็นของตัวเอง

ก็พูดกันไป…จากการที่ต้องประหยัดทำให้ค่าใช้จ่ายเริ่มบานปลาย

และเริ่มบานปลายมากขึ้นเมื่อต้องซื้อรถเพื่อจะได้ขนย้ายข้าวของลูกที่ย้ายออกมาจากหอพัก

รวมทั้งการต้องเดินทางหาที่อยู่ไปเรื่อยๆ อีกสองอาทิตย์เพื่อรอคอยการย้ายเข้าบ้านเช่า

ช่างเป็นอะไรที่ทรมานและเสียเวลาในการลงหลักปักฐานที่สุด

หวานรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฮิปปี้จนๆ ที่ต้องทนกับความหนาว ที่ต้องใส่เสื้อเดิมซ้ำๆ ที่ต้องอดทนรอคอยห้องเช่า ที่เจ้าของบ้านยังเอื่อยเฉื่อยกับการย้ายออก

โอ้หนอ…ชีวิต