ผ่าจุดอ่อน ส่องจุดแข็งประชาธิปัตย์ สลัดทิ้งภาพลักษณ์พรรคล้าหลัง

จุติ ไกรฤกษ์ ผ่าจุดอ่อนจุดแข็งประชาธิปัตย์ สลัดทิ้งภาพลักษณ์พรรคล้าหลัง

จุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ มองการเมืองตอนนี้ว่าทุกอย่างยังไม่นิ่ง ถ้าใครไม่มั่นคง ใจอ่อนแอ พอถึงวันที่ทุกอย่างลงตัวตกผลึก วันนั้นจะเสียคนได้ ตอนนี้คนอาจจะสนุกไปตามหนังที่ฉาย พอถึงตอนจบมีพระเอกกับผู้ร้าย คนก็จะมองออกเองว่าใครคือพระเอก ใครคือคนร้าย

“ถ้าถามความพร้อมของพรรคประชาธิปัตย์ว่า หากสมมุติว่ามีเลือกตั้งภายในไม่กี่เดือนนี้จะพร้อมขนาดไหน ผมคิดว่าเราก็ทำดีที่สุดเท่าที่เราสามารถกระทำได้ เพราะว่าเราไม่เคยอยู่เฉย หมายความว่าเขาห้ามหาเสียงกับชาวบ้าน เราก็ใช้เวลานี้ปฏิรูปองค์กรภายในของเรา ทำเรื่องของการสื่อสารกับสาขา ทำ Training บุคลากร ซึ่ง ปชป.มีทั้งหมด 189 สาขา ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย”

“ระหว่างนี้ผมไม่ตั้งตนอยู่ในความประมาท แม้ภาพรวมพรรคจะพร้อมมากพอสมควรแล้ว แต่ในเชิงลึกผมยังไม่พอใจ การที่เขาไม่เลือกตั้งเร็วก็ถือว่าผมได้ประโยชน์ ได้มีเวลาเตรียมตัวในการฝึกนักรบของผมมากขึ้น”

“ตอนนี้ทหารผมยิงปืนเป็นทุกคนแล้ว มีความแม่นยำพอสมควร หากมีเวลาให้เขาซ้อมมากขึ้นก็จะยิงแม่นมากขึ้น มีความอึดมากขึ้น”

“ที่ผ่านมาผมคิดว่าคนประเมินพรรคประชาธิปัตย์ต่ำเกินไป ซึ่งมันเป็นทั้งคุณและโทษ”

“การประเมินแบบต่ำว่าพรรคยังอนุรักษ์หัวโบราณ แต่มีใครเคยฉุกคิดสักคนหรือไม่ว่า ถ้า ปชป.ไม่มีพลวัต ไม่ปรับตัว จะอยู่มาได้ถึง 72 ปีหรือ?”

“นี่คือคำถามที่ผมถามและก็ตอบตัวเองอยู่เสมอ และเราก็ไม่เคยคิดแข่งเปรียบเทียบกับใคร แต่คิดว่าพรรคนี้เขามีมรดกทางวัฒนธรรมมาอย่างไร พวกผมที่อยู่กันก็เห็นว่าอะไรที่ดีก็ควรรักษาไว้ อันไหนที่มันถึงเวลาก็ต้องปรับปรุง ผมคิดแค่นั้น”

“ในสายตาคนนอกอาจจะมองว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงหวือหวา แต่ถ้าไม่ปรับปรุงคงไม่อยู่มาขนาดนี้หรอก ประชาธิปัตย์คือพรรคแรกที่พูดเรื่อง “ไพรมารีโหวต” เป็นพรรคแรกที่พูดเรื่องการกระจายอำนาจ ก่อนอนาคตใหม่อีก เราพูดและทำเรื่องการกระจายอํานาจตั้งแต่ตอนก่อตั้งพรรคแล้วก็ทำจริง ผลักดันกฎหมาย กทม. เมืองพิเศษพัทยา เป็นต้น”

คนรุ่นใหม่ vs. คนรุ่นเก่า

ณ ตอนนี้พรรคผมมากกว่าครึ่งหนึ่งมีเด็กรุ่นใหม่เข้ามามาก เพราะว่าต้องใช้ไอที ใช้เทคโนโลยี

ผมก็บอกว่าให้ผู้อาวุโสไว้เป็นที่ปรึกษาให้หมด แล้วเอาเด็กอายุต่ำกว่า 25 ปีเข้ามาทำ เด็กๆ ก็มีบทบาทเยอะ ผมทำมานานแล้วกว่า 3 ปี ก่อนอนาคตใหม่อีก

ผมไม่ได้ทำเพราะเป็นแฟชั่น แต่ว่ามันถึงเวลาแล้ว ถึงยุคที่ต้องทำ ผมก็ต้องทำให้ทันสมัย

ส่วนสัดส่วนการที่จะมีผู้สมัครหน้าใหม่มากขนาดไหน ตอนนี้ต้องบอกว่ายังไม่ลงตัว แต่บอกได้ว่าพร้อมที่จะให้โอกาสน้องๆ เต็มที่

หลายคนไม่ใช่ทายาทนักการเมือง เป็นคนที่มาจากหลากหลาย หรือมาเริ่มต้นทำงานการเมืองที่นี่เลยจำนวนมาก

จุดอ่อน จุดแข็งพรรค ณ เวลานี้

ผมมองว่าจุดอ่อนพรรคประชาธิปัตย์คือ พรรคนี้เหมือนต้องคำสาปที่ว่ามีนักกฎหมายเยอะ มีนักคิดอยู่มาก แต่มีนักโฆษณาน้อย นี่คือ “จุดอ่อน”

แล้วถ้าถามกลับว่า ถ้ารู้ว่ามีนักโฆษณาน้อย ทำไมผมไม่เอาเข้ามาเพิ่มเยอะๆ?

ผมก็มองว่ามันจะมีแต่พวกที่หาสาระยาก มีแต่เปลือก แต่ผมก็ปรับปรุงว่าโฆษณาให้เก่งขึ้น ทำให้มากขึ้น แน่นอนผมไม่อยู่เฉยๆ หรอก

พูดกันตรงๆ ผมว่าตั้งแต่รัฐประหารที่ผ่านมา ผมไม่เห็นว่ามีหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคไหนทำงานหนักเท่ากับคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ไม่ได้โฆษณากัน ไปนู่นไปนี่ก็ไม่เป็นข่าว ใครมาบอกว่าหัวหน้าพรรคผมช้ำแล้ว ผมบอกได้เลยว่าในจำนวนหัวหน้าพรรคทั้งหมด ผมไม่เชื่อว่ามีพรรคไหนไปรับฟังชาวบ้านได้เท่าหัวหน้าพรรคผม ต้องรู้ปัญหาของชาวบ้าน รู้ปัญหาประเทศ ไม่อย่างนั้นแก้ไขไม่ได้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง

ประการต่อมา ผมคิดว่าการที่คุณอภิสิทธิ์มีประสบการณ์ที่เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้วเจอทั้งความผิดพลาด ความล้มเหลวและความสำเร็จมีแล้วครบถ้วน คุณจะเอาอะไรอีก

เพียงแต่คุณอาจจะเบื่อหน้าเขาเท่านั้นเอง คนอาจจะชอบของสดใหม่กัน

จุดแข็ง ผมมองว่าเราอาจจะดูเหมือนเป็นคนดื้อ เป็นคนที่มีความมั่นคงในอุดมการณ์ ในสายตาท่านชวน หลีกภัย ผมเป็นคนทำงานในสภาแบบบู๊ล้างผลาญ สิ่งหนึ่งที่หลายคนไม่ทราบคือ ท่านชวนให้เครดิตแม่เลี้ยงติ๊ก ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู มาก เพราะอะไรรู้ไหม เพราะว่าเวลาและสถานการณ์มันได้พิสูจน์มาแล้วว่า เคยมีสมัยหนึ่งพรรคคุณทักษิณจะมาดูด เสนอทั้งตำแหน่งรัฐมนตรี และผลประโยชน์อื่นๆ ให้ แต่แม่เลี้ยงติ๊กปฏิเสธ เลือกที่จะอยู่กับพรรค

คุณชวนไปไหนก็จะบอกเสมอว่า คุณศิริวรรณคือวีรสตรีของพรรคในหัวใจ หรือคุณชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ก็ไม่เคยหนีไปจากพรรค คนเหล่านี้มีค่าตัวหมดแต่เขาไม่เคยไป และเขาก็ไม่เคยมาประกาศบอกหรือสร้างราคา

ผลกระทบพลังดูด

เราก็โดนเยอะแต่เราไม่ได้ร้องกระจองอแง ส่วนใหญ่โดนในพื้นที่อีสานและภาคเหนือ พูดแบบไม่อายเลย บางคนผมไปทำเตรียมพื้นที่ไว้นานถึง 2 ปีเต็ม ทำแบบมาตรฐาน คือให้ความรู้เขา สอนให้ไปศึกษาปัญหาชาวบ้าน ทำจนคุ้นชินกับชาวบ้านและยอมรับในตัวเขาแล้ว เกิดจุดเด่นในพื้นที่

คนพวกนี้เห็นก็มาดูดไปดื้อๆ มาช้อนตอนที่มีผลงาน ผมยังคิดเลยว่าถ้าผมทำเยอะกว่านี้มากๆ คงรู้สึกแย่กว่านี้

ตอนนี้ผมก็ต้องเร่งสร้างใหม่ แต่ด้วยพรรคเตรียมทำระบบไพรมารีอยู่แล้ว ฉะนั้น 1 ที่นั่งจะมีคนแย่งกัน 2-3 คน เมื่อมาเอาคนของผมไป ตัวเลือกอาจจะหายไป 1 ผมยังมีอีก 2 สำรองไว้

แต่ถ้าพูดตรงๆ คือผมก็ไม่อยากเสียใครไปแม้แต่คนเดียว ผมตั้งใจไว้ว่าจะให้มีคนเก่งทุกคนแย่งกันให้ได้ที่ 1

มองพรรคอื่นในกระดานการเมืองอย่างไร?

บอกไว้เลยว่าประชาธิปัตย์ไม่เคยประมาทพรรคไหนแม้แต่พรรคเดียว

กรณีพรรครวมพลังประชาชาติไทย รปช. (หรือพรรคที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อยู่) ผมก็ไม่เคยประมาท พื้นที่สุราษฎร์ธานีน่ากลัวหรือไม่ ผมบอกได้ว่าทุกวันนี้มีแต่การคาดเดาเอาเองของทุกคน เพราะว่ามันเป็นเรื่องใหม่

ไม่ว่ายังไง ปชป.ก็ต้องรักษาฐานตัวเองไว้ให้ได้ คุณสุเทพเองก็คงเข้าใจว่าทุกคนจะต้องทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อรักษาพื้นที่

พรรคคุณชัช เตาปูน ก็ขยันมาก ผมก็ต้องระวัง ในบรรดาพรรคที่ตั้งมาใหม่ทั้งหมดไม่มีใครขยันเท่ากับชัช เตาปูน นะ

ส่วนพรรคที่มียุทธศาสตร์ดีที่สุด วางไว้ดีมากคือภูมิใจไทย

ขณะที่พลังประชารัฐผมยังไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง ผมก็เลยไม่รู้ว่าเขาจะเป็นยักษ์ใหญ่หรือยักษ์เล็กกันแน่

คิดว่าปีหน้าจะได้เห็นการเลือกตั้งจริงๆ?

ผมเชื่อว่าคราวนี้ พล.อ.ประยุทธ์คงไม่โกหกแล้ว ประเทศประชาธิปไตยในโลกตะวันตกถึงวันนี้เขายอมเปิดเวทีให้เรามีที่ยืน ทั้งสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ รวมถึงอียู คุณไปให้คำมั่นกับเขาว่าปี 2562 จะได้เห็นการเลือกตั้ง นั่นคือโอกาสที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ได้ใช้ไปในนามของประเทศไทย

แต่ถ้าผิดคำพูดไปอีก ผมคิดว่าครั้งนี้เขาจะอยู่ได้ยากมากขึ้น

ในโลกตะวันตกและโลกธุรกิจ หรือในการเมืองก็ตาม คำว่า Trust หรือความเชื่อมั่น เชื่อถือ มันสำคัญที่สุด ถ้าคุณไม่มีเครดิตคุณอยู่ไม่ได้หรอก ถ้าไม่ทำตามคราวนี้ไม่มีใครช่วยได้แล้ว ต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้น และผมไม่เชื่อว่าวันนี้จะมีเหตุผลใดอ้างแล้ว

แต่เชื่อว่ามีอีกหลายชีวิตที่หากินประโยชน์จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์มีอำนาจอยู่ พวกนี้แน่นอนเขาก็ไม่ได้อยากให้มีเลือกตั้ง ที่สำคัญผมเชื่อว่าถึงเวลา ก่อนเลือกตั้ง รัฐบาลจะพยายามปฏิรูปเรื่องใหญ่ๆ ให้ได้ก่อน เช่น ปฏิรูประบบราชการ ปฏิรูปตำรวจ หรือปฏิรูปเรื่องเศรษฐกิจโดยเฉพาะเรื่องการผูกขาด โดยใช้ ม.44 ทำเรื่องเหล่านี้ ก่อนหมดอายุของรัฐบาลอย่างน้อย 3 เดือนเขาจะเร่งทำทุกอย่างพวกนี้ เพื่อดึงคะแนนนิยม

วันนี้ผมไม่บังอาจไปวิจารณ์เขาได้ว่ายังไม่ทำอะไร เพราะยังไม่สิ้นสุดเวลาเขาจริงๆ

ส่วนพวกผมเองก็ต้องเร่งดูเรื่องตัวผู้สมัครที่ถูกฉกไป ต้องหามาซ่อมแซม

ประเมินตัวเลขอย่างไร?

ผมรู้สึกโชคดีและโชคไม่ดีที่เวลามีคนมาประเมินตัวเลขเก้าอี้ที่พรรคเราจะได้ต่ำ ก็ไม่เป็นไร เราไม่ท้อถอย

ผมไม่เชื่อว่าโค้ชมวยข้างเวทีจะเก่งกว่านักมวยบนเวที

ทุกคนมีสิทธิ์วิจารณ์แน่นอน ไม่ว่ากัน

แต่ถ้าผมจะมองตัวเลขครั้งนี้ว่าหากเราได้มากกว่าครั้งไหนๆ ถือว่าเป็นธรรมสำหรับพวกผมที่ทำงานอย่างหนัก

เอาเป็นว่าผมเน้นอยู่กับความจริง ไม่เพ้อฝัน

แล้วผมทำตามสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 สอน คือทำปัจจุบันให้ดีที่สุดแล้วทุกอย่างจะออกมาดีเอง