มหัศจรรย์ปีนัง อย่างนี้ก็มีด้วย! [ขี่มอเตอร์ไซค์ จากเชียงใหม่ไปสิงคโปร์คนเดียว]

สิ่งที่ผมไม่รู้มาก่อน เกี่ยวกับการขี่มอเตอร์ไซค์ จากเชียงใหม่ไปสิงคโปร์คนเดียว (9)

เลี้ยวซ้ายออกสู่ทางแยกเพื่อเข้าถนน E36 มุ่งตรงเข้าสู่เกาะปีนัง จากนั้นก็เจอด่านเก็บเงิน

การข้ามไปปีนังจะต้องจ่ายเงินค่าธรรมเนียมไม่ว่าจะข้ามโดยใช้สะพานหรือใช้เรือเฟอร์รี่ เก็บเฉพาะขาไป ขากลับไม่เก็บ มีช่องทางสำหรับมอเตอร์ไซค์โดยเฉพาะ

เมื่อต่อคิวเข้าไปถึงด่านก็จะแยกเป็น 5-6 ช่องจ่ายเงินโดยไม่ต้องลงจากรถ แต่เป็นการจ่ายโดยใช้บัตร บัตรซึ่งเราไม่มี

และขณะที่แถวของเรากำลังเริ่มติดขัด มอเตอร์ไซค์คันข้างๆ ก็มาช่วยไว้ คุยกันไม่รู้เรื่องด้วยภาษาพูด แต่เข้าใจกันด้วยภาษามือ เขาเอาบัตรแตะให้ผ่านไป แล้วผมก็ล้วงกระเป๋าเอาเหรียญที่มีออกมาทั้งหมดให้เขาเลือกหยิบไป

เขาหยิบไปสองเหรียญ เขายิ้มให้ ผมยิ้มตอบพร้อมตอบขอบคุณ แล้วก็ได้เวลาข้ามสะพาน

สะพานข้ามทะเลขนาด 13.5 ก.ม. มีช่องจราจรถึง 6 ช่อง 3 ช่องไป กับอีก 3 ช่องกลับ และมีเลนมอเตอร์ไซค์อยู่ซ้ายสุดอีกข้างละ 1 ช่อง เป็นสะพานที่ใหญ่มาก

และทั้ง 6 เลน รถก็วิ่งหนาแน่นโดยตลอด

ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ปีนังเป็นเมืองท่าสำคัญแห่งหนึ่งในเอเชีย วัฒนธรรมผสมผสานหลากหลายและยาวนาน บางคนมาจากเมืองไทยเพื่อซื้อของที่ปีนังไปขายเพราะของราคาถูก บางคนก็ส่งลูกหลานมาจากเมืองไทย เพื่อเรียนหนังสือที่ปีนังเพราะมีสถาบันการศึกษาดีๆ และยังสอนเป็นภาษาจีน

ได้เวลามาเห็นของจริงกับตาเสียที…

ทะเลสีเขียวงดงาม ที่ขอบทะเลมองเห็นตึกสูงเรียงราย และด้านหลังตึกสูงก็มองเห็นภูเขาซ้อนกันเป็นชั้นๆ เป็นเมืองใหญ่และธรรมชาติของภูเขา และทะเลที่ผสมกันอยู่ เป็นมุมมองทางสายตาที่ดูแล้วขัดกันยังไงไม่รู้

เกาะ เป็นคำที่เราน่าจะรู้สึกต่อเนื่องกับธรรมชาติ ชายหาด สงบ ท่องเที่ยว พักผ่อน แต่เกาะปีนังไม่ให้ความรู้สึกอย่างนั้นเมื่อมองจากสะพานขนาด 6 ช่องจราจรกับอีก 2 ช่องมอเตอร์ไซค์ที่มีรถวิ่งหนาแน่น

อันที่จริงมันให้ความรู้สึกเหมือนขี่เข้ามาที่แผ่นดินใหญ่มากกว่าขี่ไปเกาะ

สงสัยเมืองท่าคงจะเป็นอย่างนี้เอง…ไม่ใช่เกาะแห่งธรรมชาติและท้องทะเลงาม แต่เป็นเกาะแห่งการติดต่อค้าขาย เกาะแห่งการทำธุรกิจ เกาะแห่งการศึกษา…บางทีสิงคโปร์ก็คงจะเป็นอย่างนี้ถ้าขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไป แต่ทุกครั้งที่เคยไปก็ไปโดยเครื่องบิน ก็เลยไม่เคยเห็นส่วนผสมอย่างนี้

แต่การขี่มอเตอร์ไซค์ข้ามสะพานขนาด 6 ช่องจราจรกับอีก 2 ช่องมอเตอร์ไซค์ยาว 13.5 ก.ม. ที่มีการจราจรหนาแน่น ก็ยังคงถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี ทะเลสีเขียวสวยงาม และภูเขาก็สูงใหญ่มีต้นไม้เต็ม

เกาะปีนังมีขนาด 293 ตร.ก.ม. ขนาดใกล้เคียงกับเกาะสมุยของเราที่มีขนาด 236 ตร.ก.ม. ส่วนเกาะภูเก็ตของเรามีขนาดใหญ่กว่าที่ 515 ตร.ก.ม.

ขณะที่ขนาดของเกาะในประเทศไทยคงที่แน่นอนมาหลายปี ขนาดของเกาะปีนังจะไม่คงที่ เกาะปีนังมีการเจริญเติบโตได้…เพราะปีนังถมทะเล

ข้ามสะพานเข้าสู่เกาะมาเรียบร้อยก็ได้เวลาตั้งแผนที่จากโทรศัพท์เพื่อมุ่งหน้าสู่ไทรอัมพ์ปีนัง เรามีระบบส่งกำลังขั้นสุดท้ายที่ถึงแม้จะทำงานได้เป็นอย่างดีมากในวันนี้ มันก็จะต้องได้รับการแก้ไข

และเมื่อไปถึงไทรอัมพ์ปีนัง ด้วยสภาพที่ฟันฝ่าการจราจรมา ความร้อนระดับเหงื่อท่วมร่าง ก็ถามหาแดเนียล คนที่คุยกันไว้ทางโทรศัพท์

“อะไหล่ของยูยังมาไม่ถึง แต่ไม่ต้องห่วง มันจะมาถึงในระยะเวลาอันใกล้นี้” “โอเคไม่มีปัญหา แต่ไอจะฝากรถไว้ที่ยูละกัน ไอพักอยู่ที่โรงแรมนี้ ยูทำเสร็จช่วยเอารถไปส่งให้ไอหน่อย” แดเนียลบอกตกลง

แล้วเราก็แลกเบอร์โทรศัพท์กันและคุยกันต่อ

…เรื่องราวที่คุยกัน แน่นอน ต้องเป็นเรื่องราวของชีวิตบนมอเตอร์ไซค์

แดเนียลเป็นคนมาเลเซียเชื้อสายจีน เป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ ไทเกอร์ ขนาดแปดร้อยซีซี สามสูบเรียง และหลังจากที่รู้ว่าผมขี่มาจากเชียงใหม่ เขาก็บอกว่า ไอไปมาหมดแล้วนะเมืองของยูน่ะ ไปถึงเชียงใหม่ ถึงปาย ถึงแม่ฮ่องสอน แม่สะเรียง เชียงราย ไอไปมาหมดแล้ว…

ไม่อยากเชื่อ นี่เรามาเจออัจฉริยะอีกคน ทำไมมันมีไอน์สไตน์เยอะจังแถวนี้…และเมื่อรู้ว่าผมจะมุ่งหน้าไปสิงคโปร์ “เป็นความฝันของไอตั้งแต่ยังเด็ก” เขาไม่แปลกใจ

ก่อนจากกันผมย้ำกับเขาว่า การขี่เป็นงานของไอ ส่วนงานซ่อมบำรุงเป็นงานของยู และถึงแม้ไอจะเตรียมอุปกรณ์การซ่อมมาครบ ไอก็ทำอะไรไม่เป็นสักอย่างนอกจากการขี่

และไอไม่ต้องการปัญหาอะไรอีกตลอดทริปนี้ ถ้ายูคิดว่าอะไรมันจะไปไม่จบทริป ยูก็เปลี่ยนมันซะเลยก็แล้วกัน

แดเนียลบอกโอเค จะตรวจให้ละเอียด และจะไขน็อตทุกตัวทั้งคันให้แน่น

ผมรู้สึกวางใจเพราะแดเนียลมีประสบการณ์ขี่มอเตอร์ไซค์ไกลๆ มาก่อน คงเข้าใจว่าต้องตรวจสอบอย่างละเอียดแค่ไหนอย่างไร และก็ด้วยความใส่ใจ และความเข้าใจของผู้รักการขี่มอเตอร์ไซค์ชื่อแดเนียลกับลูกน้องมือขวาผู้รู้ใจของเขา

ตลอดทั้งทริปที่เหลือเจ้าสองสูบเรียงเสียงเพราะก็ไม่มีปัญหาอะไรอีกเลยแม้แต่นิดเดียว

เรียกอูเบอร์ มุ่งหน้าสู่โรงแรม เช็กอิน ตรงเข้าห้องพัก เข้าสู่ห้องอาบน้ำ เปิดน้ำเย็น…โอย…ร้อนชะมัดวันนี้ เหงื่อท่วมไปทั้งตัว ได้น้ำเย็นๆ อย่างนี้

คิดถึงพระเจ้าได้อย่างเดียว…แต่ยังเคืองอยู่…แต่ก็คิดถึง…

อาบน้ำเสร็จ เตรียมตัวชื่นชมทะเล จองโรงแรมนี้เพราะดูจากแผนที่แล้วติดทะเล อยู่ขอบเกาะทีเดียว แล้วก็ดึงม่านหน้าต่างออก โอ้พระเจ้าจอร์จ…โกดัง…คิดในใจ ใครเขาสร้างโรงแรมแบบนี้นะ สร้างโกดังติดชายทะเล แล้วก็สร้างโรงแรมติดโกดัง

เมื่อแต่งตัวเสร็จลงมาถามที่ฟร้อนต์ “ยูมีห้องที่เห็นทะเลป่าว” โรงแรมค่อนข้างหรู และผมก็แต่งตัวแบบกางเกงขาสั้นกับรองเท้าแตะ ด้วยเพราะว่ากางเกงยีนส์ รองเท้าหุ้มข้อมาทั้งวัน ก็รู้สึกถวิลหาอะไรที่มันสบายๆ หน่อย…

แต่การแต่งตัวของผม คงจะไม่ถูกใจพนักงานหน้าฟร้อนต์ ตอบด้วยเสียงกระแทกกระทั้น… “มี”

ผมสวนกลับ “ต้องเพิ่มเงินเท่าไหร่”

“หกร้อยสามสิบห้าริงกิต” กดเครื่องคิดเลขแป๊บ…ห้าพันกว่า “แต้งกิ้ว”

หันหน้าออกจากฟร้อนต์ คิดในใจ นอนดูโกดังก็ได้วะ