ทำไมมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับ1985(31 ส.ค. – 6 ก.ย. 61) ถึงพาดปกว่า “พอแล้ว โดนด่าพอแล้ว”

กระแสข่าว “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” จะวางมือทางการเมือง อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่นัก
โดยเฉพาะ ที่คาดหมายว่า หลังจากผลักดัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง พี่ใหญ่ ก็จะไปพักผ่อน
มีการพูดเป็นระยะๆ
แต่การพูดด้วยสีหน้าที่เรียบขรึม และน้ำเสียงเบาๆ ล่าสุดของพล.อ.ประวิตร ว่า
“ผมพอแล้ว โดนด่าพอแล้ว”
มีอะไรบางอย่าง ที่เป็นปริศนาชวนหาคำตอบ
ด้วยเพราะมันแฝงไปด้วยความน้อยใจอะไรบางอย่าง
จนทำให้ “พี่ใหญ่” ที่ทำเพื่อน้องมาตลอด ต้องลุกขึ้นมา ทำเพื่อตนเองบ้าง
ล่าสุด พล.อ.ประวิตร ใช้อำนาจรองนายกฯ ตั้งให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เป็นผู้ช่วยโฆษกประจำตนเอง
นำมาสู่ เพจ “มุมน่ารักของลุงป้อม” ที่ตั้งขึ้นเพื่อรุกทาง”บวก”ในโซเชียล ให้พล.อ.ประวิตร อย่างเต็มตัว
“ลุงป้อม อายุ 73 ปีแล้ว เห็นทีไรนึกถึงพ่อ จริงๆ ควรจะพักอยู่บ้าน นอนสบายๆ ครอบครัวก็เลี้ยงตัวเองได้ทั้งชีวิต แต่ลุงต้องมาตื่นเช้า ทำงานหนักเพื่ออะไร? คิดสิคิด ลองคิดคิด”
นั่นคือ ความรู้สึกของ FCลุงป้อมที่ระบายผ่านเพจ
พร้อมคำเรียกร้องให้ ช่วยกันคิด
แน่นอน ฝ่ายตรงข้าม ที่ด่าพล.อ.ประวิตรมาตลอดคงไม่ต้องมานั่งเสียเวลา ช่วยคิด ตามการเรียกร้อง
แต่ คนกันเอง และคนในวงใน ต่างหาก จะนั่งอยู่เฉยๆได้อย่างไร
จะปล่อยให้ พล.อ.ประวิตรถูกด่าคนเดียว ไปเช่นนั้นหรือ
คงต้องรีบเคลียร์ รีบช่วย เพราะศึกใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น
การตอกลิ่ม การสร้างเงื่อนไขให้ “ป้อมปราการแตกจากภายใน” ย่อมรุนแรงเป็นธรรมดา
“พี่ใหญ่” แม้จะต้องปกป้องน้องๆก็ตาม
แต่น้องๆ ก็ควรเข้าใจว่า “พี่”ก็มีความรู้สึกน้อยอกน้อยใจได้เป็นธรรมดา
ดังที่อาจมีคนปลาบปลื้มใจ กับคำพูดของ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่น ที่ว่า ให้คะแนนเต็มร้อยแก่นายกรัฐมนตรี ที่มีความจริงใจต่อการต่อต้านการทุจริต
แต่ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นเอง ก็ ตั้งแง่ “(แต่)ยอมรับว่ามีบุคคลใกล้ตัว(นายกฯ)ที่สังคมตั้งข้อสงสัย”
ฟังตรรกะเช่นนี้ หากไม่ช่วยกันคิด พากันไปดีใจ และเพริดไปกับคำยกยอ
แน่นอน ย่อมมีคน”กันเอง”น้อยใจ เป็นธรรมดา
————————