จรัญ พงษ์จีน : ประเด็น “มหาดไทย” กับ “พลังงาน” กลายเป็นคนละเรื่องเดียวกัน

จรัญ พงษ์จีน

“กระทรวงมหาดไทย” กับ “กระทรวงพลังงาน” ชั่วโมงนี้ กลายเป็นแฝดมหัศจรรย์คู่ใหม่ของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่มีเสียงตั๊บแก ร้องทักกันมากที่สุด “แตกประเด็น” มาให้เคีลยร์กันอยู่เป็นระลอก ตกที่นั่ง “ตำบลกระสุนตก” แทบไม่มีเวลาพักเบรก หนักครือๆ กัน

แม้ว่าเรื่องราวที่โดนแซ่ซ้องร้องถาม จะคนละอ่าว คนละแหลม ไม่ได้เป็นเรื่องเดียวกัน แต่กลับมีความพยายามทำให้เป็นเรื่องเดียวกัน ให้เข้าใจในเนื้อหาว่ามีบางส่วนคล้ายคลึงกันอยู่ เข้าลักษณะ “คนละเรื่องเดียวกัน”

“กระทรวงคลองหลอด” ที่ “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” นั่งรัฐมนตรีว่าการ กุมรหัส “มท.1” ผูกปีมายาวนาน ตั้งแต่ยึดอำนาจใหม่ๆ ตราบปัจจุบัน “งานเข้ารัวๆ” ติดต่อกันหลายเด้ง

ตอนนี้ “ขยะพ่นพิษ” นับตั้งแต่รัฐบาล “บิ๊กตู่” ยกระดับให้การแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยเป็น “วาระแห่งชาติ” จัดทำโรดแม็ปการกำจัดขยะและของเสียอันตราย ด้วยการจัดตั้งศูนย์ขึ้นมาแบบครบวงจร เร่งรัดทั้งกำจัด-ขนย้าย แต่ไฮไลต์อยู่ที่ “แปรรูปเป็นเชื้อเพลิง/พลังงานไฟฟ้า”

ดังที่ทราบ ปัจจุบันปริมาณขยะมูลฝอยของไทยตกค้างสะสมอยู่พะเนินเทินทึกทั่วประเทศราว 15 ล้านตันต่อปี และมีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี

ทางรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” ให้ความสำคัญมากถึงขนาดว่า ยอมงัดเครื่องทุ่นแรงวิเศษ คือ “มาตรา 44” เพื่อทลายกำแพงอีกด้าน ด้วยการประกาศยกเว้นให้ “โรงไฟฟ้าขยะมูลฝอย” ไม่ต้องจัดทำรายงานศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม

เปิดประตูให้การประกอบกิจการไฟฟ้าในหลายประเภท ได้รับการยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยผังเมือง ปัจจัยดังกล่าวจึงเป็นเงื่อนไขสำคัญให้ “ขยะ” คือสิ่งต่างๆ ที่ผู้คนไม่ต้องการและทิ้งไป ทั้งที่เป็นของแข็ง ของเหลว ของเสีย ของที่ใช้ประโยชน์ต่อไปไม่ได้ และมีพิษต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม มีราคาค่างวดเป็น “ทองคำ” ขึ้นมาโดยพลัน

ยิ่งไปกว่านั้นคือ การทุ่มงบประมาณลงไปกว่า 1 แสนล้าน กระจายผ่านทาง “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” ยลตามช่องในหลายรูปลักษณ์ หนึ่งคือโรงไฟฟ้าขยะชุมชน ที่มีข่าวว่าเกิดไปขัดข้องหมองใจกับ “คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน” ในสังกัดกระทรวงพลังงาน

เกี่ยวกับการขยายโควต้าซื้อไฟฟ้าขยะชุมชน ที่อีกฟากกระโน้นไม่ยอมขยับขยายให้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้มีการหยิบมาเล่นแร่แปรธาตุ ปล่อยข่าวเล่นงานกระทรวงมหาดไทยหมายมุ่งกระแทกกลาง “พล.อ.อนุพงษ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอย่างต่อเนื่องด้วยความเมามัน

ตีเลียบค่ายเกี่ยวกับ “เมกะโปรเจ็กต์แสนล้าน” โครงการบริหารจัดการขยะทั่วประเทศ กับนโยบายการผลิตไฟฟ้าขยะจากชุมชน ที่อยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งก็พอเดาออกบอกถูกว่า ต้องการจะเล่นงานใคร จนเจ้าตัวคือ “บิ๊กป๊อก” ต้องออกมาแก้ต่างกันมือระวิง ประเด็นนี้เงียบไป ก็น่าจะมีเรื่องใหม่-เรื่องเก่ามาผสมโรงต่ออีก

 

ขณะที่คู่จิ้น คือ “กระทรวงพลังงาน” รับขวัญปลัดกระทรวงคนใหม่ “กุลิศ สมบัติศิริ” ที่เป็นเสือข้ามห้วยจากอธิบดีกรมศุลกากรได้แซ่บอีหลีเอามากๆ เพราะถือว่าช็อกซินีม่ามากพอสมควร

แต่ไม่มีใครสนใจประเด็น “คนใน-คนนอก” กันสักเท่าไหร่ โมเมนตัมกลับไปตกอยู่ที่ “สำนักบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน”(ส.กทอ.) โดย “ระเบิดลง” ที่ “สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน” (สนพ.) กระทรวงพลังงาน

“ดร.โจ๊ะ-ทวารัฐ สูตะบุตร” ผอ.สนพ. เละเป็น “ดร.โจ๊ก”

โดยมีการหยิบเอาประเด็นการบริหารงบฯ โครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ 2562 ของ ส.กทอ. มาตั้งข้อปุจฉา-วิสัชนา ตามหน้าสื่อหลายสำนัก

โดยนำเรื่องหวือหวาน่าตื่นเต้นเร้าใจมาเล่าสู่กันฟังหลายฉากหลายตอนว่า เมื่อการประชุมคณะกรรมการอนุรักษ์ฯ วันที่ 16 กรกฎาคม 2561 ยังสดๆ ร้อนๆ ตัวยังอุ่นอยู่เลยนั้น ก่อนปิดประชุม มี “เสือซุ่ม” เสนอวาระขอโอนการจัดสรรโครงการไทยนิยมยั่งยืน และขอเปิดประเด็นพิจารณางบประมาณประจำปี 2562 ทั้งๆ ที่ไม่มีอยู่ในวาระการประชุมแต่อย่างใด

รวดเร็วฉับไวดุจกามนิตหนุ่มเลยทีเดียว จากนั้นก็ “ฟาสต์แทร็ก” กันเสร็จสรรพ ใช้เวลาแค่ 2 วัน ซึ่งผิดระเบียบว่าด้วยการบริหารเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2560

นอกจากนั้นแล้ว ยังเปิดแผลกันออกมาเป็นชุดๆ มีรายการระบุเป็นวรรคเป็นเวรอีกว่า “สนพ.” นอกจากเป็น “เสือนอนกิน” คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของเงินกองทุนแล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง คือการพิจารณาโครงการเพื่อนำเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ ก็เฉพาะโครงการที่เป็นของพวกพ้อง ที่ได้รับจัดสรรปั่นส่วนเงินกองทุน ซึ่งล้วนเป็นหน้าเดิมๆ รายเก่าๆ “เวียนเทียน” กันอร่อยไปเลย

บางโครงการก็ใช้แค่สถาบันการศึกษามาบังหน้าในการขอเงินกองทุน แต่จะมีบริษัทหน้าม้าเป็นผู้ดำเนินการให้ทั้งหมด เป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้วที่ขบวนการเอื้อประโยชน์เข้าขุดทองในกระทรวงพลังงานจนเข้มแข็ง

ภาพโดยสรุป กระทรวงพลังงานเวลานี้มี “เอาต์ซอร์ซ” เป็นผู้บริหารตัวจริงเกือบจะทั้งหมด ขณะที่ข้าราชการแทบจะไม่มีบทบาทอะไรเลย

ทั้งหลายทั้งปวงที่เป็นข่าวเชิงลบจาก “กระทรวงมหาดไทย-กระทรวงพลังงาน” ดังที่บอกแล้วว่า “คนละเรื่องเดียวกัน” ตอนนี้ถือว่าร้อนแรง ลือหนัก “พล.อ.ประยุทธ์” ในฐานะผู้นำรัฐบาล ก็ปวดหัวหนักไม่น้อยเหมือนกัน

ต้องรีบจัดการแก้ไขเสียแต่เนิ่นๆ ก่อนจะสายเกินไป