อุรุดา โควินท์ / ความทรงจำ : ไม่ได้เอ่ยคำลา

ก่อนหน้าเขาจะจากไป เราไม่ได้ติดต่อกันเกือบปี ราวกับไม่รู้จัก ไม่เคยคบหา ไม่ใช่เพื่อนกัน ฉันไม่แน่ใจ-รอยร้าวเริ่มต้นตรงไหน แต่ฉันเห็นมันแตกหักเป็นเศษเล็กเศษน้อย, ซากความสัมพันธ์ของเรา

ทิ่มแทงจิตใจ ยามตระหนักว่า เราเป็นเพื่อนกันมานานแค่ไหน

เกือบยี่สิบปี

ตั้งยี่สิบปีที่เราเป็นเพื่อนกัน แต่เขาเขียนอีเมลมาว่า จากนี้ไปให้ต่างคนต่างทำงาน ต่างใช้ชีวิต เป็นเพียงคนเคยรู้จัก

ข้อความสุดท้ายถึงฉัน แล้วหนึ่งปีต่อมา เขาก็จมหายในแม่น้ำโขง เขาจากฉันไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เคียดแค้น

 

แรกรู้จัก เราเข้ากันไม่ค่อยได้ เราทำงานธนาคารเดียวกัน อยู่ในห้องเดียวกันวันละ 6-8 ชั่วโมง แต่เขามักวางตัวเองออกห่างฉัน ใช้เวลาหลายเดือน เขาถึงเปิดใจรับฉันเป็นเพื่อนร่วมงาน

ฉันไม่รู้เหตุผล แม้เราเป็นเพื่อนกันแล้ว ฉันไม่เคยถาม เพราะรู้อยู่แก่ใจ-หลายเรื่องที่เราคิดไม่เหมือนกัน…เกือบทุกเรื่องนั่นล่ะ เว้นเสียแต่ เราต่างก็คิด-ธนาคารไม่ใช่ที่ของเรา

หลายคนบอกว่าเพื่อนควรมีความชอบคล้ายคลึงกัน นั่นถูกต้อง แต่เพื่อนหมายถึงคนคิดต่างกันก็ได้ หากมีความปรารถนาดี และให้เกียรติกัน

มิตรภาพของเราไม่เกี่ยวกับความเข้ากันได้ หากวางอยู่บนน้ำใสใจจริง และความนับถือ ฉันรู้สึกโชคดีที่มีเพื่อนอย่างเขา ความแตกต่างทำให้ฉันได้เรียนรู้ และพยายามทำความเข้าใจ

บางเรื่อง ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไปไม่ถึงใจเขา แต่ฉันก็ได้รู้จักและยอมรับคนคนหนึ่งในฐานะเพื่อน ทั้งที่ไม่อาจเข้าใจ

มันง่ายกว่า ถ้ามีเพื่อนที่มองโลกเหมือนกัน ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ในเรื่องเดียวกัน แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ กับคนที่แตกต่างจากเราเหลือเกิน

 

เขาตื่นเช้ามาก ราวตีสาม ตื่นพร้อมกับย่าของเขา สำหรับฉัน ตีสามถึงตีห้า คือห้วงเวลาหลับใหลแสนสงบ วันที่ฉันไปพักบ้านของเขา ฉันสะดุ้งตื่น เสียงกระชากฉันออกจากความสบาย…เสียงก่อไฟ เสียงคนคุยกัน

ฉันหงุดหงิด…อะไรกัน นี่อยู่บ้านหรืออยู่วัด (วะ)

ตีสามไม่ใช่ยามเช้าของฉัน ฉันนอนกลิ้งบนฟูกอย่างรำคาญใจกระทั่งตีสี่ ก่อนตัดใจลุกมาล้างหน้า ครั้นเดินออกจากห้อง ฉันก็ได้กลิ่นหอมยวนใจ

กลิ่นซึ่งบอกฉัน-วันใหม่มาถึงแล้ว

“ทำไมหอมอย่างนี้” ฉันตะโกนเข้าครัว ความหงุดหงิดรำคาญใจถูกแทนที่ด้วยความหิว

เขาหัวเราะ “ข้าวนึ่งของย่า ไม่มีใครสู้ได้ นุ่ม เหนียว หอม ไม่ติดมือ”

ฉันหยิบข้าวมาปั้น ส่งเข้าปาก เคี้ยวช้าๆ อา…ทำไมอร่อยขนาดนี้ ก็แค่ข้าวเปล่า

เขาบอกว่านอกจากต้องแช่ข้าวไว้หนึ่งคืน น้ำที่แช่ต้องมีส่วนผสมของน้ำแช่ข้าวคืนก่อนด้วย และสำคัญมากที่ไฟต้องไม่แรงไป นึ่งให้ข้าวสุกช้าสักหน่อย แล้วเทข้าวจากไหนึ่งลงถาด เอาไม้พายคนระบายความร้อน ให้ไอน้ำระเหยออกหมด จึงเก็บข้าวไว้ในกระติกใบเล็กซึ่งรองด้วยผ้าข้าวบาง

นึ่งวันละครั้ง เก็บไว้กินทั้งวัน

 

เช้าวันนั้น เรากินข้าวเหนียว น้ำพริกตาแดง หมูทอด และผักนึ่ง เป็นมื้อเช้าวิเศษสุด ฉันปั้นข้าวเหนียวคำแล้วคำเล่าจิ้มน้ำพริก หยิบหมูทอดเข้าปาก ตามด้วยผัก ฉันกิน กิน และกิน กระทั่งทุกอย่างในสำรับหมดเกลี้ยง

“กินเก่ง ทำไมตัวน้อยเดียว” ย่าพูด แล้วหัวเราะ

ฉันไม่ได้บอกย่าหรอก มื้อนี้เท่านั้นล่ะที่กินได้มากขนาดนี้ ไม่รู้เพราะอะไร ข้าวเหนียวของย่า น้ำพริกของย่า หมูทอดของเขา หรือเพราะแสงตรงขอบฟ้านั่น

อย่างน้อยที่สุด เราก็ชอบกินข้าวเหนียวกับหมูทอดเหมือนกัน ฉันบอกตัวเอง ขณะทำหมูทอดแบบที่เขาทำ

ใช้สันคอหมู หั่นชิ้นเล็ก แต่ให้มีความหนาหน่อย ถ้าบางเกินไปหมูจะแข็งกระด้าง หมักหมูง่ายๆ ด้วยเม็ดผักชีตำ และรากผักชี กระเทียมพริกไทยตำ ปรุงรสด้วยน้ำปลาหรือเกลือก็ได้ แล้วแต่ชอบ เขาบอกว่า ถ้าชอบเค็มก็ใส่น้ำปลาเยอะหน่อย แต่อย่าใส่น้ำมันหอยเลย มันหวาน และเวลาทอดจะติดกระทะ

หมักไว้สิบห้านาที หรือครึ่งชั่วโมง เอาแป้งทอดกรอบโรย คลุกให้ทั่วถึง แล้วทอดในน้ำมันร้อนจัด ทอดให้ข้างนอกกรอบเป็นสีน้ำตาล จะได้หมูทอดที่กรอบแต่ไม่แข็ง หอมกลิ่นเครื่องเทศ มีรสเค็มพอเหมาะ กินเท่าไรๆ ก็ไม่เบื่อ

ฉันทำหมูทอดแบบที่เขาสอนบ่อย กินกับข้าวหุงบ้าง กินกับข้าวเหนียวบ้าง บางครั้งก็ทำเป็นกับแกล้ม

 

เพื่อนจากไปครบหนึ่งปี โดยไม่ทันถามให้รู้ความว่าโกรธอะไรนักหนา เข้าใจอะไรผิด

ใช่! ฉันเคยเมลไปถาม เคย inbox ถาม เคยโทรศัพท์ไป แต่ทุกสารจากฉันถูกปฏิเสธอย่างกับเป็นเชื้อโรค

มันทำให้ฉันโกรธ

ไม่ต้องเป็นเพื่อนกันก็ได้ อันที่จริง เราไม่เหมาะจะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่แรก – ฉันคิด

กระทั่งได้รับข่าวของเขา ข่าวสุดท้าย และภาพสุดท้าย แม้ไม่เห็นหน้า ฉันก็จำได้ ฉันภาวนาให้ร่างชายจมน้ำไม่ใช่เขา ทั้งที่ฉันจำได้ สายรัดข้อมือ เสื้อผ้า รูปร่าง ทั้งหมดที่เห็น บอกว่านั่นคือร่างของเพื่อน

คำว่าเพื่อนหวนกลับมา เอ่อล้นในใจ ไม่โกรธเขาแล้วล่ะ จะลองติดต่อเขาอีกที ต้องถามให้รู้เรื่อง ต้องรู้ให้ได้ ต้องปรับความเข้าใจ ต้อง…

เสียดายที่ไม่ทัน ฉันคิดช้าเกินไป รู้สึกช้าเกินไป จำต้องยอมรับ เพื่อนจากไปแล้ว ไม่ทันได้กล่าวขอโทษ

หรือแม้แต่เอ่ยคำลา