เหตุเกิดที่หน้าองค์พระปฐมเจดีย์

โยมท่านหนึ่งเขียนไลน์มายาวมาก อ่านจนปวดตา ท่านมีความไม่สบายใจและต้องหาที่ระบาย ก็เลยระบายมาที่ผู้เขียน

แหม เห็นเราเป็นถังขยะ

แต่เมื่อพิจารณาเนื้อหาแล้ว ก็คิดว่าเป็นเรื่องที่เราชาวพุทธต้องช่วยกันแล้วละ

โยมผู้หญิงท่านนี้ ไปองค์พระปฐมเจดีย์ ด้วยความตั้งใจจะทำบุญใส่บาตร เห็นโต๊ะที่วางอาหารเช้าเพื่อให้คนใส่บาตร ด้านหน้าโต๊ะนั้นมีพระภิกษุยืนอยู่สี่รูป เลยเดินตรงไปที่โต๊ะขายอาหารนั้น หยิบเงินเตรียมซื้ออาหารถวายพระ แต่เข้าไปทางด้านหลังคนขาย เพราะด้านหน้าพระท่านยืนอยู่แล้ว

ปรากฏว่า พระรูปหนึ่งที่ยืนอยู่นั้น หยิบกับข้าวและธูปเทียนในบาตรมาวางคืนบนโต๊ะ ด้วยท่าทางไม่ไยดี

โยมท่านนี้ก็งง จ้องมองพระรูปนั้น พระรูปนั้นก็จ้องกลับ โยมก็ไม่ละสายตายังคงจ้องพระรูปนั้น พระท่านก็เลยเลี่ยงไปยืนพิงป้ายที่อยู่ข้างๆ

โยมก็สงสัยว่า แล้วพระอีกสามรูปจะทำแบบเดียวกันหรือเปล่า ในใจก็ยังอยากใส่บาตรอยู่

รูปที่สอง ของเต็มบาตร พอคนใส่บาตรออกไปแล้ว ก็เอาของที่ใส่บาตรนั้นมาวางบนโต๊ะ คนขายเก็บถุงอาหารที่พระวางไว้ เอาลงข้างล่าง เอาออกมาเรียงใหม่บนโต๊ะ

รูปที่สาม หยิบแต่เงินที่มีผู้ถวายพร้อมอาหาร ส่งบาตรให้เด็กวัดมารับบาตรเอาไปรวมไว้ที่รถปิกอัพที่จอดอยู่ใกล้ๆ โยมก็นึกว่า คงจะเอาอาหารไปแบ่งปันที่วัด ปรากฏว่า เดี๋ยวคนขายก็เดินไปที่รถปิกอัพแล้วเอาอาหารที่ใส่บาตรพระไปแล้วนั้นกลับมาตั้งขายใหม่

ตอนนั้น รูปที่สี่กำลังให้พรญาติโยมที่มาใส่บาตร

โยมเลิกคิดจะใส่บาตรแล้ว เลยเดินไปซื้อกาแฟ

ตอนที่เดินกลับมาเป็นช่วงที่พระรูปที่หนึ่งวนกลับมารับบาตรใหม่

 

โยมถามว่า อย่างนี้เขาเรียกว่าอะไร

ผู้เขียนตอบไปว่า ศัพท์ในวงการเขาเรียกว่า เวียนเทียน หน้าวัดมหาธาตุ ตรงกันข้ามเป็นตลาด จอแจมาก ตอนเช้าก็มีโต๊ะมาวางขายอาหารใส่บาตรพระแบบนี้ สมหมายที่เป็นนักการที่ตึกคณะศิลปศาสตร์ เธอเป็นคนอีสาน ประมาณโคราช เวลาพูดยังติดเหน่อแบบอีสาน แต่เธออยู่ธรรมศาสตร์มานานพอควร เธอว่า เธอไม่ใส่บาตรที่หน้าธรรมศาสตร์ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ เธอพูดชัดเจนว่า “ฉันไม่ศรัทธา”

เรื่องนี้คงต้องกราบเรียนท่านเจ้าคณะจังหวัด ท่านเป็นรองเจ้าอาวาสที่วัดพระปฐมเจดีย์เอง ให้ท่านได้ตรวจสอบให้เข้มงวดขึ้น

ภาพที่ออกมากลายเป็นว่า การบิณฑบาตกลายเป็นวิธีการหาเงินของพระภิกษุหนุ่มๆ

พระที่เป็นราชาคณะแล้วคงไม่ออกบิณฑบาต เคยเห็นพระระดับเจ้าคุณที่วัดแถวบางลำพู จะมีโยมเจ้าของร้านขายอาหารที่บางลำพูส่งอาหารเข้ามาถวาย เคยเห็นปลาทอดในจานเปลขนาดใหญ่ที่ยกมาถวายท่านเจ้าคุณ

เรื่องพฤติกรรมพระเวียนเทียนหากินแบบนี้ ทำกันเป็นปกติ เป็นระบบ คือผูกไว้กับคนที่ขายอาหารสำหรับใส่บาตรพระ เอาอาหารกลับมาแลก แล้วรับปัจจัยกลับคืนไป เป็นรายรับรายวัน

พระพุทธองค์สอนเสมอว่าให้ยังศรัทธาให้เกิดในหมู่ผู้ที่ยังไม่ศรัทธา และเพิ่มศรัทธาในหมู่ผู้ที่ศรัทธาอยู่แล้ว

การกระทำที่เราเห็นกันบ่อยๆ นี้ คือการทำลายศรัทธาในชาวพุทธ เป็นการทำลายพระศาสนาตั้งแต่รากฐานมาทีเดียว

 

ท่านเจ้าคุณธรรมเสนานี เราเรียกท่านอย่างสนิทสนมว่า หลวงปู่ชุ้น ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัดนครปฐมยาวนานถึง 30 ปี ตอนนี้ท่านอายุ 90 แล้ว พระภิกษุในนครปฐมนั้น ท่านเป็นรูปแรกที่ได้ชั้นธรรม

ในช่วงที่ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัด ท่านปราบปรามพระเวียนเทียนอย่างราบคาบ เรามักเข้าไปกราบท่านทุก 2 เดือน ท่านก็จะเล่าให้ฟังว่าท่านจัดการอย่างไรกับพระเวียนเทียน

ท่านว่า มีคนมาแจ้งว่า มีพระภิกษุที่ไปเข้าแถวเวียนเทียนที่โต๊ะขายอาหารสำหรับใส่บาตรพระที่ซอยสอง ชาวนครปฐมจะรู้จักดีว่า ซอยสองนี้เป็นตลาดเช้าของชาวบ้านในนครปฐม ผู้คนมาตลาดกันคับคั่ง คนมาดักรอใส่บาตรพระก็จุดนี้ ก่อนจะไปทำงาน

ท่านทราบแล้ว พอท่านว่างท่านก็ออกไปดูให้เห็นด้วยตาท่านเอง ท่านเข้าไปที่โต๊ะขายอาหารใส่บาตรพระ มีพระยืนปักหลักรับบาตรตรงนั้น โดยไม่เดินไปที่อื่นอยู่ 2-3 รูป พอเห็นท่านเจ้าคณะจังหวัดลงจากรถมาก็หลบไป เหลือรูปเดียวที่ยังปักหลักรับอาหารถวายอยู่ หลวงพ่อท่านเข้าไปถามว่า เป็นพระวัดไหน พระรูปนี้เป็นพระมาจากที่อื่น ไม่รู้จักท่านเจ้าคณะจังหวัดเป็นการส่วนตัว พระรูปนั้นชะตาถึงฆาต ตอบท่านว่า อยู่วัดวังตะกู ท่านเจ้าคณะจังหวัดท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดวังตะกู เรียกว่าจุดไต้ตำตออย่างแรง ท่านเขกหัวพระรูปนั้นดังป๊อก คงไม่ใช่ป๊อกธรรมดา เพราะได้ยินไปถึงคนที่อยู่อีกฝั่งถนน

ปรากฏว่า พระรูปนี้เป็นพระมาจากที่อื่นมาจำพรรษาอยู่วัดใหม่ปิ่นเกลียวที่อยู่ใกล้กับวัดวังตะกู

ท่านเจ้าคณะจังหวัดท่านกลับวัด แล้วท่านก็ลืมเรื่องพระรูปนี้ไป อีกสองวันต่อมาท่านนึกได้ก็เลยแวะเข้าไปที่วัดใหม่ปิ่นเกลียว ปรากฏว่า พระรูปนั้นพอทราบว่าตนนอกจากพูดปดแล้วยังไปปดว่าอยู่วัดเจ้าคณะจังหวัดกับตัวท่านเอง เลยรีบหนีไปอยู่จังหวัดอื่น

อันนี้เป็นวิธีการที่หลวงปู่ท่านจัดการกับพระเวียนเทียน แต่วิธีการของหลวงปู่นั้น พระผู้ใหญ่ว่า เอาเยี่ยงแต่อย่างเอาอย่าง หลวงปู่ท่านเป็นผู้ชายรูปร่างใหญ่ มือเท้าท่านก็ใหญ่ ท่านตบผัวะ ก็เจ็บกว่าคนธรรมดาตบสองเท่าเพราะมือท่านใหญ่ และแรง

ท่านบริหารจัดการพระที่ออกนอกแนวอย่างตรงๆ ไม่มีใครกล้าหือ เบื้องบนขึ้นไปก็รู้กันดีว่า บารมีท่านขนาดไหน ไม่มีใครเบรกท่านด้วย อาจจะชื่นชมด้วยซ้ำไป

 

ท่านไปคุมพระเณรที่มาร่วมพิธีหลวงอะไรสักอย่างที่พุทธมณฑล มีพระแตกแถว ไม่อยู่ในโอวาท ท่านเป็นพระผู้ใหญ่ที่ต้องดูแลความเรียบร้อย สั่งแล้วไม่เป็นสั่ง ท่านก็ถวายเบญจภาคี

คือ ตบ นิ้วมือห้านิ้วนั้นแหละที่ท่านเรียกเพราะว่า เบญจภาคี

ไม่มีใครหือ

พระเมาแอ๋ไปแอ๋มา ท่านเรียกเข้ามาหา ตอนนั้นท่านนั่งอยู่ พระขี้เมานี่ก็ยังไม่รับว่าตัวเองเมา หลวงพ่อท่านกำลังนั่งอยู่ ท่านว่า ขาท่านดีดออกไปยังไงก็ไม่รู้ โดนปลายคางพระรูปนั้น ออกจากนครปฐมแล้วไม่กลับมาในจังหวัดนครปฐมอีกเลย

ไปเมาต่อที่อื่น

 

พระโพธิสัตว์จึงมีทั้งมหากรุณา ขณะเดียวกันก็ต้องมีฝ่ายปราบ ที่จะต่อกรกับพระภิกษุที่ไม่อยู่ในร่องในรอยได้อย่างชะงัด

เรื่องราวของหลวงปู่ชุ้น พระธรรมเสนานี น่าจะเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่พระสงฆ์ไทย

ตอนนี้ ท่านชราภาพแล้ว แต่เราก็ยังชื่นชมในการทำงานของท่านที่จะช่วยรักษาคุณภาพของพระสงฆ์ให้เป็นตัวอย่างในภาคกลาง อย่างน้อยก็ในสมัยที่ท่านมีอำนาจวาสนาที่จะคุ้มครองพระศาสนา

ท่านเจ้าคุณ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐมองค์ปัจจุบัน ท่านจะทำอย่างหลวงปู่ชุ้นคงไม่ได้ บารมีมาต่างกัน แต่เพื่อความคำรบต่อพระพุทธเจ้า และการรักษาพระธรรมวินัยให้ตั้งมั่น คงต้องกราบนมัสการให้ท่านได้ส่งพระผู้ใหญ่ในวัดให้ออกมาสอดส่องดูแลเป็นหูเป็นตาแทนท่านบ้าง

เพราะเหตุเกิดในบริเวณวัดที่ท่านรับผิดชอบทีเดียว

ยิ่งกว่านั้น ขณะที่ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม แต่ท่านเป็นรองเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ถ้าอย่างนั้น ต้องกราบเรียนท่านเจ้าอาวาสตัวจริงด้วย

ท่านเจ้าอาวาสท่านเป็นเจ้าคณะภาคค่ะ ใหญ่กว่าท่านเจ้าคณะจังหวัดขึ้นไปอีก แต่ภาคของท่านไม่ได้รวมจังหวัดนครปฐม เป็นภาคอื่น

ก็ต้องกราบเรียนท่านด้วยอยู่ดี ในตำแหน่งที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์

ความงามจะได้เกิดขึ้นในการรักษาประเพณีการตักบาตรให้งดงาม ให้ญาติโยมได้ใส่บาตรด้วยศรัทธา

โยมคนนี้ ลงท้ายข้อความในไลน์ว่า สาตุ๊