ในประเทศ / ยังจำได้ไหม

ในประเทศ

ยังจำได้ไหม

ครบ 1 ปีพอดีกับการหนีออกจากไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ย้อนหลังไปเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2560 น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แถลงปิดคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว
โดยระบุว่า “ขอกล่าวอย่างหมดใจว่าถูกดำเนินคดีไม่เป็นธรรม ขอศาลยกคำฟ้อง”
ศาลมีคำสั่งนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 25 สิงหาคม 2560
3 วันก่อนถึงวันพิพากษา เช้าของวันที่ 23 สิงหาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 17 รูป จากวัดบึงทองหลาง มารับบิณฑบาตภายในบ้านพักในซอยโยธินพัฒนา 3
ตกบ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปรากฏตัว-เดินทางไปถวายสังฆทาน-ไหว้พระวัดระฆังโฆสิตาราม พร้อมกับถ่ายรูปกับแฟนคลับ
ไม่มีทีท่าที่จะหลบหนีคดีแต่อย่างใด
วันที่ 24 สิงหาคม 2560 แม้ตลอดทั้งวันไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์
แต่ก็มีข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวให้ฝ่ายสนับสนุนให้กำลังใจโดยการรับฟังข่าวสารอยู่ที่บ้าน
“เพื่อความไม่สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาอันไม่คาดคิดจากผู้ที่ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง” น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุ
แทบไม่มีใครระแคะระคายว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะหลบหนี
แม้กระทั่งรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เองก็ตาม

กระทั่งเช้าวันที่ 25 สิงหาคม 2561
เมื่อถึงเวลานัดคือ เวลา 09.00 น. ความก็แตก
เมื่อทนาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยื่นคำร้องต่อศาลว่าได้รับแจ้งจากจำเลยว่าป่วยด้วยโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน มีอาการวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง ไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ ขอเลื่อนการฟังคำพิพากษา
แต่ศาลพิเคราะห์แล้วไม่เชื่อ จึงให้ออกหมายจับจำเลยและปรับนายประกันเต็มตามสัญญา และให้เลื่อนไปฟังคำพิพากษา วันที่ 27 กันยายน 2560
ท่ามกลางกระแสข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว
ผ่านไป 1 ปี ไม่แน่ชัดว่าเธอใช้เส้นทางใดหลบหนี
แต่ที่พูดกันมากคือ นั่งรถยนต์ส่วนตัวออกจากบ้านพักกรุงเทพฯ ไปยัง จ.สระแก้ว ก่อนจะใช้ช่องทางธรรมชาติ ข้ามแดนไปยังบ้านคลองลึก ก่อนเดินทางต่อไปยังกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เพื่อต่อเครื่องบินไปยังประเทศสิงคโปร์ และไปจบที่มหานครดูไบ แหล่งพำนักของนายทักษิณ
หลังจากนั้น ไม่พบการเคลื่อนไหวใดๆ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์อีกเลย
จนวันที่ 30 สิงหาคม นายทักษิณได้ทวีตผ่านทวิตเตอร์เป็นครั้งแรกว่า
“มงแต็สกีเยอ เคยกล่าว ‘ไม่มีความเลวร้ายใด ที่จะยิ่งไปกว่าความเลวร้ายที่ได้กระทำโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายหรือในนามของกระบวนการยุติธรรม'”

การหายตัวไปอย่างลอยนวลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์
ทำให้รัฐบาลและ คสช.ตกที่นั่งลำบาก
เมื่อหลายฝ่ายแสดงความสงสัยว่าอาจรู้เห็นเป็นใจในการหนีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์
สร้างความเดือดดาลให้กับนายกรัฐมนตรี
โดยตอบโต้อย่างดุเดือดว่า “เฮ้ย! ใครจะไปปล่อย จะไปปล่อยได้อย่างไร ทำไมคิดแบบนี้”
น.ส.ยิ่งลักษณ์เก็บตัวเงียบเชียบ กระทั่งเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2560
เว็บไซต์ www.newtv.co.th ได้รายงานว่า มีคนเห็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปปรากฏตัวที่ประเทศอังกฤษ
โดยเป็นภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินช้อปปิ้งที่ Westfield สาขา Shepherd’s Bush เมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา
ถือเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตั้งแต่เดือนกันยายน

ผ่านไปอีกหลายเดือน กระทั่งวันที่ 21 มิถุนายน 2561 ซึ่งเป็นวันเกิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์
“จอม เพชรประดับ” อดีตผู้สื่อข่าวไทยที่ลี้ภัยอยู่ในสหรัฐได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่าได้พบคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ Kentucky อเมริกา วันที่เธอและพี่ชาย คุณทักษิณ ชินวัตร ไปเยี่ยมมหาวิทยาลัย Kentucky มหาวิทยาลัยที่ทั้งสองท่านเคยสำเร็จการศึกษามา
พร้อมระบุว่าได้คำตอบจากส่วนลึกในห้วใจของอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทยว่า “เธอไม่คิดจะหนี และพร้อมที่จะเดินเข้าคุก เพราะเธอยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมว่าจะยังดำรงความเป็นธรรมให้กับเธอ และเธอก็ยืนยันเรื่องนี้มาโดยตลอด”
พร้อมกับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นกลางวงสนทนาว่า “แต่ผมจะไม่ยอมให้น้องสาวผมติดคุกแม้แต่วันเดียว หรือแม้แต่วินาทีเดียว”
ถือเป็นข้อมูลที่เปิดออกมาเป็นครั้งแรกๆ ว่า นายทักษิณเป็นผู้วางแผนในการนำตัวน้องสาวออกมาจากไทยด้วยตนเอง
ในวันที่ 21 มิถุนายน 2561 เฟซบุ๊กของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็มีความเคลื่อนไหวครั้งแรกในรอบหลายเดือน ตั้งแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์หนีออกนอกประเทศ
โดยเป็นการโพสต์ภาพของขวัญต่างๆ เนื่องจากวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิด น.ส.ยิ่งลักษณ์
พร้อมข้อความที่โพสต์ว่า
“วันเกิดปีนี้ เป็นปีแรกของดิฉันที่อยู่ในต่างประเทศ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ยังคิดถึงและไม่ลืมกัน
ดิฉันต้องขอขอบคุณพี่ชายที่ทำให้วันเกิดของดิฉันเป็นไปอย่างอบอุ่น
พี่ชายบอกว่าให้ทำตัวให้มีความสุขเพื่อคนที่เรารักจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะชีวิตทุกคนก็ต้องเผชิญกับความท้าทายในการดำรงชีวิต”

จากนั้น มีภาพและข่าวนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำกิจกรรมร่วมกันทั้งท่องเที่ยว พบปะญาติพี่น้อง ผู้สนับสนุน ทั้งคนเสื้อแดงและคนเพื่อไทย ทั้งในอังกฤษ ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ ดูไบ เผยแพร่ออกมาหลายครั้ง
ท่ามกลางการจับตาว่านี่คือการเคลื่อนไหวโลกล้อมประเทศ โดยหวังผลต่อการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ซึ่งยังมีพรรคเพื่อไทยเป็นผู้เล่นสำคัญ
อย่างที่นายทักษิณประกาศกับกลุ่มผู้สนับสนุนที่ฮ่องกงว่า
“ผมบอกทุกคนว่า ถ้าเราไม่ยอมแพ้ คำว่าแพ้มันมีได้ 2 กรณี คือกรณีที่เราตาย หรือกรณีที่เรายอมไปเอง ถ้าเรายังสู้อยู่นี่ ถือว่าไม่มีปัญหา นั่นก็คือมีแต่แบตเทิล (Battle-การต่อสู้) ไม่มีวอร์ (War-สงคราม) วอร์มันจะเอนด์ (End-จบ) ต่อเมื่อทุกอย่างมันจบ แต่ว่าสู้กันกี่ยกๆ นั้นคือแบตเทิล เพราะฉะนั้น แม้ว่าเราจะมีซับแบตเทิล (Sub Battle) แต่ว่าวอร์ยังไม่เอนด์ เพราะฉะนั้น เราต้องทำต่อไป วอร์ที่สำคัญคือวอร์เรื่องประชาธิปไตย”
“ผมอายุ 69 ยังไม่มีประชาธิปไตยเลย แต่ว่าสิ่งที่เราต้องการคือ อยากเห็นประเทศของเรารุ่งเรือง และที่สำคัญคือ อยากเห็นศักดิ์ศรีกลับมาสู่คนไทย เพราะวันนี้เราถูกลดด้อยศักดิ์ศรีขึ้นเยอะ เพราะว่าเราเคยอยู่กับระบอบประชาธิปไตย ทุกคนมีศักดิ์ศรี มีสิทธิเสรีภาพ เดี๋ยวนี้เรากำลังถูกปกครองโดยใครก็ไม่รู้ ที่อยู่ๆ ก็ถือปืนมา ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่เรารับไม่ได้ วันเลือกตั้งเมื่อไหร่ก็คือวันตัดสิน” นายทักษิณกล่าว
พร้อมกับย้ำว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะอย่างถล่มทลายอีกครั้ง

การรุกของสองพี่น้อง ทำให้รัฐบาลและ คสช.อยู่เฉยไม่ได้
นำไปสู่การที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในสหราชอาณาจักร ได้ส่งจดหมายขอตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์มาดำเนินคดีที่ประเทศไทย
โดยอ้างอิงถึงสนธิสัญญาระหว่างสหราชอาณาจักรและสยาม ค.ศ.1911 ที่ว่าด้วยการส่งตัวผู้หลบหนีคดีกลับประเทศ
แต่ไม่มีการตอบสนองจากสหราชอาณาจักร
ขณะที่ 2 พี่น้องเดินหน้าเขย่าสถานการณ์การเมืองในไทยตลอด
ทำให้ผู้นำรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดูจะหงุดหงิดทุกครั้งที่มีความเคลื่อนไหวดังกล่าว
เพราะเหมือนเป็น “หนาม” ในหัวใจ ที่คอยทิ่มแทงให้เจ็บแสบอยู่ตลอดเวลา
ทำให้คำพูดแบบไม่เอาใจใส่ หรือการบอกว่ามองข้ามคนเหล่านี้ไปแล้ว แต่นั่นดูเหมือนจะไม่ตรงกับความเป็นจริงนัก
เพราะเอาเข้าจริง เมื่อมีประเด็นหรือเงื่อนไขอะไรที่จะเอาคืน หรือเหน็บแนมสองพี่น้อง “ชินวัตร” ได้
พล.อ.ประยุทธ์ดูเหมือนจะไม่ยอมก้าวข้าม

ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ไปตรวจราชการที่ จ.ระนอง ชุมพร และประชุม ครม.สัญจร เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม
ระหว่างเดินทางไปถึงท่าเรือระนอง บ้านเขานางหงส์ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง ได้เข้าไปทักทายเจ้าหน้าที่หญิงจากการท่าเรือแห่งประเทศไทยที่มาร่วมงาน พร้อมถามผ่านไมโครโฟนลอย ซึ่งได้ยินเสียงทั่วบริเวณดังกล่าว ว่าทำไมไม่โตสักที
และเมื่อเห็นผู้ถูกทักชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทันพิสิทธิ์ เจ้าหน้าที่การท่าเรือฯ
พล.อ.ประยุทธ์จึงพูดต่อทันทีว่า “เธอเรียนจบแล้วไม่ใช่หรือยิ่งลักษณ์”
และกล่าวว่า “ชื่อดีโว้ย ชื่อเพราะดี ชื่อนี้เป็นนายกฯ ด้วย ยิ่งลักษณ์”
ก่อนกล่าวปิดท้ายว่า “ไอ้เราก็ตาไว แต่ไม่ได้ว่าอะไรใคร ทำให้ถูกก็แล้วกัน”
แม้นายกฯ กล่าวแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
แต่กระนั้น มันก็ได้สะท้อนถึง “อะไร” ในใจอยู่มากพอสมควร จึงตาไวไปเห็นชื่อ “ยิ่งลักษณ์” จึงกล่าวล้อ
พร้อมกระทบกระเทียบว่า “ทำให้ถูกก็แล้วกัน”
ปรากฏว่าช่วงค่ำวันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ทวีตผ่านทวิตเตอร์ จะด้วยตนเองหรือทีมงานก็ตาม แต่ก็กระทบกระเทียบกลับว่า
“ทราบว่านายกฯ ไปพื้นที่ที่ จ.ระนอง พบคนชื่อยิ่งลักษณ์ และบอกว่าให้คนที่ชื่อยิ่งลักษณ์ทำให้ถูกก็แล้วกัน เลยขอถามอดีต ผบ.ทบ. ว่ายังจำชื่อนี้ได้อยู่เหรอคะ”
การถามกลับไปยังอดีต ผบ.ทบ. ไม่ใช่ถามกลับไปยังนายกรัฐมนตรีนั้น
ต้องถือว่าแหลมคมอย่างยิ่ง
แหลมคมว่า เมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้บังคับบัญชาในฐานะนายกรัฐมนตรี ใครคือผู้ใต้บังคับบัญชา และตอนนั้นมีท่าทีต่อนายกฯ หญิงอย่างไร
นี่เองที่ทำให้นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายนายทักษิณ ชินวัตร ตอบกลับในทวิตเตอร์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทันควันว่า “เจ็บตรงอดีต ผบ.ทบ. ชื่อจำได้ แต่อย่างอื่นผมว่า…”

พล.อ.ประยุทธ์ยังใช้วิธีการเดิมตอบโต้ โดยทำทีมองข้าม ด้วยการกล่าวว่า
“ผมไม่สนใจ ถ้าสนใจทุกเรื่องก็ตายหมดแหละ วุ่นวายกันไปหมด”
อย่างไรก็ตาม ระหว่างกิจกรรม ครม.สัญจร ที่ไปดูงานธนาคารปูชายหาดพระจอมเกล้า (สจล.) วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวหยอกล้อกับเด็กๆ ว่า
“กินปูกันหรือเปล่า เบื่อปูกันหรือยัง กินกันบ่อยแล้ว แสดงว่าเบื่อปูกันแล้วใช่มั้ย”
“ผมก็เปรียบเหมือนพ่อปู ขอให้เดินตามพ่อปูต่อไป เพราะการเดินตามแม่ปู มันจะเลี้ยวไปเลี้ยวมา”
แม้จะเป็นไปในท่วงทำนองหยอกล้อจากทั้ง 2 ฝ่าย
แต่นั่นก็เหมือนยอดภูเขาที่โผล่เหนือน้ำอันเย็นยะเยียบให้เห็น
ใต้น้ำต่างหากคือ ภูเขาน้ำแข็งใหญ่ ที่พร้อมจะเขยื้อนเข้ากระทบกระทั่งกัน ซึ่งพร้อมก่อให้เกิดแผ่นดินไหวและสึนามิทางการเมืองติดตามมา
ยิ่งใกล้วันแย่งชิงอำนาจผ่านการเลือกตั้ง จากการหยอกล้อ
พร้อมจะแปรเปลี่ยนเป็นความเกรี้ยวกราดได้ตลอดเวลา
การเมืองไทย อะไรก็เกิดขึ้นได้