ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 สิงหาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | มุมมุสลิม |
ผู้เขียน | จรัญ มะลูลีม |
เผยแพร่ |
กรณีข้อกล่าวหารักร่วมเพศของอันวาร์ อิบรอฮีม
Time ถามต่อไปว่าท่านมาทำงานเคียงคู่กับอดีตรองนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เขาคืออันวาร์ อิบรอฮีม ที่เป็นฝ่ายค้านซึ่งถูกจำคุก หลายฝ่ายเชื่อว่าข้อหารักร่วมเพศและคอร์รัปชั่นที่นำมาใช้กับเขานั้นมาจากการผลักดันทางการเมืองครั้งแรกโดยตัวของท่านและในปัจจุบันโดยนาญิบ
มหฎิรตอบว่า มันยากที่จะอธิบาย คุณเห็นไหม เมื่อผมเป็นนายกรัฐมนตรี ความมั่นคงเป็นเรื่องที่ตำรวจให้ความสำคัญและตำรวจก็ย้ำอยู่เสมอในเรื่องความมั่นคง ผมก็ฟังพวกเขา
ในกรณีของอันวาร์ ตำรวจมาบอกผมว่าชายคนนี้กระทำการรักร่วมเพศและเรื่องอื่นๆ ทำนองนี้ เขาเป็นผู้ชายซึ่งเต็มไปด้วยความมีชื่อเสียง ผมจึงหยุดเขาเสียจากการขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคต
ในท้ายที่สุด ผู้พิพากษาจึงเป็นผู้ตัดสินและผมขอรับรองว่านับตั้งแต่ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ผมเป็นผู้รับผิดชอบต่ออะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในประเทศนี้
เมื่อถูกถามว่าท่านยังเชื่อว่าเขาผิด ทำไมจึงนำเขามาอยู่ในเส้นทางการเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง?
มหฎิรตอบว่า คุณจะไม่ลงโทษใครชั่วชีวิต ไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรมอะไรก็ตาม
มีอาชญากรรมบางอย่างในสหรัฐที่ถูกจำคุกถึง 250 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต แต่ในกรณีส่วนใหญ่บุคคลซึ่งมีความผิดบางอย่างหลังจากระยะเวลาหนึ่งผ่านไปแล้ว
ผมคิดว่าเราควรมองผ่านสิ่งที่เขากระทำในอดีต หากว่าประชาชนต้องการเขา ผมเป็นใครหรือที่จะมาปฏิเสธความปรารถนาของประชาชน?
มหฎิรกล่าวถึงการกลับมาร่วมกันอันวาร์ อิบรอฮีม ที่ถูกข้อกล่าวหาว่าเป็นเกย์มายาวนาน พร้อมกับส่งเสริมให้อันวาร์ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 8 ว่าเขาไม่เรียกสิ่งนี้ว่าเป็นการเสียสละ
เขาคิดว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่เขาจะต้องทำ
แต่มีคำถามว่าเขายังเชื่อว่าอันวาร์เป็นเกย์หรือไม่?
มหฎิรถามว่า “นั่นเป็นสิ่งที่ตำรวจบอกเขา” ผมไม่ได้ตรวจสอบเขา แต่ผมขึ้นอยู่กับตำรวจและผมต้องยอมรับหลักฐานของพวกเขา
เมื่อถูกถามว่าอันวาร์สมควรจะถูกหยุดยั้งในฐานะที่เป็นเกย์หรือไม่? มหฎิรตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ผมเป็นมุสลิม เราไม่ยอมรับสิ่งนี้” เขากล่าว
คุณอาจเป็นเสรีนิยม ยอมรับการแต่งงานของเพศเดียวกันหรืออะไรทำนองนี้ แต่นั่นมันเป็นเรื่องของคุณ เราเป็นผู้คนหัวเก่ามากๆ
Time ถามต่อไปว่า เวลานี้คนส่วนใหญ่ในมาเลเซียสนับสนุนการนำเอากฎหมายชะรีอะฮ์มาใช้ และพรรคการเมืองอิสลามมีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้นในทางการเมือง คุณมองเห็นอย่างไรที่อิสลามมีบทบาทอยู่ในอนาคตของมาเลเซีย?
มหฎิรตอบว่า การก่อกำเนิดของพรรคอิสลามซึ่งเป็นบางสิ่งบางอย่างนั้นค่อนข้างจะผิดพลาด เนื่องจากคุณไม่อาจเอาอิสลามมาเป็นของตัวเองได้ อิสลามเป็นของทุกคน ในทางการเมืองมีความพยายามที่จะใช้สิ่งที่เรียกกันว่ากฎหมายอิสลามเพื่อให้ได้มาซึ่งผู้สนับสนุนแต่มันไม่ใช่แม้แต่กฎหมายอิสลาม มันหนักกว่านั้น
ในสมัยของผม พวกเขามีข้อเสนอให้ใช้กฎหมายชะรีอะฮ์ ผมจึงต้องต่อสู้เพื่อต่อต้านพวกเขา
ทันทีที่ผมลงจากอำนาจ พวกเขากลับมาพร้อมกับข้อเสนอนี้ นาญิบพบว่าเป็นความสะดวกดายที่จะให้การต้อนรับพวกเขา เนื่องจากนาญิบได้สูญเสียพลังต่อชาวมุสลิมมาเลย์ไปแล้ว เขาจึงให้การสนับสนุนพรรคการเมืองอิสลามและความต้องการชะรีอะฮ์
และเนื่องจากสิ่งนั้น เวลานี้เรายิ่งแตกแยกกันมากไปกว่าเดิมเสียอีก
เมื่อถูกถามว่าหนึ่งในสัญญาของฝ่ายค้านเป็นเรื่องการจำกัดเวลาดำรงตำแหน่ง ผมรับรู้มาว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นความคิดของคุณ
ผมเป็นนายกรัฐมนตรีมาห้าสมัยแล้ว แต่ก็พบว่าหลังจากผมแล้วก็เป็นนายกรัฐมนตรีที่ใช้อำนาจอย่างผิดพลาด ดังนั้น เราจึงเชื่อว่านายกรัฐมนตรีไม่ควรจะอยู่นานเกินไป สองสมัยก็ดีนะ
เมื่อถูกถามว่าหากได้รับชัยชนะและได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านมีแผนจะอยู่ในอำนาจกี่ปี?
มหฎิรตอบว่า เอาละตอนนี้ผมก็อายุ 93 ปีแล้ว ผมจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน?
ผมไม่ต้องการจะอยู่นาน แต่ในตอนแรกนี้เราต้องแก้ไขปัญหาอีกมาก คนอื่นๆ ไม่มีประสบการณ์ ดังนั้น พวกเขาจึงอยากให้ผมช่วย
ในช่วงแรกๆ ก็อาจจะสักสองปี หรือบางทีอาจจะสามปี แม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ผมก็หวังว่าจะสามารถแนะนำรัฐบาลได้
หลังการเข้ารับตำแหน่งและในการประชุมเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ซึ่งเป็นการประชุมกับคณะรัฐมนตรีครั้งแรก เขาประกาศให้ตัดเงินเดือนคณะรัฐมนตรีลงร้อยละ 10 และให้มีผลโดยทันที เขาบอกว่า “นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่าเราให้ความสนใจต่อปัญหาการเงินของประเทศ”
เขากล่าวว่า มาตรการนี้มีขึ้นหลังจากรัฐบาลใหม่หาทางที่จะลดหนี้สินของรัฐบาล ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 250 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวร้อยละ 65 ของ GDP
ตามรายงานจาก website ของรัฐบาลมาเลเซีย เงินเดือนหลังจากหักเงินอื่นๆ แล้ว นายกรัฐมนตรีจะได้เงินเดือน 22,827 ริงกิต (หรือ 5,700 เหรียญสหรัฐ) รองนายกรัฐมนตรี 18,168 ริงกิต รัฐมนตรี 14,907 ริงกิต
เมื่อถูกถามว่า ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงที่เป็นข้าราชการต้องการจะลดเงินเดือนลงบ้าง?
มหฎิรกล่าวว่า “เมื่อผมได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อย้อนหลังไปจนถึงปี 1981 สิ่งแรกที่ผมทำก็คือลดเงินเดือนของคณะรัฐมนตรีและข้าราชการอาวุโสลงอย่างที่คุณรู้นั่นแหละ ผู้ที่รับราชการได้รับเงินมากกว่ารัฐมนตรี มันอยู่ที่พวกเขา
หากพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาต้องการจะมีส่วนต่อการลดค่าใช้จ่ายให้ประเทศนี้ พวกเขาก็ทำได้ แต่เราจะไม่บังคับพวกเขา
ภายใต้รัฐบาลซึ่งนำโดยพรรคบาริซัน เนชั่นแนล นาญิบอดีตนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัญญาว่าจะมีการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม และรัฐบาลของเขากำลังดูเรื่องนี้อยู่ นั่นเป็นสัญญาที่ทำโดยผู้ที่เวลานี้เป็นฝ่ายค้าน
มหฎิรกล่าว “พวกเขามิได้ชนะเลือกตั้ง เราไม่จำเป็นต้องทำตามสัญญาของพวกเขา”
อย่างไรก็ตาม เราจะพิจารณาด้วยแนวทางที่เป็นบวก ที่ไหนที่พวกเขาสมควรจะได้รับงบประมาณพิเศษบางอย่าง เราก็จะทำ
จำนวนของข้าราชการก็จะถูกลดลงไปด้วยเพื่อตัดรายจ่ายของรัฐบาล มหฎิรกล่าวว่า รัฐบาลของเขาจะยกเลิกการแต่งตั้งทางการเมืองและเข้าไปดูตำแหน่งที่ตกอยู่ในวิกฤตและเงินเดือนน้อย
เขาบอกว่าไม่มีความจำเป็นสำหรับผู้ได้รับการแต่งตั้งทางการเมืองเนื่องจากพวกเขาได้รับการแต่งตั้งมาเพื่อสนับสนุนรัฐบาลที่ผ่านมา
เขาอธิบายว่าคนจำนวน 17,000 คนที่เป็นเจ้าหน้าที่ที่รับเข้ามาเป็นผู้ได้รับการแต่งตั้งทางการเมืองและส่วนหนึ่งของพวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่ประจำ เขากล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการบางโครงการที่กระทำโดยรัฐบาลเก่าก็อาจจะหยุดไป
ส่วนในเรื่องรถไฟเชื่อมต่อสิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์นั้นรัฐบาลจะตัดสินใจ “โดยด่วน” ว่าจะดำเนินการต่อไปหรือไม่
ในการตอบคำถาม Channel News Asia ว่าด้วยสัญญาการตามหาสายการบิน MH370 ที่สูญหายนั้น รัฐบาลจะพิจารณาสัญญาและจะยกเลิกสัญญาถ้ามีความจำเป็น
ทั้งนี้ ภาษี GST (ภาษีสินค้าและการบริการ) ก็จะถูกยกเลิกก่อนวันที่ 1 กรกฎาคม ตามที่ได้ประกาศเอาไว้ สำหรับการคมนาคม มหฎิรกล่าวว่า ราคาน้ำมันจากสถานีจ่ายน้ำมันจะคงอยู่เหมือนเดิม แม้ว่าราคาน้ำมันดิบทั่วโลกจะสูงไปถึงบาร์เรลละ 70 เหรียญสหรัฐก็ตาม ทั้งนี้ ราคาน้ำมันไม่มีการเปลี่ยนแปลงมามากกว่าหนึ่งเดือนแล้ว
มหฎิรกล่าวว่า พรรคปากาตัน ฮารัปปัน ได้สัญญาที่จะตรึงราคาน้ำมันเอาไว้ และนโยบายของเราจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมันเป็นรายสัปดาห์ตามราคาของตลาด
มีองค์กรอีกมากที่มหฎิรต้องการจะยกเลิก ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลเดิม หน่วยงานและสถาบันเหล่านี้ได้แก่ สำนักงานกิจการพิเศษ (Jasa) ศูนย์กลางของโลกแห่งนวัตกรรมและการคิดค้นของมาเลเซีย (MaGic) สภาศาสตราจารย์แห่งชาติ (National Council of Professors) หรือ MPN และกรรมาธิการสหพันธ์การพัฒนาชนบทและความมั่นคง (JKKKP) สถาบันส่วนใหญ่เหล่านี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล (พวกเขา) มีหน้าที่แนะนำรัฐบาล หน่วยงานทั้งหมดนี้จะถูกยกเลิก
“เราไม่ต้องการความฉลาดของพวกเขา ผมคิดว่าเราค่อนข้างจะฉลาดด้วยตัวเราเองอยู่แล้ว” เขากล่าว