ทราย เจริญปุระ : ดาวกระดาษ ที่บิดเบี้ยว

1.มีหลายครั้งในชีวิตที่เหนื่อยล้า

แล้วก็ถามตัวเองว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่นี่

กลางป่า กลางเขา ดึกดื่นเที่ยงคืน ร้อนจัดผิวไหม้ หรือฝนตกหนาวเยือก หลับๆ ตื่นๆ หัวโขกไปในรถตู้ ตื่นและนอนในห้องที่ไม่คุ้นเคย

เพื่ออะไรกันนะ

ความฝันอย่างนั้นหรือ?

ยุคที่ฉันโตมานั้น เรื่องออกไปทำตามความฝัน กล้าจะทำตามใจยังไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่ การสร้างความมั่นคง ไปช้าๆ แต่ได้รับกลับมาเยอะๆ ดูจะเป็นที่ใฝ่ฝันมากกว่า และเหมือนจะเป็นฝันของคนเป็นพ่อเป็นแม่มากกว่าลูก ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรผิด มนุษย์เราย่อมไม่อยากให้ลูกหลานของตนตกระกำลำบาก ยามที่ตนจากโลกไปแล้ว

ฉันนั้นโตมาในครอบครัวเต้นกินรำกิน

ไม่ถึงขนาดคณะลิเกหรือหมอลำ ที่ทำงานเดียวกันทั้งตระกูล แต่พ่อฉันทำ พี่ฉัน-ที่แม้จะคนละแม่-ก็ทำ

แล้วก็มาถึงพวกฉัน

จริงๆ พวกฉันสามคน ไม่มีใครดู “มีแวว” เลยสักคน ไม่มีคนไหนเป็นคนเฮฮา ชอบแสดงออก หรือชอบทำอะไรใหม่ๆ

พวกเราทั้งสามล้วนเป็นเด็กน่าเบื่อ ไม่หวือหวา ไม่น่าจดจำ

2.”นี่เค้าจะเล่าให้คนอื่นฟังยังไงดี?”

“ก็บอกไปสิว่าชอบ ตัวชอบจริงๆ นี่ เห็นร้องไห้ด้วย”

ก็ใช่ ฉันร้องไห้จริงๆ ด้วย

ทั้งที่ชีวิตของน้องๆ บนจอนั้นก็ไม่ได้ถูกทารุณกรรมใดทางกาย ไม่โดนโบยตีเตะต่อย อาจจะออกกำลังกายหรือฝึกซ้อมหนักไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นเหนือมนุษย์

แต่ใช่ว่าไม่มีทางกาย จะไม่มีทางใจ

มันเหมือนเรากำลังดูกระบวนการเปลี่ยนเด็กให้เป็นผู้ใหญ่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนแล้วคนเล่า

บางคนก็โตขึ้นได้ตั้งแต่บททดสอบแรก

บางคนก็ทำไม่ได้ และกลับไปใช้ความเป็นเด็กรับมือกับโลกต่อ

บางคนเข้าใจถึงบททดสอบนี้ แล้วพลันเกิดการตระหนักถึงความจริงบางอย่างในชีวิต

เราคาดหวังความสดใสในแบบที่เราบอกกับตัวเอง ว่าเราอยากเห็นน้องๆ ทุกคนเป็นตัวของตัวเอง

แต่แม้กับตัวเราเอง เราก็ทำไม่ได้แบบนั้น

เป็นตัวของตัวเองงั้นหรือ…

วงการบันเทิงเขายอมให้คุณเป็นได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

“เหมือนว่าฉันนั้นเคว้งคว้าง

ลอยไปกับเสียงเพลง

ยังคงบรรเลงไม่มีวันเลือนราง

เพราะไม่รู้ว่าเขานั้น

ในใจแอบคิดอะไร

ยังคงกังวลไม่แน่ใจในคำตอบนั้น

เพราะยังไงก็ต้องเสี่ยง

รักไม่รักก็ต้องเสี่ยง

Come on Come on Come on

Come on Baby

ให้คุกกี้ทำนายกัน

ปาฏิหาริย์และดวงชะตา

อาจทำให้เราไม่คาดคิด

ฉันมั่นใจว่าเราจะเป็นดั่งฝัน

ในวันแห่งความรักสักวันหนึ่ง”*

3.บทเพลงนี้ดูจะเศร้าขึ้นมาอย่างประหลาด เมื่อคิดถึงกระบวนการคัดเลือกว่าใครจะได้ปรากฏตัวในเพลง

-มาลุ้นดูสิ

จบสุดท้ายอย่างดีแค่มีน้ำตา-

เราได้เห็นน้ำตาในภาพยนตร์นี้หลายครั้ง บางครั้งมาจากความดีใจ หลายครั้งมาจากความเสียใจ

และบ่อยครั้ง, มันก็มาแทนที่คำตอบ

ฉันตอบแทนน้องๆ ไม่ได้หรอก ว่าเบื้องหลังแต่ละการกระทำนั้น มันมีอะไรซุกซ่อนไว้ข้างในบ้าง ตอบไม่ได้แม้กระทั่งได้ดูจนจบ ได้ฟังน้องๆ พูดความรู้สึกออกมาตรงหน้า

เรื่องบางเรื่องมันก็เกินกว่าจะรู้ได้ในวัยเท่านั้น

ฉันพูดได้แค่ว่า ฉันรับรู้ได้ และสัมผัสได้จริงๆ ว่าน้องๆ จริงใจกับสิ่งที่ทำ แต่ละรูปแต่ละสิ่งนั้นทำเพื่อแลกมากับความรัก

จริงๆ พูดแบบนี้ก็ดูทั้งฉาบฉวยและตื้นเขิน มันไม่เชิงเป็นความรักเสียทีเดียว แต่เธอทุกคนอยากให้อะไรๆ ก็ตามมันลงตัว มันตรงไปตรงมา เธอน่ารัก และโลกทั้งโลกก็น่าจะรับรักและอ้าแขนโอบกอด

แต่ชีวิตมันก็ไม่ตรงไปตรงมาแบบนั้น

ไม่เคยเลย

4.”ยังจำตอนทรายเอาดาวไปพับที่กองถ่ายได้เลย”

“ฮะ หนูเหรอ?” ฉันถามคนที่กำลังหวีผมให้ฉันอยู่

“ใช่สิ พี่จำได้ ว่าต้องมาช่วยพับกันหมดแหละ ช่างหน้า ช่างผม ช่างไฟ” พี่ช่างทำผมคนแรกที่ฉันได้เจอในวงการกล่าวย้ำ “ก็ทรายบอกว่าเป็นการบ้านส่งครู”

ในกองถ่ายนั้นมีลำดับชั้นอยู่เหมือนสังคมอื่นๆ ฉันเป็นนักแสดงก็จริง แต่ก็แค่นักแสดงใหม่ เด็กคนหนึ่งที่เดินสะดุดโอกาสแล้วเซแซดๆ มาตกตุ้บในกอง

พื้นที่ที่ทุกคนพูดเรื่องเดียวกัน ขำมุกสองแง่สองง่าม เต็มไปด้วยศัพท์เฉพาะที่ฉันฟังไม่เข้าใจ ความสง่างามของนักแสดงใหญ่ ไฟ กล้อง สเปรย์ฉีดผม การถูกวัดค่าจากรอบเอว

ฉันคงไม่มีอะไรจะทำ คงว่างเปล่ากับห้วงเวลาที่รอคอยและไม่มีอะไรให้ทำจนเอากระดาษมาพับเล่น

และเมื่อมีคนมาเห็นก็อายเกินกว่าจะยอมรับว่าใช่, ฉันไม่รู้จะทำอะไร ฉันไร้ที่ทาง ฉันตัวเล็กจิ๋วเป็นสะเก็ดดาว และสิ่งที่พ่อเคยบอกว่าฉันเป็นลูกสาวคนเก่งของพ่อนั้นไม่จริงสักนิด ฉันได้แต่นั่งเก้กังเกะกะใครๆ มองทุกคนที่ดูมีจุดมุ่งหมายในชีวิตมากกว่าฉันทำงานกันอย่างร่าเริง

ดาวเป็นศิลปะพับกระดาษที่ง่ายที่สุดแล้ว คุณแค่ต้องใช้กระดาษยาวๆ สักแถบหนึ่ง พับทบมันไปมาจนสุดปลายกระดาษ บีบข้างๆ ให้ตรงกลางป่องออก และแฉกของดาวไม่บุบเบี้ยว

ฉันเคยช่วยเพื่อนทำบ่อย…ก็อยากหาเรื่องคุยกับเขานั่นแหละ ตัดกระดาษนิตยสารมันๆ เป็นเส้นยาวๆ บางคนก็แนบจดหมายกุ๊กกิ๊กไปด้วย

ดาวในกองถ่ายก็เป็นเช่นนั้น ฉันแค่เอามันมาใช้ลดช่องว่างอันกว้างใหญ่ไพศาลระหว่างฉันและทุกๆ คนที่ดูจะเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่มากกว่าฉันทั้งนั้น

“ผ่านมั้ยล่ะ” พี่ช่างผมถาม

“อะไรผ่านคะ?”

“การบ้านน่ะ ที่พับดาวไง ตกลงส่งครูผ่านมั้ยตอนนั้น?”

ผ่านค่ะพี่, ฉันตอบในใจ

ผ่านมานานเหลือเกินแล้วจริงๆ

แต่หยดน้ำตาของน้องๆ ก็พาฉันกลับไปเป็นเด็กหญิงคนเดิม

คนที่มักจะพับดาวแน่นไปเสมอ จนดาวของเธอนั้นบิดเบี้ยวเกินกว่าจะใส่รวมในโหลกับดาวสวยๆ ดวงอื่น

และชอกช้ำเกินกว่าจะแกะมันออกมาพับใหม่อีกครั้ง

“รู้ทั้งรู้ว่าเขาใช้อะไรตัดสินใจ

ต้องน่ารักใช่ไหมที่ใครเขาคิดกัน

ฉันขอแค่ให้เขาลองมองที่ข้างใน

คงจะดีถ้ามีใจให้กับฉัน

เพราะยังไงก็ต้องเสี่ยง

รักไม่รักก็ต้องเสี่ยง

มาลุ้นดูสิ

จบสุดท้ายอย่างดีแค่มีน้ำตา

คิดแต่เรื่องดีๆ

ก็โลกใบนี้เต็มไปด้วยความรัก

น้ำตาไหลออกมา

ก็ธรรมดาอย่าไปซีเรียสนัก

สายลมของพรุ่งนี้จะพาให้เรา

ได้เจอกับความรักสักวันหนึ่ง”*

ภาพยนตร์ Girls Don”t Cry : BNK48 กำกับโดย นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ / 2018

*เนื้อเพลง Koisuru Fortune Cookie : คุกกี้เสี่ยงทาย โดย BNK48