ซูเปอร์แมนปะทะหงอคง ใครพระเอก ? – ใครผู้ร้าย?

วิช่วลคัลเจอร์ / ประชา สุวีรานนท์

มนุษย์หิน

: ซูเปอร์แมนปะทะหงอคง (จบ)

ย้อนอ่าน ตอน (2)  (1)

ในฐานะเอกสารทางประวัติศาสตร์ การตีพิมพ์ออกมา และให้หงอคง/ซูเปอร์แมนรับบทพระเอก/ผู้ร้ายในยุคนั้น จึงน่าสนใจ
ในแง่รูปแบบ “มนุษย์หินอาละวาด” มีช่องเท่ากันทุกช่อง หนึ่งช่องต่อหนึ่งหน้า มีขนาดเท่าฝ่ามือ และหนาเล่มละไม่เกินสามสิบหน้า
จึงทำให้สันนิษฐานว่ามาจากหนังสือการ์ตูนเล่มเล็กที่เรียกกันว่า “เลี่ยนหวนหัว” (Linked Pictures) ซึ่งมาจากทั้งจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง และเป็นที่นิยมของชาวจีนทั่วโลกในช่วง 1950s ถึง 1970s หรือกว่าสามสิบปีหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
แต่ที่สำคัญคือเนื้อหา ซึ่งอาจจะแบ่งตามการตีความได้ 3 แบบคือแบบแรก มนุษย์หินเป็นอวตารของหงอคง


ดังในคำอธิบายที่ว่า พระถังซำจั๋งเป็นสัญลักษณ์ของศรัทธาหรือจิตใจที่ใฝ่บรรลุนิพพาน หงอคงเป็นสัญลักษณ์ของ “ปัญญา” ส่วนตือโป้ยก่ายและซัวเจ๋ง ซึ่งเป็นตัวแทนของศีลและสมาธิ รวมแล้วทั้งสามจึงเป็นไตรสิกขา ซึ่งเป็นวิถีของการหลุดพ้น
ปัญญานั้นคึกคะนอง ไร้ความรับผิดชอบ และรวดเร็วเกินจะห้าม
เมื่อแรก หงอคงจึงหยิ่งผยองถึงขนาดต้องการมีอำนาจเป็นเจ้าแห่งสามภพและก่อความวุ่นวายไปทั่ว แม้แต่กระบองของเขาก็ใช้ในทางผิดได้ หลังจากพบพระถังซำจั๋ง จึงต่อสู้กับปีศาจต่างๆ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายที่ถูกต้อง
การที่เทพเจ้าจับเขาขังไว้ด้วยนิ้วมือ จึงแปลว่าปัญญาต้องถูกควบคุมโดยสิ่งที่ใหญ่กว่านั้น เช่น พระธรรม ซึ่งมีเจ้าแม่กวนอิมและพระยูไลเป็นตัวแทน
หลังจากนั้น ไซอิ๋วจะบอกว่าหงอคงยอมเป็นคนรับใช้พระถังซำจั๋งและร่วมเดินทางไปสู่ชมพูทวีป

แบบที่สอง ถ้ามองไปในอดีต ตะวันตกเป็นศัตรูของจีนมาตลอด ทั้งในยุคสงครามฝิ่น ยุคสงครามโลกครั้งที่สอง จนกระทั่งกลายเป็นคอมมิวนิสต์ และต่อด้วยยุคสงครามเย็น มนุษย์หินจึงเป็นอวตารของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้นำในการปิดล้อมและต่อต้านจีนในยุคนี้
การ์ตูนชี้ว่าปัญญาหมายถึงความรู้ทางเทคโนโลยีของตะวันตก
มนุษย์หินคือเครื่องจักรที่ฉลาดกว่าหงอคง เช่น เมื่อเขามีมงคลหรือที่ครอบหัวเหมือนกัน แต่เขารอดพ้นการลงโทษด้วยมงคลนี้ ด้วยการถอดหนังหัวของตนเองออก การเปิดเผยให้เห็นว่าเขาเป็นหุ่นยนต์จะปรากฏให้เห็นอีกหลายครั้ง
พูดอีกอย่าง มนุษย์หินเป็นอวตารของนโยบายแอนตี้-อเมริกัน และไม่ปิดบังว่า แม้จะเกลียดชังฝรั่ง จีนก็ยังอยากได้ความรู้ของฝ่ายนั้น
แต่ฝรั่งนั้นมีจุดอ่อน เช่น เย่อหยิ่ง มักมาก และโหดร้าย ซึ่งแปลว่าปัญญาต้องถูกควบคุม เรื่องจะจบอย่างมีคติเหมือนไซอิ๋ว คือตะวันตกจะถูกพิชิต และมนุษย์หินจะยอมแพ้แก่ตะวันออก
ตอนจบ เขาถูกแต่งตั้งให้เป็นจอมทัพสวรรค์ แต่ถูกปลดอาวุธ นั่นคือเปลื้องเสื้อผ้าชุดซูเปอร์แมนออก
การสลับบทกันระหว่างพระเอก/ผู้ร้ายหรือหงอคง/ซูเปอร์แมน จึงสะท้อนความหวังของจีนที่ว่า สหรัฐอเมริกาไม่น่ากลัว และตะวันออกสามารถปราบให้เชื่องลงได้

แบบที่สาม มนุษย์หินหมายถึงจีนฝ่ายที่นิยมตะวันตก และตะวันตกเป็นองค์ประกอบ “ภายใน” ของจีน ในแง่การเมือง ฝ่ายนี้เชื่อในระบบเสรีนิยมและทุนนิยม ในแง่เทคโนโลยี อีกทั้งมองเครื่องจักรเป็นเพียงเครื่องมืออันหนึ่ง แนวทางนี้จะถูกโจมตีอย่างมากในยุค “การปฏิวัติวัฒนธรรม” หรือโดยขบวนการ “เรดการ์ด” ซึ่งเริ่มขึ้นราวปี พ.ศ.2509 อันเป็นช่วงเดียวกับที่หนังสือการ์ตูนชุดนี้ออกมา
พูดอีกอย่าง มนุษย์หินเป็นอวตารของเติ้งเสี่ยวผิง ซึ่งเคยเป็นผู้นำจีนในช่วงปฏิวัติ แต่สูญเสียอำนาจในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม และกว่าจะกลับมาได้ ก็ต้องรอให้เหมาเจ๋อตุงตายและความวุ่นวายของการปฏิวัติวัฒนธรรมสงบลง
เติ้งสนใจการเพิ่มผลผลิต หรือประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องมือและผู้ปฏิบัติงาน โดยไม่สนใจ “ความแดง” หรือลักษณะชนชั้น ในที่นี้ คงจำวาทะของเขาซึ่งเป็นที่มาของลัทธิปฏิบัตินิยมได้ นั่นคือ “แมวสีขาวหรือดำก็ได้ ถ้าสามารถจับหนูได้” ทฤษฎีของเขายังมีอีกหลายข้อซึ่งเป็นที่พูดถึงกันมาก เช่น แนวทางการให้ชาวนาเช่าที่ดินจากรัฐและการพัฒนาเทคโนโลยี
หลังจากที่กลับมาเป็นผู้นำในช่วงหลัง พ.ศ.2519 เติ้งจึงนำแนวทางเหล่านั้นมาปฏิบัติอีกครั้ง เรียกได้ว่า เขาเป็นผู้พาประเทศจีนให้พ้นจากสังคมคอมมิวนิสต์ สู่สังคมที่มีตลาดหุ้นและบริษัทต่างชาติ รวมทั้งมีบริโภคนิยมและเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน
แต่ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม คำว่าเทคโนโลยีตะวันตก รวมทั้งทุนนิยม เสรีนิยม ปัจเจกชนนิยม เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ในช่วงนั้น วิถีจีนจึงกลายเป็นสูตรสำเร็จที่มีไว้ปราบปรามความคิดที่แตกต่างออกไป และทั้งๆ ที่มีจุดประสงค์เดียวคือกวาดล้างศัตรูทางอุดมการณ์ของเหมาเจ๋อตุง กลับทำให้ผู้คนที่เห็นต่างออกไปต้องถูกจับกุม ประจาน ทรมาน คุมขังและสังหารเป็นจำนวนมาก

“มนุษย์หินอาละวาด” บอกว่า จิตใจและปัญญาของตะวันตกนั้นโหดร้าย ซุกซน และชอบก่อกวน ต่างกับของตะวันออก ซึ่งเปี่ยมด้วยศรัทธาและความสุขุมลุ่มลึก

การตีความแบบนี้ตอกยํ้าว่า วิถีจีน ซึ่งหมายถึงการเอาหลักธรรมของพุทธศาสนา ความคิดขงจื๊อ และความสามารถของระบบสังคมนิยมมารวมเข้าด้วยกัน ย่อมต่อกรกับแนวทางของเติ้งเสี่ยวผิงได้ เพราะมีคุณค่าที่เหนือกว่า

ปัจจุบัน จีนในยุคประธานสีจิ้นผิงถูกมองว่าเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจในประเทศในแบบเติ้งเสี่ยวผิง และไปไกลกว่าด้วยเทคนิคการผลิตและการตลาดสมัยใหม่ แต่ในขณะเดียวกันก็ดำเนินวิถีจีน (rule of law with Chinese characteristics) เช่น พัฒนาข้อมูลและการสื่อสาร แต่ยังปิดกั้นตัวเองและเซ็นเซอร์ความคิดเห็น รวมทั้งเพิ่มบทลงโทษอย่างรุนแรง ซึ่งหมายความว่า มุ่งเอาแต่ประโยชน์ใช้สอยของเทคโนโลยีโดยไม่สนใจไอเดียที่พ่วงติดมากับมัน

แมวของเติ้งจับหนูได้จริง แต่สัตว์ร้ายแบบอื่นๆ ก็ออกเพ่นพ่านไปทั่ว ก่อให้เกิดมลพิษด้านอากาศและนํ้า รวมทั้งด้านการเมือง อันได้แก่ คอร์รัปชั่นและเผด็จการ

“มนุษย์หินอาละวาด” ทำให้ต้องมองไปในประวัติศาสตร์ และถามว่าด้วยคุณค่าแบบนี้ จีนจะต่อกรกับตะวันตกได้หรือไม่?