การศึกษา / ผ่า ‘หนี้ครู’ 4 แสนล้านบาท ‘ออมสิน’ ลดดอก-คืนเงิน ช.พ.ค.

การศึกษา

ผ่า ‘หนี้ครู’ 4 แสนล้านบาท

‘ออมสิน’ ลดดอก-คืนเงิน ช.พ.ค.

ในที่สุดก็บรรลุข้อตกลงร่วมกันระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กับธนาคารออมสิน
ในการเจรจาให้ธนาคารออมสินคืนเงินกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.)
หลังจากที่ธนาคารออมสินหักเงินกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ ช.พ.ค. ไปชำระหนี้แทนผู้กู้โครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. ที่ค้างชำระเกิน 3 งวดขึ้นไป โดยมีการเจรจาต่อรองยืดเยื้อนานมาหลายปี
โดยเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ได้หารือร่วมกับนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. และนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน
ได้ข้อสรุป 4 ประเด็นคือ

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์

1.กรณีติดตามเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาท ที่ธนาคารออมสินหักจากเงินกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ ช.พ.ค. เพื่อชำระหนี้แทนผู้กู้ที่ค้างชำระเกิน 3 งวดขึ้นไป คืนให้ สกสค. ด้วย สกสค. มองว่าไม่เป็นธรรมและมีหลักฐานชัดเจน โดยเบื้องต้นธนาคารออมสินได้คืนเงินให้แก่ สกสค. แล้ว 2,000 ล้านบาท
2. มีครูกว่า 4,000 คนที่เป็นหนี้วิกฤต เข้าข่ายอาจถูกยกเลิกสัญญาและถูกธนาคารฟ้องคดี ในจำนวนดังกล่าว มีครูกว่า 1,500 คนเข้ามาปรับโครงสร้างหนี้ เหลืออีก 2,500 คนซึ่งยังเปิดโอกาสให้ครูมาปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร
3. เงินกองทุน ช.พ.ค. ที่ธนาคารออมสินนำมาค้ำประกันโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. โดยธนาคารออมสินพร้อมเปลี่ยนหลักทรัพย์ในการค้ำประกัน หากครูนำหลักทรัพย์อื่นมาค้ำประกันแทนเงิน ช.พ.ค. ที่ทายาทจะได้รับเมื่อครูเสียชีวิต
และ 4. การทำประกัน ธนาคารออมสินยินดีให้ สกสค. เป็นตัวกลางหาบริษัทประกันใหม่ โดยต้องยึดหลักว่าผู้กู้สามารถเลือกบริษัทที่จะทำประกันได้

ขณะที่นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ระบุว่า จากครูที่เป็นหนี้ขั้นวิกฤตกว่า 4,000 คน ยอดหนี้รวม 380 ล้านบาท มีครูมาชำระและปิดบัญชีแล้ว 178 คน ขอประนีประนอมหนี้เพื่อจ่ายตามปกติ 1,375 คน
เหลือครูอีกประมาณ 2,500 คนที่ยังไม่ติดต่อมา ซึ่งธนาคารจำเป็นต้องฟ้องร้อง เพราะหากไม่ฟ้อง จะถูกข้อหาละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่
แต่ยืนยันว่าธนาคารเปิดให้ครูมาปรับโครงสร้างหนี้ได้ตลอดเวลา
นอกจากครู 4,000 คนที่เป็นหนี้วิกฤตแล้ว ยังมีครูอีกกว่า 20,000 คน เข้าข่ายจะถูกฟ้อง จึงอยากเชิญชวนให้มาปรับโครงสร้างหนี้
ด้านนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการ ก.ค.ศ. ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. ระบุว่า ธนาคารออมสินคืนเงินกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ แล้ว 2,000 ล้านบาท
ส่วนที่เหลือจะนำมาทยอยคืน แต่จะได้รับจนครบ 1 หมื่นล้านบาทหรือไม่นั้น สกสค. และธนาคารออมสินต้องไปศึกษารายละเอียดย้อนหลัง โดยจะศึกษาเป็นรายกรณีไปว่า ข้อตกลงและหลักการจ่ายเงินสนับสนุนเป็นอย่างไร หากกรณีไหนที่ตรวจสอบพบว่าการหักเงินของธนาคารไม่ถูกต้อง สกสค. สามารถใช้สิทธิเรียกเงินคืนจากธนาคารได้ แต่กรณีที่ธนาคารทำตามขั้นตอน และครูยังไม่จ่ายเงินคืน ธนาคารจะทวงหนี้ตามปกติ ทั้งนี้ เงินที่ได้คืนมา จะนำไปพัฒนาคุณภาพชีวิต
“ส่วนกองทุนเงิน ช.พ.ค. ที่ธนาคารนำมาค้ำประกันการกู้เงินของครู ซึ่งหลายฝ่ายอยากให้เงินก้อนนี้ตกแก่ลูกหลานภายหลังผู้กู้เสียชีวิตนั้น ทราบว่าธนาคารออมสินพร้อมที่จะให้ครูนำเอาทรัพย์สินอื่นมาค้ำประกันแทนกองทุนเงิน ช.พ.ค. เช่น บ้าน รถ ที่ดิน เป็นต้น ซึ่งธนาคารได้ดำเนินการให้ครูสามารถปรับเปลี่ยนหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ตลอดเวลาตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา”
นายพินิจศักดิ์ระบุ

ด้านนายอวยชัย วะทา ประธานเครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การบรรลุข้อตกลงดังกล่าวเป็นการแก้ไขปัญหาปลายเหตุ
การที่ธนาคารให้ครูเปลี่ยนทรัพย์สินค้ำประกัน แทนเงินกองทุน ช.พ.ค. นั้น คงมีครูส่วนน้อยที่ไปเปลี่ยนหลักทรัพย์
อย่าลืมว่าครูบางคนไม่มีบ้าน ไม่มีรถ จึงกู้เงินเพื่อมาซื้อหรือผ่อนบ้านและรถ จะเป็นไปได้หรือที่ครูจะนำทรัพย์สินที่ยังผ่อนไม่หมดมาค้ำประกันแทน
ส่วนบริษัทประกันที่ต่อไปจะเพิ่มบริษัทอื่นๆ เข้ามาจากเดิมที่มีแต่บริษัททิพยประกันภัยนั้น สงสัยว่าครูจำเป็นต้องทำประกันหรือไม่ เพราะมีเงิน ช.พ.ค. และ ช.พ.ส. อยู่แล้ว
อีกทั้งระยะเวลาที่ทำสัญญา ทำไมต้องเป็น 9 ปี ทำไมไม่ทำสัญญา 10 ปี
และเงินประกันครูไปไหน ครูจะได้รับเงินหลังจากครบสัญญาหรือไม่

โครงการ ช.พ.ค. มีครูสมัครเป็นสมาชิก 947,164 ราย ช.พ.ส. 386,603 ราย ในจำนวนดังกล่าวมีข้าราชการครูที่เป็นลูกหนี้ธนาคารออมสินอยู่ 4 แสนกว่าราย มูลหนี้รวมกว่า 4 แสนล้านบาท เฉลี่ยหนี้รายละ 1 ล้านบาท ใน 7 โครงการ มีผู้กู้โครงการ ช.พ.ค. 1-7 จำนวน 484,435 บัญชี วงเงิน 418,937.94 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2561 สกสค. ได้ทำเอ็มโอยูใหม่กับธนาคารออมสินเพื่อผ่อนปรนเงื่อนไขชำระหนี้ จากเดิมเงินค่าบริหารจัดการที่ธนาคารออมสินส่งคืนให้โครงการที่ 2-7 ร้อยละ 0.5-1 ผ่านกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ ช.พ.ค.-ช.พ.ส. ซึ่งปีหนึ่งๆ คิดเป็นเงิน 2 พันกว่าล้านบาท เปลี่ยนเป็นให้ธนาคารนำเงินไปลดดอกเบี้ยให้แก่ครูที่มีวินัยการชำระหนี้ที่ดีแทน หากใครยืนยันชำระหนี้เท่าเดิม ดอกเบี้ยที่ธนาคารคืนให้ จะถูกนำไปลดเงินต้น ทำให้สามารถชำระหนี้หมดเร็วขึ้น ส่วนรายใดต้องการลดงวดเงินผ่อนจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง สามารถติดต่อธนาคารออมสิน ขอปรับปรุงงวดผ่อนชำระตามอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงได้
ทั้งนี้ อัตราการปรับลดดอกเบี้ยใหม่ มีดังนี้ โครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.2 และ ช.พ.ค.3 MLR-0.5 หรือร้อยละ 6.00 ต่อปี จากเดิม MLR หรือร้อยละ 6.50 ต่อปี เท่ากับลดลงร้อยละ 0.5 ต่อปี
โครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.4 MLR-0.75 หรือร้อยละ 5.75 ต่อปี จากเดิม MLR หรือร้อยละ 6.50 ต่อปี เท่ากับลดลงร้อยละ 0.75 ต่อปี
โครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.5 MLR-1.00 หรือร้อยละ 5.50 ต่อปี จากเดิม MLR หรือร้อยละ 6.50 ต่อปี เท่ากับลดลงร้อยละ 1.00 ต่อปี
โครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.6 MLR-1.25 หรือร้อยละ 5.25 ต่อปี จากเดิม MLR-0.5 หรือร้อยละ 6.00 ต่อปี เท่ากับลดลงร้อยละ 0.75 ต่อปี
โครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.7 MLR-1.35 หรือร้อยละ 5.15 ต่อปี จากเดิม MLR-0.85 หรือร้อยละ 5.65 ต่อปี เท่ากับลดลงร้อยละ 0.50 ต่อปี
โครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.7 (ตั้งแต่ 1 เมษายน 2558) MRR-1.35 หรือร้อยละ 5.65 ต่อปี จากเดิม MRR-0.85 หรือร้อยละ 6.15 ต่อปี เท่ากับลดลงร้อยละ 0.50 ต่อปี
โครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ส. MLR-0.75 หรือร้อยละ 5.75 ต่อปี จากเดิม MLR หรือร้อยละ 6.50 ต่อปี เท่ากับลดลงร้อยละ 0.75 ต่อปี
ส่วนโครงการ ช.พ.ค.1 ทำร่วมกับธนาคารกรุงไทย จึงไม่ได้รับการลดดอกเบี้ย
กองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ ช.พ.ค. เป็นเหมือนแหล่งเงินทุนที่มีผู้เข้ามาฉกฉวยประโยชน์มากมาย กระทั่งนำมาสู่การฟ้องคดีผู้บริหาร สกสค. ที่ผ่านมา เมื่อธนาคารออมสินยินยอมที่จะคืนเงินค่าบริหารให้กลับไปที่ครูโดยตรง
แถมยังยอมคืนเงินที่หักจากกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ ไปอย่างไม่ถูกต้อง กลับคืนให้แก่ สกสค.
ก็คาดหวังว่าจากนี้ ศธ. จะใช้เงินจากกองทุนดังกล่าวเพื่อผลประโยชน์ของครูอย่างแท้จริง