รำลึก “โฌเอล โรบูชง” เชฟแห่งศตวรรษ ผู้คว้ามิชลินสตาร์มากที่สุดในโลก

วงการอาหารโลกได้สูญเสียบุคคลอันทรงคุณค่าไปอีกราย หลังจาก “โฌเอล โรบูชง” เชฟชาวฝรั่งเศสผู้ที่ทำสถิติครอบครอง “มิชลินสตาร์” มากที่สุดในโลก ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา

โรบูชง ผู้ที่ได้รับการขนานนามเป็น 1 ใน 4 “เชฟแห่งศตวรรษ” เมื่อปี 1990 โดยไกด์บุ๊กชื่อดังของยุโรปอย่าง “โกต์ เอ มิโย” ก่อตั้งร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสที่โด่งดังหลายแห่งใน 3 ทวีปของโลก สามารถก้าวไปสู่การครอบครองมิชลินสตาร์มากถึง 32 ดาวในช่วงหนึ่งของชีวิต

ก่อนเสียชีวิต โรบูชงยังคงการันตีฝีมือด้วยการครอบครองมิชลินสตาร์มากถึง 24 ดวง ด้วยอาหารเลิศรสจากร้าน “ลาเตลิเยร์ เลอ โฌเอล โรบูชง” ที่มีสาขาอยู่ในเมืองใหญ่ๆ อย่างโตเกียว ปารีส มาเก๊า รวมถึงกรุงเทพมหานครของเราด้วย

เชฟผู้เป็นตำนานชาวฝรั่งเศสได้รับการยกย่องจากประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ที่ระบุว่า โรบูชงนั้นมีบทบาทในการสร้างสรรค์อาหารยุคใหม่

“ชื่อของเขาและรูปแบบของเขาทำให้อาหารฝรั่งเศสมีชื่อเสียงไปทั่วโลก สร้างสัญลักษณ์ของศิลปะแห่งการใช้ชีวิตและยืนกรานในการทำงานที่มีคุณภาพ และแสดงออกถึงความรุ่มรวยของวัฒนธรรมของเรา” ประธานาธิบดีฝรั่งเศสระบุ

 

ที่มาภาพ Instagram – Gordon Ramsey

“กอร์ดอน แรมซีย์” เชฟจอมหัวร้อนชื่อดังชาวอังกฤษผู้ที่เคยได้รับการฝึกฝนจากโรบูชง ทวีตข้อความแสดงความอาลัยกับการจากไปของอดีตอาจารย์ระบุว่า “เราได้สูญเสียพระเจ้าแห่งมิชลิน เชฟผู้มีดาวประดับมากที่สุดในโลก ผู้ที่ทำให้เราทั้งหมดต้องตั้งใจอยู่เสมอ แม้แต่เวลาเขาหลับ! ขอบคุณมากเชฟ ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง เราจะระลึกถึงคุณเสมอ” แรมซีย์ระบุ

โรบูชงเกิดในปี 1945 เติบโตขึ้นในย่านชุมชนโรมันคาทอลิก ในเมืองปัวติเยร์ ลูกชายของช่างปูนและแม่ที่ทำหน้าที่แม่บ้านเต็มตัว

กิจวัตรที่โรบูชงชื่นชอบมากกว่าการนั่งศึกษาคัมภีร์ไบเบิลแบบที่เด็กในครอบครัวเคร่งศาสนาควรทำคือช่วงเวลาอาหาร ที่เขาจะได้มีโอกาสได้ช่วยบรรดาแม่ชีทำครัวที่โรงเรียนสอนศาสนา ด้วยหลงใหลความรู้สึกของการเตรียมวัตถุดิบและปรุงอาหาร

ด้วยวัยเพียง 15 ปี โรบูชงก้าวเข้าสู่อาชีพในสายอุตสาหกรรมอาหารอย่างเต็มตัวในฐานะเด็กฝึกงานในร้านขนมอบในท้องถิ่น

และด้วยความเป็น “เพอร์เฟ็กชั่นนิสต์” ของเขาทำให้โรบูชงก้าวหน้าในสายงานและสามารถขึ้นเป็นหัวหน้าเชฟในร้านอาหารของ “โรงแรมคองคอร์ด ลาฟาเยตต์” คุมเชฟกว่า 90 คน ทำอาหารเสิร์ฟวันละนับพันเมนู ด้วยวัยเพียง 29 ปี

โรบูชงโด่งดังจากเมนูที่เป็นซิกเนเจอร์อย่างทรัฟเฟิลทาร์ต ครีมกะหล่ำดอกและคาเวียร์ แลงกุสตัน ราวิโอลี เมนูกุ้งสไตล์อิตาลี รวมไปถึงอาหารสุดธรรมดาอย่าง “มันบด” ที่ใช้เพียงมันฝรั่ง เนย เกลือ และนม ที่โรบูชงพัฒนาขึ้นจนได้รับเสียงชื่นชมจากนักชิมเป็นจำนวนมาก

“ยิ่งผมอายุมากขึ้น ผมก็ยิ่งรู้ถึงข้อเท็จจริงที่ว่า อาหารยิ่งธรรมดาแค่ไหน มันก็ยิ่งพิเศษมากเท่านั้น” โรบูชงระบุกับบิสซิเนสอินไซเดอร์ เมื่อปี 2014

 

เชฟโรบูชงสร้างชื่อจากร้านอาหารในโรงแรมจนได้รับมิชลินสตาร์ 2 ดาวที่ร้านอาหาร “โรงแรมนิกโก” ก่อนที่จะเปิดร้านอาหารของตัวเองร้านแรกในปี 1981 ที่มีชื่อว่า “เลอ ชาแมง” และก็นำมาชึ่งมิชลินสตาร์ 3 ดวงในเวลาไม่นาน ได้มีชื่อในฐานะ “ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลก” ในเวลาต่อมา

หลังจากได้รับการยกย่องเป็น “เชฟแห่งศตวรรษ” จากโกต์ เอ มิโย โรบูชง ในปี 1990 โรบูชงประกาศปลดเกษียณด้วยวัยเพียง 50 ปี ด้วยเหตุผลว่าต้องการใช้ชีวิตกับภรรยาและลูกอีก 2 คนให้ได้มากที่สุด หลังจากชีวิตส่วนใหญ่ต้องอยู่แต่ในห้องครัวมาโดยตลอด

การประกาศเกษียณตัวเองครั้งนั้นไม่ได้หยุดยั้งโรบูชงจากการเปิดร้านอาหารที่เป็นที่รู้จักอย่าง “ลาเตลิเยร์ เลอ โฌเอล โรบูชง” ที่เปิดขึ้นครั้งแรกในปี 2007 มีสาขาอยู่ทั่วโลกที่รวมถึงในโครงการมหานคร ในกรุงเทพฯ ด้วย

เชฟผู้เป็นตำนานมีบุคลิกภายนอกที่สุขุม ทว่าในการสัมภาษณ์เมื่อปี 2013 โรบูชงยอมรับว่าเคยฟิวส์ขาดจนต้องโยนจานอาหารผลงานของลูกศิษย์เอกอย่างกอร์ดอน แรมซีย์ มาแล้ว

“ผมไม่คิดว่าผมจะมีอารมณ์มากขนาดนั้น แต่มันก็จริงที่ผมทนไม่ได้กับสิ่งที่ไม่ได้ทำอย่างเหมาะสม” เชฟผู้รักความสมบูรณ์แบบระบุ