เครื่องเคียงข้างจอ / วัชระ แวววุฒินันท์ / นาฏราช ครั้งที่ 9

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ / วัชระ แวววุฒินันท์

 

นาฏราช ครั้งที่ 9

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้มีการจัดงานประกาศรางวัล “นาฏราช ครั้งที่ 9” ขึ้น งานนี้จัดขึ้นโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์
รางวัลนี้เป็นรางวัลที่คัดเลือกจากคนทำมาหากินในอาชีพวิทยุและโทรทัศน์โดยตรง นั่นคือการพิจารณาผู้เหมาะสมที่จะได้รับรางวัลมาจากคนในแวดวงเดียวกัน จึงเชื่อถือได้ว่า กรรมการที่เรียกว่าโหวตเตอร์จะมีประสบการณ์จริงในการประกอบอาชีพ แล้วใช้ประสบการณ์นั้นมาตัดสินเพื่อนในวงการด้วยกัน
แบบดูกันออกว่า ใครเจ๋งไม่เจ๋งแค่ไหน ประมาณนั้น

ในปีนี้ผู้ที่เข้ารอบชิง 5 อันดับมีความหลากหลายมากขึ้น สอดคล้องไปกับจำนวนช่องของดิจิตอลทีวีที่มีถึง 22 ช่อง ผลงานจึงหลากหลาย มาจากหลายๆ ช่อง อย่างผลงานด้านละคร ที่มักจะวนเวียนอยู่กับช่อง 3 ช่อง 7 ขาประจำของการทำละคร ก็มีตัวแชร์มากขึ้น ทั้งจากช่อง One และ GMM
หรือรางวัลประเภทข่าว ก็กระจายไปทั้งช่อง 3 ช่อง 7 ช่อง 8 ช่อง One ช่องไทยรัฐทีวี และช่อง pptv
และผลรางวัลที่ออกมาก็กระจายไปกับช่องสถานีต่างๆ ตามคะแนนการโหวต
ผลรางวัลที่สร้างความแตกต่างได้มากคือ รางวัลละครยอดเยี่ยม และรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ซึ่งมาจากเรื่อง “Project S The Series ตอน Side by Side พี่น้องลูกขนไก่” ทางช่อง GMM 25
ซึ่งนักแสดงนำชายของเรื่องนี้ก็คือ ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร กับบทบาท “พี่ยิม” ที่เป็นออทิสติกได้น่าประทับใจ เอาชนะรุ่นพี่ๆ อย่างณเดชน์, ไมค์ ภัทรเดช, หมาก ปริญญ์ และบี้ สุกฤษฏิ์ ไปได้
ทำให้เห็นว่า ไม่ว่าคุณจะอ่อนแก่ประสบการณ์แค่ไหน แต่ถ้าคุณทำผลงานออกมาได้ดี เป็นที่ประทับใจ และสะท้อนถึงความสามารถที่คุณมีอยู่ได้ชัดเจน ก็สามารถพิชิตรางวัลได้ เชื่อว่าจะเป็นกำลังใจให้กับนักแสดงรุ่นใหม่ที่มีฝีมืออีกหลายคนได้อย่างดี
ส่วนผลรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมนั้น ตรงกันข้ามกับนำชายเลย เพราะผู้ที่ได้รับรางวัลไป เป็นนักแสดงหญิงที่อยู่ในวงการมานานร่วม 30 ปี มีผลงานการแสดงที่โดดเด่นและน่าประทับใจให้กับวงการมากมาย นั่นคือ “หมิว-ลลิตา ปัญโญภาส” จากละครเรื่อง “ล่า” ทางช่อง One
หมิวรับบท “มธุสร” แม่ของลูกสาววัย 11 ปี ที่ถูกเดนคนกลุ่มหนึ่งย่ำยีทั้งร่างกายและจิตใจจนต้องทำตนเป็นศาลเตี้ย ออกจัดการผู้ก่อกรรมทำเข็ญกับเธอและลูกให้ตายตกตามกัน
บทนี้หากไม่ได้นักแสดงที่ฝีมือถึง วัยวุฒิถึง และประสบการณ์ในชีวิตถึงแล้ว ยากมากที่จะแบกรับบทที่หนักอึ้งนี้ได้ และหมิวก็ได้สร้างผลงานที่น่าประทับใจอย่างมาก เรียกว่า “ไม่ห่วงสวย” จนชนะใจกรรมการคว้ารางวัลนี้ไปอย่างสวยๆ

สําหรับ เจ เอส แอลเองได้มา 1 รางวัล คือ รางวัลรายการทอล์กโชว์ยอดเยี่ยม ซึ่งจริงๆ มีรายการของเราเข้าชิงกันเอง 2 รางวัล คือ “เจาะใจ” กับ “Perspective” และที่ได้รับไปคือรายการ “เจาะใจ” ออกอากาศทางช่อง 9 HD 30
ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณแฟนๆ รายการที่ติดตามชมและให้กำลังใจรายการนี้จนก้าวสู่ปีที่ 27 แล้ว และจะยังคงเป็นรายการที่สร้างพลัง สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมต่อไป แต่จะขยายฐานไปสู่คนรุ่นใหม่มากขึ้น เพราะเราเชื่อว่าไม่ว่าคุณจะเป็นคนวัยใด ล้วนต้องการแรงบันดาลใจให้กับชีวิตทั้งนั้น
นอกจากเรื่องราวของแขกรับเชิญแล้ว ช่วงท้ายรายการที่เรียกว่าช่วง “คอลัมนิสต์” ก็เป็นอีกหนึ่งที่คนดูชื่นชอบมาก เพราะได้ฟังแง่มุมความคิด ได้เห็นวิธีการมองโลกของคอลัมนิสต์ประจำที่หมุนเวียนกันมาเล่าเรื่องดีๆ ให้เราฟัง ได้แก่ หนุ่มเมืองจันท์, วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล, อุ๋ย บุดดาเบลส, เอ๋ นิ้วกลม, ป๋าเต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม

ในแง่ brand แล้ว ถือว่า “เจาะใจ” มี branding ที่แข็งแรงมาก และชัดเจนใน positioning ของตนเอง ที่ทำให้หลายคนอยากมานั่งให้ดู๋-สัญญาสัมภาษณ์ ซึ่งเชื่อว่าจะออกมาดีแน่นอน
อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับดู๋ สัญญา พิธีกรที่ทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่เทปแรกจนถึงปัจจุบัน สัญญารู้จักใช้ท่าทีและน้ำเสียงของเขาให้ผู้ถูกสัมภาษณ์รู้สึกเป็นกันเอง สบายใจที่จะเล่า เหมือนมานั่งในห้องรับแขกบ้านเพื่อนที่สนิทใจ จึงสามารถถ่ายทอดเรื่องราวของตัวเองได้อย่างมีรสชาติ ที่แฝงไว้ด้วยข้อคิดและสาระ
จนทำให้ในงานนาฏราชปีนี้ ดู๋-สัญญา ได้รับรางวัลพิธีกรยอดเยี่ยมจากรายการ “เจาะใจ” ไปครอง ถือว่าเป็นรางวัลที่ตอบแทนความสามารถของเขาได้อย่างดี
ซึ่งรางวัลพิธีกรยอดเยี่ยมนี้ สัญญาเองก็เคยได้รับมาแล้วทั้งจากเวทีนาฏราชเอง และจากเวทีอื่นๆ นั่นแสดงให้เห็นว่ามาตรฐานและคุณภาพการทำงานของเขานั้นยังไม่ตก

และเบื้องหลังความสำเร็จของรายการ และของสัญญาในฐานะพิธีกรก็คือ “ทีมงาน” ที่รับผิดชอบอยู่ ที่ต้องสร้างสรรค์งานให้ออกมาน่าสนใจทุกอาทิตย์ ในเวลาอันจำกัด และต้องแข่งขันกับโลกข้อมูลข่าวสารที่ถาโถมเข้าใส่คนยุคนี้แบบบ้าคลั่ง
ในความเป็นจริงเราไม่ได้แข่งกับรายการโทรทัศน์ด้วยกันอย่างเดียว แต่เราแข่งกับเนื้อหาในแพลตฟอร์มอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะบนโลกโซเชียล ที่มาไวไปไว ในขณะที่รายการเจาะใจมีสัปดาห์ละครั้ง
จึงได้ขยายพื้นที่ที่จะสื่อสารกับแฟนรายการได้มากขึ้น และทุกเมื่อ
นั่นคือ เจาะใจออนไลน์ ออกทางเว็บไซต์ที่ขายเรื่องแรงบันดาลใจต่างๆ และการใช้ชีวิตประจำวันให้มีความสุข

ส่วนรางวัลสำคัญอีก 2 รางวัลสำหรับนาฏราชปีนี้คือ รางวัลเกียรติยศทางด้านวิทยุ และรางวัลเกียรติยศทางด้านโทรทัศน์
ปีนี้ผู้ที่ได้รับการประกาศให้เป็นบุคคลเกียรติยศนั้น เป็น “Double แดง” เลย
นั่นคือ แดง-จันทรา ชัยนาม นักจัดรายการในระดับตำนาน ที่ปัจจุบันยังจัดอยู่
กับ แดง-สุรางค์ เปรมปรีดิ์ ผู้ทำให้ช่อง 7 สี ผงาดขึ้นมาเป็นสถานีโทรทัศน์ที่ยิ่งใหญ่จนถึงปัจจุบันนี้ได้
ฉอด-สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ได้รับเกียรติให้มาเป็นผู้ประกาศรางวัลนี้ โดยเล่าว่าแรงบันดาลใจและกำลังใจในการทำงานวิทยุของพี่ฉอดเองก็มาจากพี่แดง จันทรา ซึ่งเป็นต้นแบบที่น่าชื่นชมยกย่อง รวมทั้งความสามารถอื่นๆ เช่น การแสดงภาพยนตร์ไทยเรื่อง “เทพธิดาบาร์ 21” ก็ได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงไปครอง
พี่แดง จันทรา ได้กล่าวหลังรับรางวัลไว้ว่า “ดีใจที่มีคนเห็นคุณค่า ปัจจุบันยังจัดรายการอยู่ และตั้งใจจะทำหน้าที่สื่อที่จะมอบสิ่งดีๆ ให้กับสังคม” และด้วยความเป็นผู้ใหญ่ที่เห็นคุณค่าในการทำงานของคนรุ่นหลัง
ตอนท้ายพี่แดงยังเอ่ยฝากถึงการให้พื้นที่สื่อกับนักจัดรายการวิทยุที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชนด้วย

ส่วนทางโทรทัศน์นั้น บอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ เป็นผู้ประกาศรางวัลและกล่าวยกย่องเชิดชูคุณแดง-สุรางค์ ว่า เป็นคนสร้างงานที่สำคัญของวงการโทรทัศน์จริงๆ และคุณบอยเองที่ก้าวเข้ามาทำงานในวงการนี้ได้ก็ด้วยแรงบันดาลใจจากคุณแดง-สุรางค์เช่นกัน
คุณแดง-สุรางค์ ได้กล่าวหลังรับรางวัล โดยขอบคุณบุคคลต่างๆ และไม่ลืมที่จะขอบคุณ “คนดู” ซึ่งเป็นส่วนในการสนับสนุนที่สำคัญ และในตอนจบคุณแดงได้กล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างน่าประทับใจด้วยว่า “วงการโทรทัศน์นี้เป็นวงการที่สร้างชีวิตให้กับพวกเราทุกคน”
ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งปี ปีหน้าเราก็จะมาชื่นชมกับผู้ได้รับรางวัลกันใหม่ ในขณะที่ปีนี้วงการวิทยุและโทรทัศน์ต่างก็ต้องดิ้นรนกันสุดฤทธิ์ให้อยู่รอดกันต่อไปด้วยแสงสว่างลิบๆ ที่ปลายอุโมงค์โน่น
หากรางวัลหนึ่งนั้นพอจะทำให้ได้ยิ้มออกและเป็นกำลังใจให้กับคนทำงานได้บ้าง…
ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่ใช่น้อยเลย