ในประเทศ / สงคราม ‘เต่า’

ในประเทศ

 

สงคราม ‘เต่า’

 

พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่ก่อตั้งโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส.

มีมติเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2561 เลือก ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นหัวหน้าพรรค

ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล กล่าวหลังรับตำแหน่งว่า ส่วนตัวเมื่อได้รับทาบทามให้มาทำงานกับพรรคนี้ ก็ตอบรับในทันที เพราะต้องการแก้ปัญหาประเทศ แม้ว่าการเมืองจะมีความคิดเรื่องการแบ่งแยกระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน แต่ตนตั้งใจว่าฝ่ายค้านจะต้องทำงานร่วมกับรัฐบาล ฟังความเห็นซึ่งกันและกัน หาคำตอบที่ดีที่สุดกับบ้านเมือง เพื่อให้ประเทศอยู่ได้ ไม่ใช่เป็นพรรคการเมืองเพื่อทะเลาะกัน เพราะประเทศไทยจะอยู่ไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล

ม.ร.ว.จัตุมงคลกล่าวว่า มีโอกาสที่จะได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพราะรัฐธรรมนูญออกแบบระบบเลือกตั้งเพื่อทำให้รัฐบาลมีหลายพรรคการเมือง

ส่วนการสนับสนุนให้บุคคลใดหรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ยังไม่มีประโยชน์ที่จะคิดยาวขนาดนั้น เพราะยังไกลเกินไป โดยการเลือกตั้งครั้งหน้ารัฐธรรมนูญกำหนดให้ทุกพรรคการเมืองต้องเสนอชื่อนายกฯ อยู่แล้ว ดังนั้น เชื่อว่านายกฯ น่าจะมาจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง

เมื่อถามว่า พรรครวมพลังประชาชาติไทยจะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ หรือไม่ ม.ร.ว.จัตุมงคลกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องหารือกันอีกครั้ง อย่าคิดอะไรล่วงหน้า ยังมีเวลา แต่ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์จะเลือกลงบัญชีรายชื่อพรรคใด

เมื่อถามว่าจะสามารถร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่ ม.ร.ว.จัตุมงคลกล่าวว่า เท่าที่เห็นก็ไม่ได้มีความแตกต่างกัน หากพรรคพลังประชารัฐได้เสียงข้างมากและจัดตั้งรัฐบาล คิดว่าเราก็น่าจะมีโอกาสได้ร่วมงาน

เมื่อถามว่า ในทางกลับกันถ้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง จะมีโอกาสร่วมงานกันหรือไม่ ม.ร.ว.จัตุมงคลกล่าวว่า

“ถึงตอนนั้นจะยังมีพรรคเพื่อไทยหรือเปล่าก็ไม่รู้”

 

การรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค รปช. และคำแถลงหลังรับตำแหน่งข้างต้น

นำมาสู่สงครามในทันที

เป็นสงครามทั้งภายในและภายนอก

ภายใน เป็นกรณี “สงครามเต่า” ระหว่าง ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล หรือหม่อมเต่านา บุตรีของ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก แสดงจุดยืนต่างจาก “หม่อมเต่า” “บิดา” รุนแรง-ชัดเจน

เช่น

“โดยส่วนตัวแล้วเราเชื่อว่า…คนที่เลือกที่จะร่วมงานกับคนที่พิสูจน์ตัวเองมาอย่างนับไม่ถ้วนว่าเป็นคนไม่มีสัจจะ…คนคนนั้นก็…เป็นคนที่เราจะไม่มีทางให้ความไว้ใจและเชื่อในสัจจะของเขาเช่นกันค่ะ…ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม”

หรือ

“ด้วยความเคารพ…เราว่าเราก็แสดงจุดยืนค่อนข้างชัดมากแล้ว…แต่ก็ไม่เป็นไรบอกอีกทีก็ได้ค่ะ…ว่า เรา ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล ไม่สนับสนุนพรรค รปช. ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในทุกรูปแบบ…ไม่ว่าหัวหน้าพรรคจะเป็นใคร และเราจะไม่ไปเลือกตั้งด้วยค่ะ”

และยังย้ำจุดยืนอีกว่า

“เราไม่เคยเลือกพรรคนายกฯ ทักษิณ…และก็จะไม่มีวันเลือกด้วย…แต่เนื่องจากท่านหัวหน้าพรรค…รปช.คนใหม่กล่าวตอนรับตำแหน่งว่าท่านไม่ต้องการเห็นพรรคการเมืองมาทะเลาะกัน…ต้องการเห็นความยืดหยุ่นต่อกันเพื่อให้ประเทศไทย…ของเราเดินหน้าต่อไปได้…พรรคเพื่อไทยเมื่อเลือกตั้งปี 2554…พรรคเพื่อไทยมีคนลงคะแนนให้…จนชนะเลือกตั้งใหญ่ราวสิบห้าล้านคน…ท่านหัวหน้าพรรค รปช.คนใหม่…กล่าวว่าตอนเลือกตั้งครั้งหน้า…ยังไม่รู้เลยว่าจะมีเพื่อไทยหรือเปล่า?…ก็ระวังคำพูดหน่อยก็ดีค่ะท่านหัวหน้าพรรคคนใหม่…พรรคใคร ใครเขาก็รัก อยากปรองดอง อยากยืดหยุ่น ก็อย่า…ไปเหยียบย่ำหัวใจของคนรากหญ้าเขาให้มากนักค่ะ”

 

พลิกประวัติส่วนตัว หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล

เป็นโอรสของพลตรี หม่อมเจ้าฉัตรมงคล โสณกุล พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุไรรัตนศิริมาน พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต

จบการศึกษาจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และโรงเรียนแฮร์โรว์ จบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เมื่อ พ.ศ.2508 ปริญญาโทบริหารรัฐกิจ จาก Kennedy School of Government มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่อ พ.ศ.2512

หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล สมรสกับรัชนี คชเสนี มีบุตร 1 คน คือ

หม่อมหลวงมิ่งมงคล โสณกุล

สมรสครั้งที่สองกับคุณหญิงบูลย์วิภา โสณกุล ณ อยุธยา (สกุลเดิม ทองไข่มุกข์) มีบุตร 2 คน คือ

หม่อมหลวงอรมงคล โสณกุล

หม่อมหลวงอภิมงคล โสณกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต 6 พ.ศ.2548 พรรคประชาธิปัตย์

 

จากประวัติข้างต้น หม่อม “เต่านา” หรือหม่อมหลวงมิ่งมงคล โสณกุล เป็นบุตรีคนโตของหม่อมเต่า

เป็นที่ทราบกันดีว่า หม่อม “เต่านา” มีจุดยืนทางการเมืองต่างจากบิดาและน้องชาย

โดยเอนเอียงไปในทางเห็นใจ “คนเสื้อแดง”

จึง “เห็นต่าง” จากท่าทีของราชนิกุล รวมถึงกลุ่มอิลีท กลุ่มอนุรักษนิยม และมวลชนในปีกของคนเสื้อเหลือง รวมทั้ง กปปส.

โดยแสดงออกผ่านสื่อโซเชียลมีเดียอยู่เนืองๆ

รวมถึงการประกาศไม่สนับสนุนพรรค รปช. ของนายสุเทพ รวมถึงหัวหน้าพรรคที่ชื่อหม่อมราชวงศ์จัตุมงคลด้วย

ถือเป็นสงครามเต่า “ภายใน” ที่มากด้วยสีสัน

 

ส่วนสงคราม “ภายนอก” ก็มีเหตุมาจากคำพูดของหม่อมเต่าเช่นกัน

โดยถูกผู้สื่อข่าวตั้งคำถามว่า

ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง จะมีโอกาสร่วมงานกันหรือไม่

ม.ร.ว.จัตุมงคลตอบว่า

“ถึงตอนนั้นจะยังมีพรรคเพื่อไทยหรือเปล่าก็ไม่รู้”

คำตอบดังกล่าว มีปฏิกิริยาจากคนในพรรคเพื่อไทยทันทีว่า เป็น “ข้อมูลอินไซต์” ที่หม่อมเต่ารับฟังมาจากไหนหรือเปล่า

เพราะสอดคล้องกับทฤษฎีสมคบคิด รวมถึงจดหมายเปิดผนึกจากนายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ก่อนหน้านี้ ว่ามีขบวนการล้มล้างพรรคไทยรักไทยมาจนถึงพรรคเพื่อไทย

และความพยายามนั้นยังคงมีอยู่

คำกล่าวของหม่อมเต่า จึงเป็นเสมือนการบอกเป็นนัยๆ ว่าพรรคเพื่อไทยอาจโดนเชือดอีกครั้งก็ได้

จึงมีคำถามจากพรรคเพื่อไทยว่า ม.ร.ว.จัตุมงคลไปรู้อะไรมา

กลายเป็นสงคราม “วาทะ” ภายใต้พื้นฐานความเชื่อว่า โดยสถานะของ ม.ร.ว.จัตุมงคล อาจจะมีอะไรเอ๊กคลูซีฟ

เอ็กซคลูซีฟที่จะพิฆาตทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเพื่อไทย

 

ยิ่งเมื่อเพจนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ AnekLaothamatasAnekLaothamatas ได้โพสต์ข้อความทำนอง “เบื้องหลัง” การเข้ามาพรรค รปช. ของหม่อมเต่า

ยิ่งทำให้อดคิด “ไปไกล” ไม่ได้

โดยนายเอนกโพสต์ว่า

“เมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม  2561 พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช ) เปิดประชุมผู้จัดตั้ง เลือก ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล เป็นหัวหน้าพรรค

ทำคน ‘ตกใจ’ เพราะคาดไม่ถึง คิดไม่ถึง ว่าในวัยที่ ‘ล้างมือในอ่างทองคำ’ แล้ว คุณชายท่านนี้จะทิ้งความสุขส่วนตัวมาทำงานการเมืองเพื่อบ้านเมือง

เมืองไทยเรานั้น ‘ไม่สิ้นคนดี’ จริงๆ

จึงในวัยเจ็ดสิบเศษ ราชนิกุลผู้สูงศักดิ์ท่านนี้ มองว่า รปช. มุ่งทำเพื่อประชาชน เพื่อประชาธิปไตยที่เป็นธรรมาธิปไตย

ที่สำคัญยิ่ง เทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ มีปณิธานแน่วแน่ว่าจะน้อมนำพระบรมราชวินิจฉัย พระบรมราโชบาย และพระราชดำริ มาเป็นหลักชัยในการนำพาประเทศ

เช่นนี้ท่านจึงเป็นบุคลาธิษฐานของอุดมการณ์ รปช. โดยแท้

‘หม่อมเต่า’ นั้น เป็นมือเศรษฐกิจระดับชาติและนานาชาติครับ

ท่านจะพา ‘กูรู’ เศรษฐกิจมาเข้าพรรค

คนเหล่านี้จะมาประสานกับ ‘ปราชญ์ชาวบ้าน’ และนักคิด-นักปฏิบัติ ‘ศาสตร์พระราชา’ รวมทั้งเศรษฐกิจภาค ‘ครัวเรือน’ และเศรษฐกิจ ‘ภาคประชาชน’ ที่มีอยู่แล้วภายในพรรค ร่วมกันทำให้ ‘ปากท้อง’ ของประชาชน ทุกภาค ทุกพื้นที่ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืนแน่นอน

‘หม่อมเต่า’ จบการศึกษาขั้นสูงจากสถาบันระดับโลกคือ ‘เคมบริดจ์’ ของอังกฤษ และ ‘ฮาร์วาร์ด’ ของอเมริกา และทุกวันนี้ก็ติดตามเรียนรู้จีน อีกมหาอำนาจโลก ไม่หยุดยั้ง

ท่านรู้ ‘เมืองไทย’ เป็นอย่างดี รับราชการเป็นอธิบดีหลายกรม และสุดท้ายเป็นปลัดกระทรวงการคลัง และเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย

ท่านรับราชการใช่เป็นเพื่อลาภยศตำแหน่ง เมื่อขัดแย้งกับรัฐบาลในประเด็นที่ท่านเห็นว่าผลประโยชน์ของชาติกำลังจะเสียหาย ก็กล้าคัดค้าน และกล้าลาออกจากทั้งสองตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่มากดังกล่าว

ด้วยสถานะและประสบการณ์อย่างนี้ ผมคิดว่า ‘หม่อมเต่า’ พร้อมจะเป็นได้ถึงนายกรัฐมนตรี

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ‘พญาครุฑ” อีกหนึ่งตน ผู้เป็นคนเก่ง คนดี คนกล้า ผู้ช่ำชองการบริหารราชการแผ่นดินอย่างยิ่ง ได้ ‘โผบิน’ เข้าสู่เวทีการเมือง

ท่านมีสังกัด มีกำลังหนุนแล้ว คนอย่าง ‘หม่อมเต่า’ นั้น เป็นนายกรัฐมนตรีได้ในทุกแบบ ทุกสถานการณ์ ครบเครื่องเลยครับ”

ยกย่องถึงระดับ “พญาครุฑ” นี่ย่อมไม่ธรรมดา

ถือเป็นการ “ข่ม” อริในสงคราม “เต่า” ให้รู้ว่า ไผเป็นไผ เสียเลย?!?!